มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2881 ประมุขเต๋าเยว่เทียน
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2881
การมุ่งหน้าไปสรรพมหาโลกาในครั้งนี้ หลัวซิวไม่ได้พาผู้ใดไปด้วย ตั้งแต่ถูกผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งจู่โจมเมื่อคราวก่อน เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกผู้อื่นหมายตาไว้แล้ว ดังนั้นการออกจากดินแดนของอาณากระบี่หวูจี๋ในครั้งนี้ แม้แต่คนสนิทที่อยู่ข้างกายเขาก็ไม่ทราบเช่นกัน
ทุกคนล้วนคิดว่าเขาปิดขังอยู่ในวังซิวหลัวจริง ๆ……
ระหว่างโลกร้างและจักรวาลกันดารห่างไกลกันมาก ๆ แต่ทว่าสำหรับหลัวซิวในปัจจุบันแล้ว ขอแค่สามารถผนึกพื้นที่พิกัดโดยคร่าว ๆ ก็สามารถฉีกกระชากอนัตตาแล้วเดินทางข้ามผ่านไปได้โดยตรง
ไม่นานนัก หลัวซิวก็มาถึงห้วงดาราที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับวังดับฟ้าอีกครั้ง
ณ ส่วนลึกของอนัตตา มีตรีภพขนาดใหญ่กำลังโหมกระหน่ำ ครั้นเมื่อหลัวซิวมาที่นี่ครั้งแรก เขาก็เคยชุบร่างกายของตัวเองอยู่ที่นี่เช่นกัน
กาลเวลาผ่านพ้นไป เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปร้อยพันปีแล้ว หลัวซิวมาถึงอนัตตาตรีภพแห่งนี้อีกครั้ง แล้วปล่อยให้พลังตรีภพซัดกระหน่ำใส่ร่างกายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่สามารถทำให้ร่างกายเขาสะทกสะท้านได้เลยแม้แต่น้อย
เขาเดินอยู่ในตรีภพอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะมองเห็นบันไดทะลุฟ้าที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตรีภพ
บันไดทะลุฟ้าดังกล่าวแบ่งออกเป็นหลายช่วง สุดปลายขอบเขตของทุกช่วงบันไดล้วนจะมีพระราชวังตั้งอยู่หนึ่งหลัง ซึ่งพระราชวังทุกหลังล้วนสูงใหญ่มาก และมีตรีภพลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบ ๆ
ครั้นเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก หลัวซิวไม่พบพิรุธใด ๆ ทว่าปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์ประสบการณ์หรือแดนผลการฝึกตนของเขา ก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาในอดีตสามารถเปรียบเทียบได้ เมื่อหลัวซิวมองเห็นบันไดทะลุฟ้านั่นอีกครั้ง รูม่านตาเขาก็หดลงกะทันหัน
“นี่คือค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งนี่”
หลัวซิวหรี่ตาเพ่งมองไป ตัวสำนึกก็แผ่ขยายออกไปเช่นกัน เห็นเพียงระหว่างวังตรีภพทั้งหลายต่างมีเกณฑ์ที่นับไม่ถ้วนประสานเชื่อมต่อกัน พลานุภาพของทั้งค่ายใหญ่ล้วนผนึกรวมกันที่ส่วนปลายของจุดที่ลึกที่สุดของบันไดทะลุฟ้า
และเป็นเพราะพลานุภาพของทั้งค่ายใหญ่ผนึกรวมกันอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งนั่นเอง ดังนั้นครั้นเมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่เมื่อครั้งก่อน จึงไม่ได้ประสบพบเจอกับภยันตรายที่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่นัก มิเช่นนั้นเมื่ออาศัยระดับขั้นของค่ายใหญ่ดังกล่าว อย่าว่าแต่เขาในตอนนั้นที่ผลการฝึกตนยังบรรลุไม่ถึงเทพมารระดับสามเลย ต่อให้จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งมาถึง เกรงว่าอาจได้ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุก็เป็นได้
“แผะ!”
หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า ย่ำลงบันไดทะลุฟ้าดังกล่าว ก่อนที่เขาจะมาถึงสุดปลายขอบเขตของช่วงแรกของบันไดทะลุฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วมองเห็นวังตรีภพที่เขาเคยเข้าไปในอดีต
เขาจำได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าภายในวังตรีภพหลังนี้มีกรุงลงกาอลหม่านแห่งหนึ่ง จอมยุทธ์บางส่วนในจักรวาลกันดารที่โชคค่อนข้างดี เคยได้รับโอกาสและสมบัติจากภายในไม่น้อยเลย
แต่หลัวซิวกลับไม่รู้สึกสนใจต่อสถานที่ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เขาดึงสายตากลับมาจากวังตรีภพหลังนั้น ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังช่วงที่สองของบันไดทะลุฟ้าต่อ
ต้องมีผลการฝึกตนระดับจ้าวมหาเทพถึงจะสามารถฝ่าฟันผ่านช่วงแรกของบันไดทะลุฟ้าได้ หรือแดนเทพมารระดับสี่นั่นเอง ส่วนพลังตรีภพที่ตลบฟุ้งอยู่ในช่วงที่สองกลับบ้าระห่ำมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีผลการฝึกตนที่ไม่ต่ำกว่าเทพมารระดับหกถึงจะสามารถต้านทานได้
และในจักรวาลกันดารนั้น เทพมารระดับหกถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นร้อยล้านปีถึงจะมีเทพมารระดับหกอุบัติขึ้นมาคนหนึ่ง
จากการที่เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลัวซิวก็เดินมาถึงช่วงที่สี่ของบันไดทะลุฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นสุดปลายขอบเขตอยู่เช่นเคย ไม่รู้ว่าตกลงบันไดทะลุฟ้านี่ยาวเท่าไหร่กันแน่ แล้วมีกี่ช่วงกันแน่
วินาทีนี้เขากำลังเดินอยู่บนขั้นบันได รอบกายตลบฟุ้งไปด้วยพลังตรีภพที่บ้าระห่ำ ซึ่งบรรลุถึงขั้นที่แม้แต่เทพมารระดับเก้ายังยากที่จะต้านทานไหว
หลังจากหลัวซิวขึ้นมาถึงช่วงที่เจ็ดของบันไดทะลุฟ้า พลังตรีภพของที่นี่ก็เทียบเท่าแรงเต๋าจักรพรรดิเทพแล้ว ต่อให้ร่างเนื้อของเขาจะเทียบเท่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพชั้นยอด แต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น
ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนี้แล้วเบิ่งมองออกไปไกล ๆ ในที่สุดหลัวซิวก็มองเห็นสุดปลายขอบเขตของบันไดทะลุฟ้าสักที ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไปอีก บันไดทะลุฟ้ายังเหลืออีกสามช่วง ซึ่งนี้ก็หมายความว่าบันไดทะลุฟ้ามีทั้งหมดสิบช่วง
สุดปลายขอบเขตของบันไดทะลุฟ้าดังกล่าวมีพระราชวังที่กว้างใหญ่โอ่อ่าตั้งอยู่หนึ่งหลัง และมีออร่าพลังเต๋าอันมากมายมหาศาลที่เก่าแก่ปานล้นร้างแพร่กระจายออกมาด้วย
ต่อให้จะอยู่ห่างกันไกลมาก ๆ บวกกับมีตรีภพคอยขวางกั้น เพียงแวบเดียวหลัวซิวก็รู้อยู่ว่าวังตรีภพดังกล่าวต้องเป็นอาวุธเทพระดับประมุขเต๋าหนึ่งชิ้นอย่างแน่นอน เป็นอัญประมุขเต๋าชิ้นหนึ่ง!
