มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 294 ยาวิญญาณหยินหยางสองเม็ด
อีกอย่างก็เหมือนกับตอนที่กลั่นยาเสวียนจือในครั้งแรกล้มเหลว หลัวซิวไม่ได้มั่นใจว่าจะกลั่นออกมาได้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
“วัตถุดิบพวกนี้ ถึงแม้จะมีค่ามาก แต่การฟื้นฟูของอาจารย์นั้นสำคัญยิ่งกว่า วัตถุดิบพวกนี้ข้าให้เจ้าได้ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะรีบเอายาวิญญาณหยินหยางมาให้ข้า”
ชิวลั่วสุ่ยหยิบวัตถุดิบออกมาจากแหวนเก็บของอีกสองชุด ดวงตาคู่สวยมองไปทางหลัวซิวและกล่าวตอบ
เดิมทีทั้งสองตกลงกันว่า ใช้วัตถุดิบหนึ่งชุดมาแลกยาวิญญาณหยินหยางหนึ่งเม็ด ในตอนนี้ชิวลั่วสุ่ยเอามาให้สามชุด ทำให้หลัวซิวรู้สึกเกรงใจขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นได้ว่าสถานการณ์ของสำนักสุ่ยเยว่จงได้มาถึงจุดที่อันตรายที่สุดแล้ว
“สามวันจากนี้ เจ้ามารับยาจากข้า” หลัวซิวกล่าว แน่นอนว่าเขาต้องการวัตถุดิบเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่มีคำปฏิเสธที่สุภาพมากพอ
ท้ายที่สุดเมื่อเทียบกับวัตถุดิบสามชุด ไปตามหาปรมาจารย์กลั่นยาระดับหก ราคาจะสูงกว่านี้อีกมาก ตัวอย่างเช่นอาจารย์ตระกูลสวีคนนั้นร้องขอยาเสวียนจือหนึ่งเม็ด สิ่งที่ถูกนำออกมาสิ่งที่นำออกมาแลกนั้นมีค่าเท่ากับวัตถุดิบสิบชุด
“สามวันหรือ?” ชิวลั่วสุ่ยชะงักไปเล็กน้อย มีความสงสัยและความกังวลอยู่ในใจ แต่นางก็รู้เช่นกันว่า เวลานี้จำเป็นต้องฝากความหวังไว้กับหลัวซิวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยคาดคิดว่า คนที่กลั่นยาวิญญาณหยินหยางไม่ใช่อาจารย์ลึกลับที่ไหน แต่เป็นตัวหลัวซิวเอง
เมื่อมีประสบการณ์จากการกลั่นยาเสวียนจือล้มเหลวมาก่อน ครั้งนี้หลัวซิวเตรียมตัวอย่างดีก่อนกลั่นยาวิญญาณหยินหยาง
ยาเม็ดแรก เขาใช้เวลากลั่นไปหนึ่งวันครึ่ง ที่โชคดีคือไม่ได้กลั่นล้มเหลง เพียงแค่คุณภาพของยามีแค่เจ็ดจากสิบ
ยาอีกสองเม็ดที่เหลือ หลัวซิวกลับใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันในการกลั่นออกมา เม็ดหนึ่งเก้าจากสิบ อีกเม็ดหนึ่งคือยาบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งเจือปน!
