มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 380 สู้กันต่อ
เพราะตอนนี้โดนจู่โจมวิญญาณแว้งกัด ทำให้รู้สึกกดดันตัวหยั่งรู้ที่เจ็บปวด หลัวซิวยอมแพ้ ไม่โจมตีราชายุทธ์ขั้น7 และขั้น8 อีก ตัวสำนึกเล็งไปที่หรงเซี๋ย ที่แขนโดนทำลายทั้งสองข้าง ปีกขาวดำสยายออกมาจากด้านหลังทันที
ปีกทิพย์ไร้มลทิน!
เดิมทีสมบัติพรสวรรค์ชิ้นนี้ ไม่มีคุณสมบัติ เพราะเขาฝึกพลังสองระดับความเป็นตาย นี่จึงทำให้ตอนใช้ปีกทิพย์ อาศัยพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายมากระตุ้น
หลังใช้ปีกทิพย์ หลัวซิวหายวับไปจากที่เดิม เหลือเพียงแสงสีเขียวกะพริบแล้วหายไป
โฮก!
เสียงคำรามมังกรดังขึ้นเบาๆ นี่เป็นเสียงที่เกิดขึ้น เมื่อใช้ วิชาท่าร่างบรรลุมังกรเขียว
ทันใดนั้น หลัวซิวปรากฏตัวใกล้หรงเซี๋ย ฟาดกระบี่ลงมา อากาศรอบๆ แปรปรวนอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นคลื่นกระเพื่อม แฝงไปด้วยความอาฆาตอันน่ากลัว โถมเข้าไปกลืนหรงเซี๋ย
“เทเลพอร์ตงั้นเหรอ”
หรงเซี๋ยตกใจ ตัวเขาเชี่ยวชาญด้านความเร็ว แต่ความเร็วของอีกฝ่าย ทำให้เขาไม่สามารถตั้งตัวได้เลย มีเพียงการเทเลพอร์ตที่จะทำให้เป็นเช่นนี้ได้
ทว่าตอนนี้แขนทั้งสองข้างของเขาถูกทำลาย ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ ทำได้เพียงพยายามใช้วิชาท่าร่างอย่างสุดชีวิต ถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
ถึงความเร็วของหรงเซี๋ยจะรวดเร็วอีกแค่ไหน จะทัดเทียมกับความเร็วเทเลพอร์ตของหลัวซิวได้อย่างไร กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือไร้อุปสรรคขัดขวาง กระแทกลงบนอกของเขาอย่างแรง
เสียงดังพลั่ก ตัวของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น9 แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ตายตรงนั้นทันที
หลัวซิวยื่นมือไปคว้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หยิบยาทองหนึ่งเม็ดออกมาจากศพที่แตกกระจาย
นี่เป็นยาเทพจิตสีเลือด เป็นตัวแทนของวิชาเข่นฆ่าที่รวบรวมความอาฆาต ที่หรงเซี๋ยใช้ฝึกตน ด้านนอกยาเทพจิตมีแสงสีทองสว่างวาบ เป็นสิ่งแสดงว่ายาเทพจิตนี้ อยู่ในระดับยาทอง
แดนราชายุทธ์รวบรวมยาเทพจิต ต่ำที่สุดคือยาเขียว สูงสุดคือยาทอง ยิ่งแสงสีทองบนยาเทพจิตสว่างมากเท่าใด ระดับยาทองก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
อสูรกายขั้น5 ขึ้นไปมียามอสูร นักยุทธ์ที่เป็นมนุษย์มียาเทพจิต สำหรับนักกลั่นยา เป็นของดีที่สามารถนำมากลั่นยาได้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
การโจมตีแต่ละครั้งทำให้อากาศบริเวณรอบๆ แปรปรวนจนหมุนเคว้ง เห็นร่องรอยแตกหักสีดำขลับอย่างชัดเจน
แต่การโจมตีพวกนี้กลับปะทะกับอากาศเป็นส่วนใหญ่ ปีกทิพย์ไร้มลทิน ด้านหลังหลัวซิวสั่นเบาๆ และหายวับไปจากที่เดิม หลบการโจมตีทั้งหมดได้
ตอนนี้เขาเลือดอาบกาย ชุดคลุมดำขาดออกเป็นริ้วๆ ดูน่าเวทนามาก