“โครม! ……”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่ดังกึกก้องสะท้อนออกมาจากวังตรีภพ หลัวซิวสามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่าเลยว่าวังตรีภพสั่นสะเทือนทีหนึ่ง จากนั้นประตูใหญ่สีดำที่ปิดแน่นอยู่ก็เหมือนถูกฟ้าผ่ายังไงอย่างนั้น
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวยังมองเห็นอีกด้วยว่ามีรอยแตกเล็ก ๆ หนึ่งจุดปรากฏบนประตูใหญ่สีดำทั้งสองบานที่กำลังปิดแน่นของวังตรีภพ
และจากรอยแตกที่เล็กน้อยมากจนแทบจะมองไม่เห็นนั่น หลัวซิวพบว่าเหมือนมีรัศมีที่แวววาวจับตาเป็นประกายระยิบระยับอยู่ภายในวังตรีภพ
รัศมีที่งดงามนั่นดั่งทางช้างเผือก เหมือนแสงสว่างอันโชติช่วงที่สาดส่องลงมาจากพระจันทร์
“ประมุขเต๋าเยว่เทียนที่เป็นหนึ่งในประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 หรือ?”หลัวซิวทำการคาดเดาในใจ เนื่องจากเขาเคยใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมานตระหนักแรงเต๋าสวรรค์มาก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยต่อออร่าพลังเต๋าของพลังแห่งเยว่เทียนอยู่
ช่วงเวลาที่เก่าแก่ในยุคไท่ชูมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ยิ่งกว่านั้นคือความลับของเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่จำนวนมากล้วนไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนในโลกหล้าต่างทราบกัน
จวบจนปัจจุบัน หลัวซิวเคยได้สัมผัสกับประมุขเต๋าเลี่ยเทียนในเขาผีเก้า ประมุขเต๋าเฟิงเทียนในแดนเซียนนอกนภา นี่จึงทำให้เขาเข้าใจว่าผู้แข็งแกร่งโบราณบางคนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งไม่ได้ดับสลายสูญสิ้นอย่างที่ผู้คนต่างเล่าขานกัน
ดูจากตรีภพที่ตลบฟุ้งอยู่ในวังดับฟ้าแห่งนี้ หลัวซิวสันนิษฐานว่าประมุขเต๋าที่กดอัดอยู่ภายในน่าจะเป็นประมุขเต๋าเยว่เทียน อีกทั้งดูจากท่าทีนี้ ประมุขเต๋าเยว่เทียนยังไม่ตาย แต่กำลังพยายามทลายผนึกที่กดอัดตัวเองไว้
อย่างไรเสียถ้าเกิดตายไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องผนึกกดอัดอีกต่อไป นี่จึงทำให้หลัวซิวสันนิษฐานว่าประมุขเต๋าปรโลกก็น่าจะยังไม่ตายเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้งเก้าที่ใช้ร่างกายผันเป็นโลงศพเทวแล้วปิดผนึกประมุขเต๋าปรโลก พวกเขาก็ไม่มีศักยภาพในการสังหารประมุขเต๋าปรโลกเช่นกัน ทำได้แค่ผนึกและกดอัดเขาไว้
อดีตครั้นเมื่อหลัวซิวยังไม่ปลุกตื่นความทรงจำ เขาไม่รู้ว่าศักยภาพของผู้แข็งแกร่งแห่งยุคเก้าคนนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ ปัจจุบันเขากลับสามารถทำการคาดคะเนโดยคร่าว ๆ ได้ว่าผลการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้งเก้าคนนั้น มีโอกาสอยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศสูงมาก อย่างน้อยก็อยู่ที่ผู้สูงส่งช่วงปลาย
มีเรื่องราวบางอย่างที่อาจารย์และศิษย์พี่ตู๋กูเคยบอกกับหลัวซิวผุดขึ้นมาในหัวเขา ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา โลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลงต่างส่งหนอนบ่อนไส้เข้ามาในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอย่างไม่หยุดหย่อน กองกำลังดั้งเดิมจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดล้วนกลายเป็นผู้ทรยศตั้งนานแล้ว ภายใต้การควบคุมจากโลกาทั้งสอง ทำให้สถานภาพของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดถูกปลุกปั่นจนยุ่งเหยิง
เช่นนั้นหรือจะมีความเป็นไปได้ว่าประมุขเต๋าสวรรค์ในยุคไท่ชู ก็ถูกทั้งสองโลกาดึงเข้าไปเป็นพวกเช่นกัน?
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว แม้แต่ร่างกายเขาเองก็สั่นสะดุ้งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
สิ่งที่เห็นว่าเป็นความจริงแต่กลับเป็นเท็จ สิ่งที่เห็นว่าเป็นเท็จกลับเป็นความจริง ตกลงความเป็นจริงมันคืออะไรกันแน่?
