มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 42 ทำลายสถิติ
บทที่ 42 ทำลายสถิติ
หลังจากจบการแข่งขันรอบสอง คนที่ได้เข้ารอบ ก็เหลือเพียง70กว่าคน
พอเข้าสู้รอบที่สาม ครั้งนี้หลัวซิวขึ้นเวทีเร็ว คู่ต่อสู้ของเขานั้น เป็นหนุ่มน้อยที่สวมชุดประลองสีกรมท่า แบกทวนสีดำ ใบหน้าเย่อหยิ่ง
“เหอะๆ ไอ้หลัวซิวซวยแล้ว ถึงได้เจอกับหลินเจี๋ย!”
ด้านล่างเวที ข้างๆ ตัวของหลิวหยู่ซิน ก็มีสวีเฟยที่คอยทำหน้าที่เป็นคนปกป้องผู้หญิงทั้งวัน พูดหัวเราะสะใจอยู่ข้างๆ
หลิวหยู่ซินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาก็เผยความรังเกียจต่อสวีเฟยที่อยู่ข้างๆ คนนี้ “อย่างน้อยหลัวซิวก็ยังกล้าที่จะลงแข่งขันประลองยุทธ์ แถมยังเอาชนะได้ตั้ง2รอบ ถึงแม้จะแพ้ให้กับหลินเจี๋ย ก็ไม่ถือว่าขายหน้า”
“มันก็แค่ดวงดี ที่ก่อนหน้านี้เจอกับคนอ่อนแอเท่านั้นเอง” สวีเฟยพูดหน้าแหย เขาฟังออก ว่าหลิวหยู่ซินกำลังประชดตนเองที่ไม่กล้าแม้แต่จะลงแข่งขัน
แต่ว่าพอคิดดูแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วผู้หญิงคนนี้ก็จะต้องเป็นของตนเอง เขาก็เลยอดกลั้นไว้ แล้วก็คิดในใจ รอวันที่มึงแต่งงานเข้ามาในตระกูลสวี พอถึงตอนนั้นกูจะทำอะไรกับมึงก็ได้!
“หลินเจี๋ยงั้นหรือ?”
หอชมการแข่งขันบนห้องใต้หลังคา จวงหนานเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ว่าสองเดือนก่อนหลัวซิวก็ได้ถึงระดับการกลั่นร่างขั้น8แล้ว เพราะว่าฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จ สามารถเทียบได้กับการกลั่นร่างขั้น9
แต่หลินเจี๋ยคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เป็นการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูงสุด มีชื่ออยู่ในลำดับที่5!
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะที่ฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จเป็นคนที่4ในรอบ800ปีมานี้ จวงหนานเทียนก็ยังให้กำลังหลัวซิว เดิมทีนั้นยังคิดไว้ว่าหลังจากการประลองยุทธ์นี้แล้ว จะรับไว้เป็นลูกศิษย์ แต่ถ้าหลัวซิวไม่สามารถได้ผลงานลำดับดีๆ ในการประลองยุทธ์ครั้งนี้ล่ะก็ ถ้าเขารับไว้เป็นศิษย์ ก็จะทำให้คนอื่นๆ เอาไปนินทากันได้
“ผู้อาวุโสจวงอย่าเพิ่งรีบร้อนไป หลัวซิวคนนี้ ไม่ได้อ่อนเหมือนที่เห็น” เจ้าสำนักยุทธ์ยิ้มเบาๆ แล้วก็หยิบถ้วยชาขึ้นมายิ้มพูด
ด้านหลังของเจ้าสำนักยุทธ์และผู้อาวุโสทั้งหลายนั้น เหล่าอาจารย์ที่สอนในสำนักยุทธ์ล้วนยืนอยู่ แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้นั่งพร้อมกับผู้อาวุโสทั้งหลาย นั่นก็คือ ลู่เมิ่งเหยา คณุสาวสายที่มีฉายาว่าน้ำแข็งไฟทวีคูณ
“ฉันเห็นด้วยกับเจ้าสำนัก หลัวซิวน่าจะชนะ” ลู่เมิ่งเหยากล่าว
จวงหนานเทียนเผยสีหน้าแปลกใจ แล้วก็ยิ้มเบาๆ สายตาก็เผยความสนใจ แล้วก็มองไปยังหลัวซิวบนเวที แล้วพูดในใจว่า “หรือว่าบนตัวเด็กนั่น จะมีความลับอะไรที่เรามองไม่เห็น?”
