มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 405 ช่องจิตปลอม
จิตใจของมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง ปกป้องตนเองจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เรื่องนี้หลัวซิวย่อมรู้ดีที่สุด
“ในเมื่อเจ้ามีของวิเศษคุ้มกันร่างกาย สามารถลองเข้าใกล้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดอย่างเชื่องช้า “วิญญาณของข้าเผาผลาญพลังไปไม่น้อย จำเป็นต้องจำศีลระยะหนึ่ง ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าอีกแล้ว”
หลังจากสิ้นเสียง จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเข้าสู่การจำศีลทันที
หลัวซิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นเดินเข้าไปใกล้แท่นหินทรงกลมอย่างระมัดระวัง
ยิ่งเข้าใกล้แท่นหิน เขายิ่งสามารถสัมผัสได้ถึงตัวหยั่งรู้ของตนเองสั่นสะเทือนแรงขึ้น หากไม่ได้เป็นเพราะมีลูกแก้วความเป็นตายปกป้อง เกรงว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขา คงจะโดนค่ายกลระดับเทพดูดไปในพริบตา ตัวหยั่งรู้พังทลาย ร่างดับวิญญาณสลาย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เขาไปยืนอยู่บนแท่นหิน กวาดสายตามอง สังเกตหินเสาหินที่อยู่ใจกลางแท่น มีแสงสีขาวรูปร่างผลึกแก้วลอยเคว้งอยู่ในความว่างเปล่า ราวกับผลึกวิญญาณ ปลดปล่อยแรงกดดันวิญญาณที่คาดไม่ถึงออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผลึกสีเงินปลดปล่อยแสงออกมากลายเป็นกลุ่มก้อน หากมองด้วยตาเปล่าจะรู้สึกแสบตามาก
“นี่คือช่องจิตเหรอ?”
ภายใต้แรงกดดันวิญญาณที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผลึกสีเงิน หลัวซิวรู้สึกว่าตัวหยั่งรู้ของตนเองราวกับสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ ลูกแก้วความเป็นตายในตัวหยั่งรู้ปลดปล่อยแสงจางๆ ทำให้เขาปลอดภัยภายใต้แรงกดดันสายนี้
วิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำหลับใหลไปแล้ว หลัวซิวไม่รู้ควรจะไปถามใคร ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็ไม่เคยเข้าใกล้ดินแดนนิรันดร์ คาดว่าเขาเองก็น่าจะไม่เคยเห็นรูปร่างของช่องจิตเป็นอย่างไร
หลัวซิวแยกตัวสำนึกของตนเองออกจากตัวหยั่งรู้ ต้องการตรวจสอบผลึกสีเงินก้อนนี้ แต่ทันทีที่ปลดปล่อยตัวสำนึกออกมา กลับไม่สามารถสัมผัสโดนผลึกสีเงินก้อนนั้น
ทั้งที่ผลึกสีเงินอยู่ตรงหน้าเขา ความรู้สึกที่เขาได้รับ กลับเหมือนอยู่ห่างกันนับร้อยนับพันปี ส่งผลให้ตัวสำนึกไม่สามารถเข้าใกล้
ไม่ได้เป็นเพราะผลึกสีเงินต่อต้านตัวสำนึกจึงไม่สามารถเข้าใกล้ แต่เป็นความรู้สึกที่อยู่ห่างไกลโพ้น
ในตอนนั้นเอง หลัวซิวเพิ่งสังเกต พื้นที่โดยรอบของผลึกสีเงินเกิดการบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุด พลังวิญญาณจำนวนมหาศาล เปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่อยู่โดยรอบ มีพื้นที่ทับซ้อนนับไม่ถ้วน ทำให้ระยะห่างเพียงแค่เอื้อม กลายเป็นระยะทางนับร้อยนับพันปี
หลักการแบบนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับการขัดเกลาความว่างเปล่าภายในแหวนเก็บของ แหวนขนาดเล็กวงเดียว แต่ด้านในกับมีพื้นที่โล่งกว้าง
ทันใดนั้น หลัวซิวสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนจากลูกแก้วความเป็นตายใจตัวหยั่งรู้ มีแสงสีขาวดำสายหนึ่งบินออกจากกลางหว่างคิ้วของเขา ตรงเข้าไปหาผลึกสีเงิน
เพียงแค่พริบตาเดียว ผลึกสีเงินที่อยู่บนความว่างเปล่าของเสาหินกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง บินกลับเข้ามากลางหว่างคิ้วของเขาโดยตรง เข้าไปในตัวหยั่งรู้ รออยู่ตรงด้านล่างของลูกแก้วความเป็นตาย
“ผู้สืบทอดที่อ่อนแอ โชคของเจ้าไม่เลว คิดไม่ถึงว่าจะได้ครอบครองช่องจิตปลอมดวงหนึ่ง ”
ในตอนนั้นเอง เทพแห่งวัฏจักรชีวิตที่หลับใหลไปนานดังออกมาจากจิตสำนึกของหลัวซิว
“ช่องจิตปลอม?” หลัวซิวแสดงสีหน้าสงสัย
“ช่องจิตที่แท้จริงจำเป็นต้องหลอมรวมเข้ากับกฎดั้งเดิม ได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม ผู้แข็งแกร่งที่สามารถควบแน่นช่องจิตก็คือแดนนิรันดร์ ในบางที่ก็ถูกขนานนามว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพยุทธ์”
