มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 328 ของขลังโบราณ
“พวกเราไปเถอะ” ทันทีที่เขาจับมือเหยียนเยว่เอ๋อร์ เขาก็สำแดงวิชาท่าร่างโดยตรงเพื่ออกจากพื้นที่นี้
“หยุด!” ด้วยการนำของชายชราชุดแดง นักยุทธ์แห่งตระกูลเหยียนที่ตระโกนด้วยความโกรธเคือง
นักยุทธ์ตระกูลเหยียนคนหนึ่งก็กระทืบพื้นจนแผ่นดินจนแยกออกจากกัน ทันใดนั้น แมงป่องมีพิษสีดำตัวหนึ่งก็บินเข้ามา ที่หางของมันมีหนามแหลม เกิดเสียงดังผุผุ หางของมันทิ่มลงไปที่คอของนักยุทธ์ตระกูลเหยียน
“อ๊าก!…”
เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น นักยุทธ์ตระกูลเหยียนคนนั้นที่ถูกต่อยที่คอ ทั่วทั้งร่างกลายเป็นสีดำทันที และคราบเลือดสีดำก็ไหลออกมา
“สัตว์เดรัจฉาน!”
นักยุทธ์ตระกูลเหยียนคนหนึ่งที่ยืนข้าง ๆ เห็นภาพตรงหน้า ก็มีแววตาตกตะลึงขึ้นทันที เขาเอื้อมมือออกไป เปลวเพลิงก็พวยพุ่งขึ้น แล้วจึงปล่อยไปทางแมงป่องดำ แต่แมงป่องดำไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มันขุดลงไปในพื้นดิน จากนั้นก็มุดตัวเข้าไปใต้นั้น
ณ ขณะนี้ นักยุทธ์ตระกูลเหยียนที่ถูกเจาะคอได้ตายสนิทแล้ว พิษของแมงป่องดำชนิดนี้ แข็งแกร่งเกินบรรยาย!
ในขณะเดียวกัน ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนก็มีเคลื่อนไหวเกิดขึ้น แมงป่องดำตัวแล้วตัวเล่าโพล่ขึ้นมาจากใต้ดิน ด้วยความเร็วดุลสายฟ้า พวกมันเข้าโจมตีทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผู้คนมากกว่าหนึ่งโหลถูกแทงด้วยหางแมงป่องพิษ พิษที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั่วร่างกาย และตายทันทีภายในสามลมหายใจ
เปลือกของแมงป่องพวกนี้แข็งมาก เหมือนกับอสูรกายตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในคีตโลกานี้ ทั้งหมดแข็งแกร่ง ทรงพลัง และรวดเร็ว
และที่น่ากลัวที่สุดคือ อสูรกายอย่างพวกแมงป่องมีพิษตัวนี้อยู่รวมกันเป็นฝูง มีแมงป่องมีพิษหลายร้อยตัวที่โจมตีผู้คนมากกว่าสามสิบคน และแมงป่องมีพิษแต่ละตัวมีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้า ดุร้ายและน่ากลัว
ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้นเจ็ดและขั้นแปด โจมตีไม่สามารถทำลายการป้องกันจากเปลือกของแมงป่องได้เลย ปรมาจารย์โลกยุทธ์ฝึกจิตขั้นเก้า แม้ว่าจะสามารถฆ่าแมงป่องพิษได้ แต่สำหรับแมงป่องพิษที่มีพละกำลังแข็งแกร่งนั้น ไม่ได้ทำให้มันเจ็บปวดได้เช่นกัน
ราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งหลายคนเริ่มลงไม้ลงมือด้วยความโกรธ
“ตาย!”