บนเวทีประลองยุทธ์ หลัวซิวกับหลินเจี๋ยยืนประชันหน้ากัน
“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก ถ้าไม่อยากบาดเจ็บ ก็ลงไปเองเถอะ” หลินเจี๋ยยืนอยู่อย่างเย่อหยิ่ง แล้วมองหลัวซิวนิ่งๆ พร้อมเผยสีหน้าไม่สนใจ
หลัวซิวส่ายหัวเงียบๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนโตมาในสังคมชาวบ้าน แล้วมักจะถูกลูกคนรวยรังแกบ่อยๆ เขาเกลียดพวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง เย่อหยิ่ง และไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
พอเห็นหลัวซิวส่ายหัว หลินเจี๋ยก็ขมวดคิ้ว สายตาก็เพ่งเล็ง “ดูเหมือนว่าเอ็งจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียแล้ว!”
ขณะที่พูด เขาก็พุ่งตัวออกไป รอบตัวเผยเป็นรังสีบางๆ กำลังภายในยังไม่ได้ขับเคลื่อนเต็มที่ก็มีออร่าออกมาแล้ว ปกติแล้วจะมีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังระดับการกลั่นร่างขั้น9ชั้นยอดเท่านั้น ถึงจะมีได้
“สำหรับเศษสวะอย่างเอ็ง ไม่ต้องใช้ทวนหรอก รับกระบวนท่าแล้วกันหมัดถล่มเขา!”
หลินเจี๋ยบุกเข้ามาใกล้ตัวหลัวซิว หมัดมุ่งมายังหน้าอกของเขา ออร่ากำลังภายในขับเคลื่อน เสียงจากการออกหมัดดังไปมา
เผชิญหน้ากับหมัดอันรุนแรง หลัวซิวกลับนิ่งๆ ถอยหลังไปนิ่งๆ ครึ่งก้าว หมัดของหลินเจี๋ยห่างจากหน้าอกของเขาไม่ถึงครึ่งนิ้ว
หลินเจี๋ยก็อึ้ง แต่หมัดที่ซัดออกไปมันเบาแรงพอดี ทำให้หลัวซิวหลบได้พอดี
โชคช่วยงั้นหรือ? หรือว่าหมอนี่จะรู้ว่าหมัดของเราจะหมดแรงในจังหวะนี้ ก็เลยโจมตีไม่ถูกตัว?
หลินเจี๋ยสามารถขึ้นชื่ออยู่ในตำแหน่งที่7 ก็ไม่ใช่คนโง่ ในใจก็คิดได้ว่าหลัวซิวคนนี้ คงจะไม่ธรรมดาเหมือนที่ตนเองคิด
“หมัดเงาซ้ำ!”
หลินเจี๋ยรีบเปลี่ยนกระบวนท่า สองหมัดรัวดั่งสายฝน เงาหมัดจำนวนมาก ทำให้คนตาลาย
วิชาหมัดนี้ ส่วนมากจะเป็นท่าหลอกล่อ ถ้าไม่มีสติก็จะถูกโจมตีจนแพ้ไปได้ง่ายๆ
หลัวซิวใช้วิชาท่าร่าง ภายใต้หมู่หมัดที่ซัดออกมา หลบได้อย่างคล่องแคล่ว ต่อให้หมัดของหลินเจี๋ยจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็สบายๆ รับมือได้อย่างนิ่งๆ
“วิชาท่าร่างบรรลุผล หลบหลีกได้ในระยะมิลลิเมตร ฝึกวิชาก้าวสั้นระดับ2จนได้ถึงระดับนี้ ไม่เลว ไม่เลว……”
ที่นั่งชมการแข่งขันบนห้องใต้หลังคา เจ้าสำนักยุทธ์เอามือลูบเคราตนเอง ยิ้มพยักหน้าอายุเพียง14ก็ฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จ ทั้งยังสามารถบรรลุทักษะวิชาท่าร่างของการหลบหลีกในระยะมิลลิเมตรได้ พรสวรรค์แบบนี้พบเจอได้น้อยมาก
“แต่ว่าหลินเจี๋ยถนัดวิชาปืนโอบจันทรา ไม่รู้ว่าวิชากระบี่ฟ้าแลบของหลัวซิวฝึกไปถึงไหนแล้ว?”