แต่ในความเป็นจริง รอยแผลของเขาไม่รุนแรง เป็นเพียงแผลภายนอกเท่านั้น เพราะร่างยุทธ์ระดับราชา ขั้นสุดขีด ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์
การโจมตีของราชายุทธ์ขั้น7 สามารถทำให้เขาบาดเจ็บภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น การโจมตีของราชายุทธ์ขั้น8 สามารถทำให้เขาเลือดไหล มีเพียงการโจมตีของราชายุทธ์ขั้น9 ที่จะทำให้เขาบาดเจ็บรุนแรงได้ ส่วนผู้แข็งแกร่งที่จะกดดันร่างเนื้อคุ้มกันของเขาได้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์
“พี่น้องทุกท่าน เข้าไปช่วยกัน”
ฮู๋ชิงชิงเห็นจากไกลๆ ว่าหลัวซิวเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด เจ็บปวดใจมาก รีบพูดกับราชายุทธ์เมืองฝูถูที่อยู่ข้างกาย
ไม่กี่คนนี้ตกใจกับภาพการฆ่าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด ด้วยกระบี่เดียวของหลัวซิว ตอนนี้โดนฮู๋ชิงชิงพูดแบบนี้ใส่ แต่ละคนพากันเรียกสติกลับมา
แต่ที่พวกเขามีสติขึ้นมา ไม่ใช่เพราะจะไปช่วยหลัวซิว แต่พากันหันหลังวิ่งกลับ คิดเพียงว่าต้องรีบออกจากที่นี่ เพื่อไม่ให้เข้าไปพัวพันกับความถูกผิดโดยไม่จำเป็น
“พวกนาย……” ฮู๋ชิงชิงโกรธจนตัวสั่น เธอคิดไม่ถึงว่าพวกคนเมืองฝูถูจะต่ำช้าถึงเพียงนี้ หลัวซิวช่วยพวกเขาสองครั้ง ไม่สำนึกบุญคุณไม่เท่าไร ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ กลับคิดถึงแต่ตัวเอง
ตอนแรกกู้เผิงหนีไปคนเดียว ทิ้งพี่น้องสำนักเดียวกันอย่างไม่สนใจ ตอนนี้คนพวกนี้มาเนรคุณอีก คิดแต่จะหนี ให้ผู้มีพระคุณสู้กับศัตรูอยู่ตรงนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“พวกนายเนรคุณได้ แต่ผู้หญิงอย่างฮู๋ชิงชิง จะไม่ยอมให้อาจารย์ต่อสู้เพียงคนเดียว”
ฮู๋ชิงชิงกัดฟัน ขยับตัวกลายเป็นลำแสง เหาะไปยังสถานที่ต่อสู้
“พระคุณที่อาจารย์มีต่อฉันยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา เหมือนได้เกิดใหม่ ถึงต้องสู้จนตาย ก็ยากจะตอบแทนพระคุณของอาจารย์!”
ถึงเธอมีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น5 แต่ความเป็นจริง ทัดเทียมได้กับขั้น7 เธอสะบัดแส้ยาว ปกคลุมพวกราชายุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดเอาไว้
แต่ทว่าพละกำลังของเธอยังมีข้อจำกัด ราชายุทธ์ขั้น7 ร่วมมือกันโจมตี ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย
“ชิงชิง เธอมาทำไม ฉันให้เธอออกไปก่อนไม่ใช่เหรอ” หลัวซิวเห็นฮู๋ชิงชิงโดนล้อมโจมตี ปีกทิพย์ไร้มลทินสั่นเบาๆ ปรากฏตัวข้างเธอเพียงชั่วพริบตา
“ฉันไม่สามารถยืนดูอาจารย์ต่อสู้เพียงคนเดียว โดยไม่ช่วยเหลือไม่ได้ ถึงพละกำลังของฉันไม่แข็งแกร่ง แต่สามารถต้านทานการโจมตีให้อาจารย์ได้อย่างสุดชีวิต”
ดวงตาคู่สวยของฮู๋ชิงชิง ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มันกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่และกล้าหาญ
เธอเอาฮู้ออกมาจากแหวนเก็บของสองชิ้น ยัดลงไปในมือหลัวซิว “นี่เป็นยันต์ขั้น6 ทั้งสองชิ้น อาจารย์รีบใช้มันแล้วหนีไปเถอะ!”