ผ่านไปสามวัน ชิวลั่วสุ่ยมาหาหลัวซิว มารับเอายาวิญญาณหยินหยางสองเม็ด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ ความประหลาดใจ และความตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
เดิมทีนางคิดว่า ได้ยาหนึ่งเม็ดก็เพียงพอแล้ว แม้แต่เตรียมใจไว้แล้วหากถูกหลอก แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลัวซิวจะให้ยาวิญญาณหยินหยางกับนางถึงสองเม็ด
ราคาของวัตถุดิบหนึ่งชุดกับยาหนึ่งเม็ด เป็นอะไรที่เกินกว่าจะเทียบได้ โดยเฉพาะยาวิญญาณหยินหยาง ยาเสวียนจือ เหล่าบรรดายาชั้นสูงระดับหกพวกนี้ อัตราความล้มเหลวมีสูงมาก บางครั้งใช้วัตถุดิบไปถึงสามชุดก็ยังไม่สามารถกลั่นออกมาได้สักเม็ด
แต่ที่หลัวซิวเอายาวิญญาณหยินหยางให้นองถึงสองเม็ด ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ให้วัตถุดิบเกินมาสองชุด
สำหรับคุณภาพของยาทั้งสองเม็ดนั้น แน่นอนว่าคือยาเจ็ดส่วนและยาเก้าส่วน ส่วนยาบริสุทธิ์ที่มีเม็ดเดียวนั้น หลัวซิวเก็บเอาไว้ให้เหยียนเยว่เอ๋อร์
ชิวลั่วสุ่ยไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ขอบคุณแล้วรีบเดินทางกลับสำนักสุ่ยเยว่จง อีกทั้งยังทิ้งน้ำทิพย์พันปีไว้ให้หลัวซิวอีกหนึ่งขวด น้ำทิพย์ชนิดนี้มีค่ามหาศาล แค่เพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้นักยุทธ์ระดับต่ำกว่าจักรพรรดิยุทธ์ฟื้นฟูผลการฝึกตนที่สลายไปได้ในทันที และมียาที่มีความพิเศษหลายชนิด หนึ่งในนั้นจำเป็นต้องใช้น้ำทิพย์จึงจะสามารถกลั่นออกมาได้
เมื่อเทียบกับภูตอัคคีกลืนกินที่หลัวซิวได้รับมา ไม่ต้องพูดถึงน้ำทิพย์พันปีหนึ่งขวด ต่อให้เป็นร้อย เป็นพันขวด ก็ยังไม่สามารถเทียบได้
ในแง่หนึ่ง แม้ว่าจะมีการทำข้อตกลงระหว่างคนทั้งสอง แต่หลัวซิวก็ซาบซึ้งใจต่อชิวลั่วสุ่ยอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะนางให้ข้อมูลเรื่องภูตอัคคีตัวเขาเองก็คงไม่ได้ภูตอัคคีมาง่าย ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้รับน้ำใจจากจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งลำดับสองอีกหนึ่งคน
……
ที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวใช้สิทธิ์อัจฉริยะขั้นดำ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับเหยียนเยว่เอ๋อร์จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง
ตามที่องค์กรนักล่ายุทธ์ได้รับรายงาน ครั้งสุดท้ายที่นางปรากฏตัว คือครึ่งปีก่อน เจอกับตำหนักจื่อและผู้แข็งแกร่งตระกูลเหยียนล้อมโจมตี
ที่โชคดีคือ ถึงผลการฝึกตนของนางจะลดลง แต่ความแข็งแกร่งของตัวนางเองนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน หากไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์โจมตีด้วยตนเอง นักยุทธ์ที่เจอได้ทั่วไปต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย ไม่ว่ากี่ครั้งที่ล้อมโจมตีนาง ต่างก็ถูกนางฆ่าและหนีออกมาได้เสมอ
ในเวลาเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในสถานรกร้างภาคเหนือถูกส่งมาที่ประเทศเทียนหวู ทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย ถึงอย่างไรราชวงศ์ตระกูลฝานที่อยู่ในประเทศเทียนหวูสะสมอำนาจนับแสนปี ในตอนนี้มีกลับมีคนกล้าที่จะถอนหงอก บุกฆ่าราชายุทธ์แห่งตระกูลฝาน และขโมยของมีค่าของราชวงศ์ตระกูลฝานไป
คนที่ราชวงศ์ตระกูลฝานสงสัย คือหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า คนที่ฆ่าจักรพรรดิหลิงหยุน และแย่งชิงทักษะยุทธ์ระดับ9ไปนั้น ความจริงแล้วคือหลัวซิว