เจ้าสำนักยุทธ์ก็มีสายตาร้ายๆ เห็นพลังฝีมือที่หลัวซิวซ่อนไว้นานแล้ว ดูไปแล้วจะเหมือนฝึกการกลั่นร่างขั้น8สำเร็จ แต่จริงๆ แล้วกำลังภายในได้ฝึกไปถึงขั้นการกลั่นร่างขั้น9แล้ว
ในสายตาทุกคน ออร่าทั้วตัวของหลินเจี๋ย การโจมตีที่รุนแรงนั้น จะกดการตอบโต้ของหลัวซิวไว้ได้ เพื่อเป็นต่อ
เสียงโห่ร้อง เสียงเชียร์ไม่ขาดสาย แต่ในตอนนี้เอง การขับเคลื่อนของปราณในก็ส่งออกมาจากเวทีประลอง ออร่าสาดแสงส่องออกมา
ในการประลอง พลังของหลัวซิวมากขึ้นเรื่อยๆ รอบกายก็มีออร่าของปราณในปล่อยออกมา เห็นได้ชัดว่าถึงระดับการกลั่นร่างขั้น9แล้ว!
“อะไรนะ!?”
“การกลั่นร่างขั้น9งั้นหรือ?เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ด้านล่างเวทีก็เงียบไปทันที สายตาของทุกคนก็มองไปยังชายหนุ่มชุดดำอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ทุกคนรู้ดีว่า สองเดือนก่อนหลัวซิวยังอยู่ระดับการกลั่นร่างขั้น8อยู่เลย ภายในเวลาอันสั้น จะฝึกถึงการกลั่นร่างขั้น9ได้อย่างไรกัน?
ยิ่งกว่านั้นก็คือ 5เดือนก่อน หลัวซิวยังเป็นการกลั่นร่างขั้น2อยู่เลย!
5เดือน!ก็ก้าวกระโดดมา7ระดับงั้นหรือ?
นี่มันทำลายสถิติบันทึกการฝึกตน800กว่าปีมานี้ของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน!
ผู้ชมทุกคน รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งสี่ที่รวมจวงหนานเทียนอยู่ด้วย ก็ลึกขึ้นทันที สองตาจ้องมองชายหนุ่มชุดดำอย่างอึ้งๆ
หลัวซิวเป็นตัวประหลาดหรือไง ทำไมถึงได้ฝึกตนได้เร็วขนาดนี้?
ในหมู่ทุกคน มีเพียงเจ้าสำนักยุทธ์และลู่เมิ่งเหยาเท่านั้น ที่มีสีหน้านิ่งๆ สำหรับคนธรรมดาแล้ว การฝึกตนที่รวดเร็วแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก แต่สำหรับเมืองชิงหยุนแล้วนั้น ถ้าเทียบกับทั้งเขตการปกครองหยุนหลง หรือในสำนักเซียวเหยา การฝึกตนที่รวดเร็วแบบนี้ ถึงแม้จะมีไม่มาก แต่ก็ยังพอมี
“แคร๊ง!”
ทันใดนั้น บนเวทีประลองก็มีเสียงของมีคมดังขึ้น หลินเจี๋ยที่บุกไม่ชนะสักที ก็ได้เอาวิชาปืนออกมาใช้ ปืนสีดำเร็วดั่งลม วิชาปืนโอบจันทราหมุนเป็นวงกลม แล้วโจมตีไปทางหลัวซิว
ตอนที่ทุกคนคิดว่ากระบี่ยาวด้านหลังของหลัวซิวควรจะออกจากฝักแล้วนั้น เขากลับไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย ใช้เพียงมือดันไปเบาๆ ทวนยาวก็เด้งออกไป วิชาท่าร่างก็ตามไปดั่งเงา บุกโจมตีไปดั่งพยัคฆ์ กำปั้นโจมตีไปที่หน้าอกของหลินเจี๋ย
“ตุบ!”
พลังระเบิดออกมา ตัวของหลินเจี๋ยกระเด็นลอยออกไป ราวกับว่าวสายขาดลอยไปตามลม แล้วร่วงลงด้านล่างเวทีประลองยุทธ์
“ห๊ะ……”
พอเห็นว่าหลัวซิวใช้เพียงแค่วิชาท่าร่างและวิชาหมัดก็สามารถเอาชนะหลินเจี๋ยที่ถนัดวิชาหอกได้ ด้านล่างเวทีก็ผงะไปตามกัน ทุกคนแทบจะอ้าปากค้างไป ไม่อยากจะเชื่อว่า ภายในครึ่งปี หลัวซิวที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร จะแข่งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
########################