เพราะร่างอสูรฟ้า ทำให้เธอได้รับความสนใจจากแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองฝูถู อาศัยผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น5 เข้ามาในแดนแต่งตั้งราชา อีกทั้งยังได้ยันต์ขั้น6 ที่ผู้อาวุโสมอบให้
แต่ตอนนี้ เธอเอายันต์ขั้น6 ที่ใช้ป้องกันตัวเองให้หลัวซิว เห็นได้ชัดว่าเธอยอมตาย
นี่ทำให้หลัวซิวซาบซึ้งใจมาก เพราะพวกคนเมืองฝูถู หนีไปหมดแล้ว แต่ฮู๋ชิงชิงกลับไม่หนี แถมยังเอาฮู้ป้องกันตัวให้ตัวเองด้วย
“เธอเก็บฮู้เอาไว้เถอะ เดี๋ยวฉันจะฆ่าเปิดช่องว่าง เธอบีบยันต์วาตะแล้วหนีไป” หลัวซิวส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น
“แล้วอาจารย์ล่ะ” ฮู๋ชิงชิงพูดอย่างกังวล
“วางใจเถอะ ฉันกล้าอยู่ที่นี่ ต้องมีวิธีป้องกันตัวอยู่แล้ว ฉันไม่อยากตายหรอก” หลัวซิวอดหัวเราะไม่ได้
ระหว่างที่พูด มือเขาก็ไม่ได้หยุดพัก กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือ ฟันลงไปไม่หยุด แหวกอากาศบริเวณรอบๆ ต้านทานการโจมตีที่มาจากทั่วทุกทิศ
“ตู้ม!”
ทันใดนั้น ความอาฆาตอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามา ชายหน้าบากของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด วางค่ายสังหารขั้น5 เสร็จเรียบร้อย กระตุ้นพลังค่ายสังหาร เพื่อทำการโจมตี
“หึ แค่ค่ายกลขั้น5 ธรรมดาๆ กล้ามาทำขายขี้หน้าต่อหน้าฉันเหรอ”
หลัวซิวยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ส่วนอีกมือบีบตราประทับ แสงค่ายสังหารหมุนกลับไปโจมตีราชายุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดบริเวณรอบๆ
“ไอ้เลว! ไอ้หน้าบาก แกทำอะไร” เหอหวู่เจียงตวาดใส่ชายหน้าบาก
แต่ชายหน้าบากกลับโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ตวาดออกมาว่า “ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้ทำ ค่ายกลที่ฉันวางไว้ โดนมันแย่งไปควบคุม”
นักค่ายกลสู้กับศัตรู เมื่อระดับค่ายกลของอีกฝ่ายเหนือกว่าตนเอง จะโดนกดขี่ข่มเหง ไปจนถึงโดนแย่งอำนาจควบคุมค่ายกลไปด้วย ไม่สามารถต่อสู้กลับได้
ความแตกต่างระหว่างปรมาจารย์ค่ายกลขั้น5กับขั้น6 เหมือนราชายุทธ์กับจักรพรรดิยุทธ์ ไม่ใช่ระดับเดียวกันสักนิด
“ให้ตายเถอะ ระดับค่ายกลของไอ้หมอนี่เหนือกว่าแกงั้นเหรอ” เหอหวู่เจียงหน้าเปลี่ยนสีทันที