อาศัยค่ายวาร์ในการเดินทาง หลังจากนั้นประมาณครึ่งเดือน หลัวซิวก็มาถึงเขตการปกครองโตว้ไห่
“เจ้าเด็คนนี้ มันโตถึงขนาดนี้แล้วรึ”
ทุกครั้งที่ได้พบหลัวซิว เสิ่นหยวนหนานก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความตกใจ เขามีชีวิตมานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นใครที่มีผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นได้เร็วถึงเพียงนี้
เขายังจำได้ดี ครั้งแรกที่ได้เห็นหลัวซิว เขาเพิ่งจะบรรลุถึงแดนพรสวรรค์ได้ไม่นาน ครั้งที่สองที่เจอก็บรรลุถึงแดนฝึกจิตแล้ว และครั้งนี้ก็บรรลุถึงฝึกจิตขั้นเก้า เส้นทางบรรลุถึงราชายุทธ์อยู่ไม่ไกลแล้ว
“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว” หลัวซิวแกล้งพูดพรางหัวเราะกลบเกลื่อน ถึงแม้พลังของตนนั้นจะทัดเทียมเสมอเหมือนหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานท่านนี้แล้ว แต่สำหรับผู้อาวุโสคนนี้ที่ดูแลเขามา ในใจของหลัวซิวยังคงเคารพรักเขาเป็นอย่างมาก
“สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวหรือไม่?” หลัวซิวถามไปลอย ๆ
ก่อนนี้หลัวซิวเคยขู่ว่าจะพังทลายสำนักเหลยหวู่ให้ราบในวันเดียว เด็ดหัวของเหลยเว่ยหลงเป็นคนแรก หลายคนไม่เข้าใจว่าระหว่างเขาและสำนักเหลยหวู่มีความแค้นอะไรกันแน่
เสิ่นหยวนหนานก็ไม่รู้ จึงถามด้วยความสงสัยว่า “เหลยเว่ยหลงผู้ชายคนนั้นไปยั่วยุอะไรกับเจ้ารึ?”
“เขาไม่ได้ยั่วยวนข้าโดยตรง แต่ไปยั่วยุคนที่ข้าห่วงใย เป็นคนที่เขาถูกกำหนดให้ไม่สามารถยั่วยุได้”
หลัวซิวไม่ได้กล่าวเรื่องเหยียนเยว่เอ๋อร์ให้สิ่นหยวนหนานฟัง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังเกี่ยวข้องกับความคับแค้นใจเมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว เกี่ยวโยงกับตำหนักจื่อ และความพลังของเขาในตอนนี้ ยังไม่สามารถต่อกรซึ่งหน้ากับยักษ์ใหญ่อย่างตำหนักจื่อได้
“สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนตอนนี้ร่วมมือกันโจมตีหอหย่งชางแล้ว” เสิ่นหยวนหนานกล่าวตอบ
ทรัพยากรในเขตการปกครองโตว้ไห่มีจำกัด สำนักเหลยหวู่ ตระกูลกงซุน และหอหย่งชาง สามขั้วอำนาจใหญ่โจมตีกันไปมาทั้งต่อหน้าและลับหลังเป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้ว เพื่อถ่วงสมดุลซึ่งกันและกัน
พลังของสำนักเหลยหวู่ถึงแม้จะแข็งแกร่งที่สุด แต่ตระกูลกงซุนกับหอหย่งชางร่วมมือกัน ก็ยังพอที่จะต่อสู้กรได้
แต่ในตอนนี้ อยู่ดี ๆ สำนักเหลยหวู่กลับไปร่วมมือกับตระกูลกงซุน เตรียมที่จะกำจัดหอหย่งชาง แบ่งแหล่งทรัพยากรอุตสาหกรรม พลังของหอหย่งชาง ไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโส หลินเจียเอ๋อร์เป็นศิษย์ของท่าน และเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักหอหย่งชาง ท่านจะยอมนั่งดูเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรหรือ?” หลัวซิวถามด้วยความสงสัย
เสิ่นหยวนหนานเขาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น และพูดว่า “ข้อปฏิบัติขององค์กรนักล่ายุทธ์ เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่ไม่รู้ ห้ามมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของกองกำลังอื่น เว้นแต่จำเป็นจริง ๆ เจ้าเด็กเจียเอ๋อร์ทุกวันนี้ก็อยู่ไกลถึงสถานรกร้างภาคเหนือ ตราบใดที่ไม่มีปัญหากับความปลอดภัยของนาง ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้ครั้งนี้”