ชายชราชุดแดงแห่งตระกูลเหยียน ในมือถือกระบี่ยาว ดาบถูกฟันออกไป และพลังงานของดาบที่เปลี่ยนเป็นเปลวไฟได้ไถพรวนออกไปบนพื้นดิน พุ่งตรงไปทางแมงป่องพิษเจ็ดแปดตัวโดยตรง และแมงป่องพิษอีกสองสามตัวที่ซ่อนอยู่ในดินและก้อนหินก็ถูกฆ่าเช่นกัน มันถูกเผาเป็นเถ้าถ่านโดยเปลวไฟจิตแท้ ที่บรรจุอยู่ในพลังงานดาบ
อย่างไรก็ตาม จำนวนของแมงป่องพิษมีหลายร้อยหรือหลายพัน ค่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ ในสถานการณที่ไม่สามารถโบยบินอยู่บนฟ้า เมื่อติดอยู่ในวงล้อมของการต่อสู้อันขมขื่น ต่างก็เป็นไปได้ที่จะต้องตายที่นี่
เนื่องจากแมงป่องมีพิษเหล่านี้ไม่มีความผันผวนของพลังจิต ทั้งยังสามารถหลบหนีเข้าไปในดินและใต้หินได้ ดังนั้นภายใต้คลื่นของการลอบโจมตี นักยุทธ์มากกว่า 30 คน ครึ่งหนึ่งได้ตายลงที่นี่
หลัวซิวเป็นคนแรกที่ตอบสนอง และสามารถรับรู้ตำแหน่งที่ซ่อนอยู่ของแมงป่องมีพิษได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงรีบออกไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
คนอื่นๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ก็เริ่มที่จะฝ่าฟันไปได้
ในส่วนลึกของที่ราบที่ไม่มีที่สิ้นสุด ร่างมากกว่าหนึ่งโหลพุ่งผ่านหญ้าด้วยความรวดเร็ว
ภายในถ้ำเทพสถิตคีตโลกานี้ไม่สามารถโบยบินได้ แม้ว่าคนพวกนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ ก็ทำได้แค่ใช้สองขาของตนวิ่งหนีเท่านั้น
ระหว่างทาง ไม่รู้ว่าอสูรกายถูกพวกเขาตัดหัวไปเท่าไรแล้ว ในนั้นมีอสูรกายที่บรรลุถึงระดับหก ร่างเนื้อเปรียบได้กับร่างยุทธ์ระดับจักรพรรดิยุทธ์
ท่ามกลางบรรดาจักรพรรดิยุทธ์ ยังคงเป็นจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเป็นผู้นำ และเขาฆ่าอสูรกายได้มากที่สุด
ใบหน้าของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อสูรกายที่นี้มีร่างเนื้อที่แจ็งแกร่งมาก วัสดุบนเรือนร่างมีความคุ้มค่ายิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทาง อาจได้พบยาวิเศษโบราณที่หายากบางชนิดอีกด้วย มันต่างเป็นยาวิเศษที่มีผลสำหรับการกลั่นร่างทั้งนั้น
ในบรรดายาวิเศษระดับเดียวกัน ยาวิเศษที่มีผลต่อการกลั่นร่างและกลั่นวิญญาณ ล้ำค่าที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
จักรพรรดิยุทธ์มากกว่าหนึ่งโหลได้รับอะไรมากมาย พวกเขาต้องก็มีอารมณ์ดีเป็นธรรมดา
“ใกล้ถึงแล้ว”
สายตาของทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตา มันคือภูเขาที่ดุจดาบยักษ์ที่สอดเข้าไปในท้องฟ้า บนยอดเขายอดเขาอ้าย มีวังอันสง่างามที่มีมาแต่โบราณ
คีตโลกาแห่งนี้ คือถ้ำที่ผู้แข็งแกร่งสักคนในอดีตสร้างมันขึ้นมา หากจะมีสมบัติล้ำค่าใด ๆ ใน มันก็จะต้องอยู่ในสถานที่ฝึกตนของผู้แข็งแกร่ง นั่นคือในวังที่อยู่บนยอดเขา
เมื่อคิดอย่างนี้ จักรพรรดิยุทธ์ทุกคน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย พร้อมกับเดินหน้าเร่งความเร็ว
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งค้นพบว่าภูเขาลูกนี้สูงตระหง่านเพียงใด ไม่มีต้นหญ้าอยู่บนนั้นแม้แค่ต้นเดียว เหมือนยอดหินสีดำทองขนาดใหญ่ พื้นที่นั้นเต็มไปด้วยความผันผวนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
เมื่อจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนมาถึงที่เชิงเขาสีดำทองนี้ ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกสักการะบูชาขึ้นมาทันที
ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้จักรพรรดิยุทธ์ทุกคนต่างก็มีความคิดที่จริงจังและเคร่งขรึมขี้น
เพราะที่นี่เป็นเพียงภูเขาลูกหนึ่ง ก็ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากขึ้นไปและเข้าไปในวังลึกลับนั้น ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่าพวกเขาคือจักรพรรดิยุทธ์ ที่เมื่ออยู่ในประเทศเทียนหวูก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งในอดีตที่สามารถเปิดถ้ำคีตโลกา พวกเขานั้นราวกับยังเป็นเด็กทารกก็ไม่ปาน
“มหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณนั้นน่าเกรงขาม เพียงแค่ภูเขาลูกหนึ่งในถ้ำเทพสถิตคีตโลกา ก็ยิ่งใหญ่เสียจนไม่อาจคาดคิดได้” ในใจจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคน ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะทรงพลังเกินหยั่งถึงเช่นนี้ ยังคงถูกทำลายล้างในผงธุลีของประวัติศาสตร์ และไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับภัยพิบัติในสมัยโบราณ
จักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนกำลังถอนหายใจอยู่ในใจ แต่กลับเห็นร่างหนึ่งวิ่งเข้าผ่านไปด้านหน้า
“นะ … นี่มันตำราจดมือวิชากลั่นสมบัติโบราณ!”
ร่างที่วิ่งไปข้างหน้า ก็คือหงหมิงหัวหน้าแก๊ง แก๊งนักหลอมอาวุธ ภาพที่เห็นคือ ปรมาจารย์หลอมอาวุธระดับหกท่านนี้กำลังลูบภูเขาสีดำทอง ทั้งที่ปากของเขาก็ยังไม่หยุดถอนหายใจ เหมือนกับชื่นชมผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
การเคลื่อนไหวนี้ของปรมาจารย์หงหมิง ทำให้ทุกคนดูงงงวย แต่วิชากลั่นสมบัติโบราณคำเหล่านี้ กลับดูจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
“ท่านพี่หงหมิง เจ้าหมายถึง… ” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มีความเป็นไปได้เกิดขึ้นในใจ
“เจ้าเดาถูกแล้ว ภูเขาลูกนี้คือสมบัติวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิชากลั่นสมบัติโบราณ!” ปรมาจารย์หงหมิงเขาลูบภูเขาสีดำทองด้วยท่าทางตื่นเต้น
“สมบัติวิเศษ? สมบัติวิเศษจริงหรือ?”
จักรพรรดิยุทธ์ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ แม้ว่าจะไม่รู้เรื่องมากนักสำหรับเส้นทางหลอมอาวุธ แต่ถึงจะไม่เคยกินหมู อย่างน้อยก็ยังต้องเคยเห็นหมูวิ่ง
วิชากลั่นสมบัติโบราณแบ่งเป็นเครื่องสมบัติ เครื่องรางและสมบัติวิเศษ ซึ่งไม่สามารถนำมาเทียบกับนักยุทธ์ระดับมนุษย์ ดิน และท้องฟ้าในสมัยนี้ได้เลย
“ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติในสมัยโบราณ วิชากลั่นสมบัติก็สูญหายไป คนรุ่นหลังได้พัฒนาวิชากลั่นสมบัติจากเศษเสี้ยวตำรา จนกลายเป็นวิชาหลอมอาวุธในปัจจุบัน”