“ส่วนช่องจิตปลอม ถึงจะไม่ใช่ช่องจิตที่แท้จริง เนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม เป็นเพียงพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ผ่านการกลั่นเกลามาเป็นเวลานาน สุดท้ายก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของช่องจิต ในพลังวิญญาณ ช่องจิตปลอมกับช่องจิตจริงมีความคล้ายคลึงกันมาก สิ่งที่ขาดไปมีเพียงการยอมรับจากกฎดั้งเดิม” เทพวัฏจักรแห่งชีวิตพูดอธิบาย
“แต่ผลการฝึกตนของเจ้าในตอนนี้ต่ำเกินไป ไม่สามารถหลอมช่องจิตปลอมดวงนี้ได้ ถ้าใช้พลังส่วนหนึ่งของลูกแก้วความเป็นตายรับมันเข้ามาอยู่ในวิญญาณหยั่งรู้ของเจ้า ต่อไป เวลาที่เจ้าฝึกตน สามารถใช้พลังของช่องจิตปลอมเพิ่มพูนความแข็งแกร่งวิญญาณของเจ้า”
หลังจากฟังคำพูดของเทพแห่งวัฏจักรชีวิตจบ หลัวซิวรู้สึกดีใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเทพแห่งวัฏจักรชีวิตจะลงมือช่วยตนเองอย่างกะทันหัน คิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ของเทพแห่งวัฏจักรชีวิต น่าจะไม่อยู่ในขอบเขตของกฎดั้งเดิม
หากเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของกฎดั้งเดิม เทพแห่งวัฏจักรชีวิตไม่เคยสนใจความเป็นความตายของเขา
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวพบว่าถึงแม้ช่องจิตปลอมที่อยู่บนเสาหินถูกดูดเข้าไปในร่างกายของตนเองแล้ว แต่ค่ายกลระดับเทพยังคงทำงานอยู่ พลังวิญญาณมากมายยังคงถูกดูดมารวมกันที่นี่
แต่หลัวซิวกลับรู้ดี ถึงจะผ่านไปอีกนับร้อยนับพันปี ที่นี่ก็ไม่มีทางมีช่องจิตดวงที่สองก่อตัวขึ้นอีกแล้ว วิญญาณที่อยู่ในหุบเขาจิตนภาเหลือไม่มาก ถึงวิญญาณทั้งหมดถูกดูดพลังวิญญาณไปจนหมดเกลี้ยง ก็ไม่มีทางบรรลุถึงเงื่อนไขที่สามารถก่อตัวขึ้นเป็นช่องจิตปลอม
ในเมื่อได้ช่องจิตปลอมมาอยู่ในมือ หลัวซิวก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ เขาหันหลังแล้วเดินจากไปทันที
หลังจากที่เดินออกมาจากแท่นหินทรงกลมหลายร้อยเมตร ความรู้สึกที่ถูกดูดวิญญาณก็หายไปด้วย
ครั้งนี้ ไม่มีการชี้แนะของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ด้วยมาตรฐานค่ายกลของหลัวซิว ไม่สามารถคาดเดาร่องรอยของค่ายกล จึงทำได้แต่พึ่งความทรงจำที่เลือนราง บินออกไปทางออกของหุบเขาจิตนภา
ในระหว่างทาง เขาไม่เพียงสัมผัสโดนร่องรอยของค่ายกลครั้งเดียว มีวิญญาณเทพจิตพบเบาะแสของเขา แต่ทันทีที่เห็นเขา กลับหันหลังแล้ววิ่งหนี ไม่มีท่าทีที่จะจู่โจมเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่มันอะไรกัน?”
หลัวซิวรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ อาจจะเป็นเพราะเขาครอบครองช่องจิตปลอม
ช่องจิตปลอมมีพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลควบแน่น ถึงแม้จะซ่อนอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขา แต่วิญญาณที่อาศัยอยู่ในหุบเขาจิตนภา กลับสามารถสัมผัสถึงอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกเกรงกลัวเขา
ทุกอย่างเกินความคาดหมายของหลัวซิว เขาไม่เคยคิดว่าระหว่างทางจะราบรื่นมากขนาดนี้
ในตอนที่กำลังจะไปถึงทางออกของหุบเขาจิตนภา แต่กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังจิตแท้ที่รุนแรงสายหนึ่งกำลังผันผวน
หลังจากนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังจิตแท้สายที่สองซึ่งแตกต่างกันออกไป เท่ากับว่าในหุบเขาจิตนภา อย่างน้อยก็มีผู้ฝึกยุทธ์สองคน
สิ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาล้วนแต่เป็นวิญญาณ ไม่มีทางปลดปล่อยพลังจิตแท้ที่ผันผวน
ยิ่งไปกว่านั้นความผันผวนของพลังจิตแท้ทั้งสองสายทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยเล็กหน่อย โดยเฉพาะความผันผวนของสายแรก เขารู้ได้ในทันทีว่านั่นเป็นกลิ่นอายของเหยียนเยว่เอ๋อร์
หลัวซิวรีบตรงไปทางนั้นทันที
ผ่านไปสักพัก เขาสังเกตเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์และไป๋หลิงเซวียน คนทั้งสองกำลังโคจรพลังจิตแท้หนีเอาชีวิตรอด ที่ด้านหลังของพวกนาง ยังคงเป็นวิญญาณเทพจิตรูปร่างมังกรเจียวไล่ตามเหมือนเดิม
วิญญาณมังกรเจียวตัวนี้มีความผันผวนของวิญญาณขั้นแปด พลังจู่โจมวิญญาณที่ปลอดปล่อยออกมา ด้วยผลการฝึกตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์และไป๋หลิงเซวียนไม่สามารถต้านทาน
“ไสหัวไป!”
แผ่นหลังของหลัวซิวมีปีกทิพย์กางออก เพียงแค่พริบตาเดียว ไปปรากฏตัวขึ้นระหว่างตรงกลางของมังกรเจียวและผู้หญิงทั้งสอง