มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 540
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 540
และเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างมืดฟ้ามัวดิน หลัวซิวกลับไม่ขยับเขยื้อน แสงสองขั้วดำขาวได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา การโจมตีจำนวนมากตกลงบนตกลงบนม่านลำแสง อานุภาพได้ถูกบั่นทอนไปเกินกว่าครึ่ง อานุภาพที่เหลืออยู่ ไม่อาจทำร้ายร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาได้เลยสักนิด
“พี่น้องทุกคน ถอยเร็ว!”
อสูรเสือตนหนึ่งตวาดขึ้นมา และก้าวเท้าทั้งสี่ข้างในทันที และหนีไปไวอย่างกับลม ระยะเวลาครึ่งปี หลัวซิวประมือกับอสูรกายในบริเวณรอบนอกของเขตที่ห้าพวกนี้ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว รู้ถึงความร้ายกาจของมนุษย์ผู้นี้ดี เมื่อเห็นว่ารอบโจมตีไม่สำเร็จ ก็เลือกที่จะถอยหลังหนีไปในทันที และอสูรกายในเขตที่ห้าพวกนี้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน น้อยมากที่จะสู้กัน และเมื่อหลายหมื่นปีก่อนนั้นได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งของสำนักไท่เสวียนอยู่บ่อยครั้ง รู้จักที่จะร่วมมือระหว่างกัน มีความคิดตรงกันมากเลยทีเดียว
“เจ้าเสือน้อย เจ้าวิ่งหนีเร็วกว่าผู้ใดทุกครั้งเลย”
รอยยิ้มเล็กน้อยได้ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหลัวซิว แม้ว่าในระยะเวลาครึ่งปีมานี้ได้ต่อสู้กับอสูรเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง และมีบางครั้งที่ได้รู้สึกว่าอสูรกายของที่นี่นั้นน่าสนใจมากเลยทีเดียว
เสียงพรึบดังขึ้นหนึ่งครั้ง ปีกทิพย์ไร้มลทินได้กางออกมาจากด้านหลัง ใช้ร่วมกับวิชาล่องหนไท่เสวียนมีพลังที่สามารถพุ่งตัวไปในอากาศได้ หลัวซิวใช้ระยะเวลาเพียงหายใจเข้าออกสองสามครั้ง ก็ได้ตามอสูรเสือที่หนีเป็นตัวแรกมาทัน
นี่คืออสูรเสือวาโยเขียวที่มีปีกหนึ่งคู่ มีลายเสือสีเขียวมาโดยกำเนิด เป็นอสูรธาตุลม มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เหมือนอสูรเสือวาโยเขียวตนนี้รู้ว่าตนเองจะถูกตามมาทัน มันขยับปีกทั้งสองข้าง ร่างที่สูงหลายจ้างพลันหยุดลง ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งมองไปโดยรอบ และได้กวาดปล่อยตัวสำนึกออกไป
“เจ้าเสือน้อย ข้าอยู่ที่ด้านบนของเจ้า!”
เสียงหัวเราะดังลอยมา อสูรเสือวาโยเขียวขนลุกซู่ไปทั้งตัว ยังไม่ทันจะมีการตอบสนองใด ๆ หมัดหมัดหนึ่งก็ได้ต่อยเข้าที่ศีรษะของมัน
“โฮกกก!”
อสูรเสือวาโยเขียวกรีดร้องโหยหวน ร่างร่วงหล่นเหมือนดาวตก เสียงดังกระหึ่ม กระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมขึ้นมา
ตามหลักแล้ว อาศัยแรงจากร่างเนื้อร่างยุทธ์แดนมกุฎของหลัวซิว สามารถสังหารเสืออสูรระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิได้ในหมัดเดียว
แต่เนื่องจากถูกวิชาห้ามค่ายกลของเขตที่ห้าแห่งนี้กดเอาไว้ ร่างยุทธ์แดนมกุฎของเขาสามารถแสดงพลังออกมาได้เพียงร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิ แม้แต่พลังการป้องกันเอง ก็ยังถูกกดลงมา
นอกจากนี้แล้วยังมีพลังของลูกแก้วเสวียนดำเองก็ถูกกดพลังเช่นเดียวกัน สามารถเพิ่มระดับผลการฝึกตนได้ถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าสูงสุดเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่า นี้มีสาเหตุมาจากหมัดนี้ของหลัวซิวไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นละก็แม้จะถูกกดพลังการต่อสู้เอาไว้ สังหารอสูรเสือตนนี้ในหมัดเดียว ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก
อสูรเสือวาโยเขียวไม่ได้ถูกสังหาร แต่ก็ถูกหมัดนี้ชกจนงุนงง ครึ่งค่อนวันถึงได้คลานออกมาจากหลุมนั่น บนศีรษะเต็มไปด้วยเลือด เจ็บจนร้องครวญครางอยู่ไม่หยุด
มันมองไปรอบ ๆ เป็นอันดับแรก กลับไม่เห็นร่างของมนุษย์นักยุทธ์ผู้นั้นเลยแม้แต่เงา อดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา เกรงว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และต่อยตนเองเข้าให้อีกครั้ง
“พี่เสือ ท่านไม่เป็นอะไรนะ”
ในตอนนี้เอง ในป่ารกทึบที่อยู่ไม่ไกลนัก อสูรกายหลายตัวได้เดินออกมา
“เจ้ามนุษย์ผู้นั้นล่ะ?” อสูรเสือวาโยเขียวเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของอสูรกายกลุ่มนี้
“ไปทางนั้นแล้ว น่าจะไปที่เขตจุดศูนย์กลาง” วานรดำตัวหนึ่งได้ชี้ออกไปยังทิศทางหนึ่ง
อสูรเสือวาโยเขียวทำเสียงฮึดฮัดออกมาหนึ่งครั้ง “ไปแล้วก็ดีเหมือนกัน เขตจุดศูนย์กลางมีอสูรกายที่ร้ายกาจอยู่มากมาย เจ้าหนุ่มคนนั้นจะต้องถูกทำร้ายจนหนีออกมาอย่างแน่นอน”
“นั่นน่ะสิ แต่ว่าครึ่งปีมานี้พวกเราได้รับความลำบากมาไม่น้อย เจ้าสามหมูถูกสังหารไปตั้งสี่ครั้ง” อสูรหมูตนหนึ่งกล่าวอย่างโมโห
แม้ว่าอสูรกายในที่นี้จะสามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่ก็มีความเจ็บปวดและประสาทสัมผัสเช่นเดียวกัน ในตอนที่ถูกสังหาร แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว
“บ้าเอ๊ย พวกเราอสูรกายในเขตนี้ มีหรือที่ไม่ถูกมันสังหารมากกว่าสองครั้ง?”
อสูรกายสิบกว่าตัวรวมกันบ่นพึมพำ มีทั้งร่างเล็กร่างใหญ่ เสียงเข้มเสียงแหลม สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกตลกเสียจริง