มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 315 หลัวซิวตัวจริง
งูหลามพิษในบ่อน้ำอมตะมีพิษร้ายแรงอย่างมาก แม้จะเป็นพิษของงูหลามพิษระดับ4 ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ถูกกัดหนึ่งคำ ก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะถอนพิษออกจนหมด
ถ้าหากเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิต หายใจเข้าออกไม่เกินสิบกว่าครั้ง พิษก็จะแผ่ซ่านไปทั้งตัวแล้วตาย พลังจิตแท้ไม่สามารถระงับพิษเอาไว้ได้
“ไม่ต้องเกรงใจ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นทีมเดียวกัน” หลัวซิวยิ้มแล้วพูด
“พวกหัวหน้าทีมล่ะ?” สิ้งหรันหรันเพิ่งสังเกตเห็นว่า คล้ายมีแค่พวกเขาสามคนที่หนีออกมาได้ หัวหน้าและคนอื่นๆ ล้วนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน อีกทั้งยังมีงูหลามพิษระดับ5ตามไล่ล่า ฉันทำได้เพียงช่วยเธอออกมาได้คนเดียวเท่านั้น สำหรับคนอื่นๆในทีม ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” หลัวซิวส่ายหน้าแล้วพูด
เมื่อได้ฟังแบบนี้ สีหน้าของสิ้งหรันหรันฉายความกังวล รีบหยิบกล่องส่งเสียงออกมาจากแหวนเก็บของ ส่งข้อความไปสองสามข้อความ
เห็นได้ชัดว่า สิ้งหรันรันและพวกจวงหย้าเฟย เป็นเพื่อนกันมานาน มีรอยประทับส่งเสียงของกันและกัน
“แม่นางสิ้ง พื้นที่ที่หัวหน้าพาพวกเราไปตรวจสอบ ไม่รู้ว่ามีของล้ำค่าอะไรเหรอ? ระหว่างทางมีงูหลามพิษระดับ5ปรากฏตัวแล้ว ถ้าขืนไปลึกกว่านี้ละก็ จะยิ่งอันตรายกว่าเดิมรึเปล่า?” หลัวซิวเดินเข้าไปถามหยั่งเชิง
สิ้งหรันหรันเป็นห่วงความปลอดภัยของจวงหย้าเฟยและพวก จึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าหลัวซิวต้องการที่จะถามหยั่งเชิง เธอตอบออกไปตามตรง:”ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าหัวหน้าทีมได้เบาะแสอะไรมาจากที่ไหน บอกว่าพื้นที่ตรงนั้นมีโอกาสที่จะมีของล้ำค่ามากมาย”
“ในเมื่อมีโอกาสที่จะมีของล้ำค่า ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไรพวกเธอถึงไม่ไปหาเอง แต่กลับรับสมัครคนนอกเพิ่มอีกสองคน?” หลัวซิวถามต่อ
เมื่อได้ยินคำนี้ สิ้งหรันหรันดึงสติกลับมา ยิ้มแล้วพูด “ส่วนลึกของบ่อน้ำอมตะ มีคนมาช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคนก็ยิ่งปลอดภัยกว่า หัวหน้าของเราเป็นคนที่ดี”
หลัวซิวยิ้มและพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ก็รู้สิ่งที่เขาต้องการอยากจะรู้แล้ว
จวงหย้าเฟยสามารถรู้ว่าพื้นที่ตรงนั้นมีโอกาสที่จะมีของล้ำค่า ถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็มีโอกาสที่จะรู้เหมือนกัน ไม่แน่ว่าร่องถ้ำที่ตระกูลจูพบ มีคนพบแล้วก็ได้
หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์มองหน้ากัน ทั้งสองต่างรู้ดี เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี
“ตึ้ง!”
กล่องส่งเสียงของสิ้งหรันหรันสั่น
“พวกหัวหน้าไม่ได้เป็นอะไร ดีจัง”
ข้อความที่ส่งมาจากล่องส่งเสียงทำให้สิ้งหรันหรันสบายใจ หลังจากนั้นก็บอกทิศทาง พูด:”หัวหน้าบอกว่าให้พวกเราไปรวมตัวกับพวกเขา”
เหตุเพราะในบ่อน้ำอมตะไม่สามารถเหาะเหินเรื่อยเปื่อยได้ ดังนั้นหลัวซิวและพวกอีกสองคนจึงเดินทางช้าเล็กน้อย หลังจากใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยาม กว่าจะไปถึงที่ที่จวงหย้าเฟยและพวกอยู่
สถานการณ์ของทั้งสี่คนถือว่าไม่เลว นอกจากใช้พลังจิตแท้ไปบ้าง ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และไม่ได้ถูกพิษ
ความเป็นจริงต้องยกความดีความชอบหลักให้กับเคล็ดวิชาแหลกวิญญาณวิญญาณของหลัวซิวที่โจมตีงูหลามพิษระดับ5เอาไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาสี่คน สามารถหนีออกมาได้หนึ่งถึงสองคนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
การตายของคังจงหยาง ทำให้บรรยากาศในทีมนักล่าอสูรหม่นหมองเล็กน้อย แต่ว่าจวงหย้าเฟยและสิ้งหรันหรันรวมถึงพวกก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เพราะในโลกของนักยุทธ์ มีคนตายแทบจะทุกเวลา คนที่กล้าเข้าไปฝึกฝนในและตามหาของล้ำค่าในที่อันตราย ล้วนเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง
“หัวหน้าทีม ทั้งหมดเป็นเพราะซิวหลัว ไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะตายในบ่องูหลามพิษนั่นแล้ว”
หัวหน้าทีมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อ ระหว่างทาง สิ้งหรันหรันพูดถึงเรื่องที่ตนเกือบจะตายภายใต้เขี้ยวงูหลามพิษ
“ขอบคุณมาก น้องซิวหลัว!” จวงหย้าเฟยมองหลัวซิวด้วยความซาบซึ้ง ทอดถอนหายใจ:”พวกเราทำงานด้วยกันมานานสามสิบกว่าปีแล้ว เมื่อก่อนมีพี่ๆน้องๆอยู่ด้วยกันสิบกว่าคน ตอนนี้ เหลือแค่พวกเราห้าคนแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ จวงหย้าเฟยแปรเปลี่ยนเป็นส่งเสียงผ่านตัวสำนึก บอกกับหลัวซิว “ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นซิวหลัวตัวจริงใช่ไหม”
“ศิษย์พี่จวงหมายความว่าอะไร? ผมคือซิวหลัวตัวจริงอยู่แล้ว” หลัวซิวหรี่ตาลง
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องซิว พวกเราเป็นคนเถตรงไม่พูดอ้อมค้อม ก่อนหน้านี้ในบ่องูหลามพิษ จู่ๆตัวหยั่งรู้ของงูหลามพิษก็ถูกโจมตีวิญญาณ กลิ้งตัวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่อย่างนั้นฉันกับสหายอีกสามคนไม่สามารถหนีออกมาได้”
“ในทีมของพวกเรา ความสามารถของคนอื่นๆเป็นอย่างไร ฉันรู้ดี รู้ถึงรากเหง้า นอกจากนายและผู้หญิงที่อยู่ข้างกายนายแล้ว ฉันคิดไม่ออกจริงๆว่าใครจะทำแบบนั้นได้”
“ข่าวลือในประเทศเทียนหวูบอกว่านายสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ได้ ดังนั้นฉันจึงเดาตัวตนที่แท้จริงของนายออก”
“อีกทั้งตอนที่นายลงมาใช้แค่พลังของร่างเนื้อ ไม่ได้ใช้พลังจิตแท้ของนาย เพราะทั่วทั้งประเทศเทียนหวู พลังจิตแท้เพลิงดำของนาย เป็นสัญลักษณ์ แทบจะเป็นเอกลักษณ์ของตัวตนของนาย
ถึงแม้หลัวซิวจะคิดว่าตนซ่อนเร้นเอาไว้อย่างดี แต่ว่าในการต่อสู้ที่บ่องูหลามพิษ เขาเผยร่องรอยออกมาเล็กน้อย จวงหย้าเฟยจึงเดาตัวตนของเขาออก
“หัวหน้าจวงวิเคราะห์ได้มีเหตุผล ตอนนี้ราชวงศ์ตระกูลฝาน ตระกูลเหยียน สำนักเสวียนหยางล้วนให้รางวัลนำจับคนที่จับผมได้ หรือว่าผู้อาวุโสจวงเองก็สนใจ?”
บทสนทนาของหลัวซิวและจวงหย้าเฟยในตอนหลังล้วนสื่อสารผ่านตัวสำนึก คนอื่นๆในทีม นอกจากเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของทั้งสองแล้ว คนอื่นๆไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ได้ยินหลัวซิวพูดถ้อยคำนี้ จวงหย้าเฟยก็รู้ทันทีว่าตนเดาถูก คนๆนี้คือหลัวซิวตัวจริง ซึ่งก็คือซิวหลัวคนที่ฆ่าราชายุทธ์ตระกูลเหยียน ทำลายตระกูลเผยแห่งเมืองยงฉี
“น้องหลัวพูดตลกแล้ว นายสามารถฆ่าราชายุทธ์ได้ ทำลายตระกูลเผยแห่งเมืองยงฉี ต่อให้จวงหย้าเฟยกล้ามากแค่ไหน ฉันก็ไม่กล้าหมายหัวนาย”
“พูดตามตรง ฉันพาคนในทีมไปพื้นที่นั้นในบ่อน้ำอมตะครั้งนี้ มีร่องถ้ำสมัยโบราณอันหนึ่ง ถ้าเป็นแค่ปรมาจารย์ยุทธ์แปดคนฝึกจิตขั้น5ขึ้นไป คาดว่าคงจะไม่ได้อะไรดีๆแน่นอน แต่ถ้ามีน้องหลัวอยู่ด้วย ก็จะไม่เหมือนกันแล้ว” จวงหย้าเฟยพูดแบบนี้
หลัวซิวเข้าใจข้อมูลสำคัญที่อีกฝ่ายเปิดเผยออกมาอย่างชาญฉลาด “ร่องถ้ำ? พี่มั่นใจเหรอ?”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ตระกูลจวงของฉันที่ได้ข้อมูล สำนักเสวียนหยางที่อยู่ตรงข้ามบ่อน้ำอมตะ ก็รู้ถึงการมีอยู่ของร่องถ้ำเช่นเดียวกัน” จวงหย้าเฟยพูด