หลัวซิวรู้สึกสับสนเล็กน้อยแล้วจริง ๆ มิน่าล่ะตอนนั้นแม้แต่ศิษย์พี่ตู๋กูของเขายังพูดว่าแม้แต่ตัวอาจารย์เขาเอง ก็ไม่แน่ชัดเช่นกันว่าในกองกำลังทั้งหลายในยุคปัจจุบัน มีกองกำลังใดบ้างที่ตกเป็นหมากของอีกสองโลกาที่เหลือแล้ว
และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง อาณากระบี่หวูจี๋จึงไม่ได้เป็นพันธมิตรกับกองกำลังใด ๆ เนื่องจากถ้าเกิดเป็นพันธมิตรกับเหล่ากองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสองโลกาที่เหลือควบคุมละก็ มันต้องกลายเป็นเรื่องร้ายอย่างแน่นอน
“ดูจากท่าทีนี้ ใช้เวลาอีกหมื่นปีก็คงยังออกมาไม่ได้”
หลัวซิวมองลาดเลาฝั่งวังดับฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา ประมุขเต๋าเยว่เทียนก็แค่ทำให้ประตูใหญ่ของวังดับฟ้าเกิดเป็นรอยแตกได้เล็กน้อยเท่านั้น การที่อยากจะหลุดพ้นออกมาโดยสมบูรณ์นั้น ยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานมาก
ไม่ว่าตกลงประมุขเต๋าเยว่เทียนนี่จักเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร หลัวซิวก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้าม จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่นั้น มาเพื่อตามหาโชคโอกาสที่สามารถทำให้ตัวเองยกระดับผลการฝึกตนศักยภาพ
แม้นพลังตรีภพที่อยู่รอบกายจะบ้าระห่ำ ทว่ามันเป็นพลังที่อยู่ในระดับขั้นของแรงเต๋าจักรพรรดิเทพ ซึ่งเหมาะกับการให้หลัวซิวดูดซับกลั่นแปรพอดี เขาไม่เพียงสามารถนำมันมายกระดับผลการฝึกตน ยังสามารถนำมันมาชุบร่างเนื้อของตัวเองได้อีกด้วย
……
หลังจากหลัวซิวฝึกตนอยู่ในตรีภพมาสองปี จู่ ๆ อนัตตาบริเวณหนึ่งของสรรพมหาโลกาก็สั่นกระเพื่อมขึ้นมา ถัดจากนั้นก็มีเงาดำ 18 ร่างเดินออกมาจากระลอกคลื่นอนัตตา
เงาร่างทั้ง 18 นี้ล้วนอยู่ในชุดคลุมยาว บริเวณหน้าอกมีรูปหอคอยเล็ก ๆ หนึ่งหลังลอยอยู่ในชี่เหลืองปักอยู่
“ทุกท่าน ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ทุกท่านต้องให้ความร่วมมือกับข้าอย่างสุดกำลังสามารถ”
เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น ผู้พูดคือสตรีที่อยู่ในชุดคลุมยาว ทว่าชุดคลุมยาวบนตัวนางกลับยากที่จะปิดบังหุ่นร่างที่เย้ายวน น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง
“เทพธิดาไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจักให้ความร่วมมือกับท่านอย่างสุดกำลังสามารถแน่นอน”จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่อยู่ในชุดคลุมยาวอมยิ้มพลางตอบกลับ
พวกเขาล้วนเข้าใจดีมากว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้คือเทพธิดาแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงเชียวนะ พรสวรรค์สูงส่งอย่างยิ่ง ซึ่งหาพบได้ยากมาก ฝึกตนมาไม่ถึงห้าพันปี ก็บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อแล้ว
“เทพธิดา ตกลงรายละเอียดภารกิจของเราคืออะไรกันแน่ขอรับ?”จอมยุทธ์ชายคนหนึ่งที่มีผลการฝึกตนเป็นจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อถาม
เมื่อนับรวมกับเทพธิดาคนนี้แล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของทั้ง 18 คนนี้ล้วนเป็นจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อหมดเลย อีกทั้งคุณภาพของกงล้อเทพที่ผนึกรวมออกมาได้ล้วนสูงส่งมาก ศักยภาพแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั่วไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
“ภารกิจของเราคือไปช่วยประมุขเต๋าท่านหนึ่ง”
เทพธิดาค่อย ๆ เอ่ยปากตอบกลับ ก่อนจะพลิกมือหยิบแผนที่หนึ่งม้วนออกมากางออกแล้วพูดว่า: “ในยุคไท่ชูของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ประมุขเต๋าเยว่เทียนคือหนึ่งในประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 นางเป็นประมุขเต๋าในนามของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ทว่าแท้จริงแล้วกลับยอมศิโรราบต่อสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงของเราตั้งนานแล้ว……”
“อ้างอิงจากข่าวคราวที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงของเรายึดกุม นางน่าจะถูกผนึกกดอัดอยู่ในจักรวาลกันดารแห่งนี้ เกณฑ์ฟ้าดินของห้วงดาราแห่งนี้ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงสุดจะไม่สูงกว่าเทพมารระดับเจ็ด สิ่งเดียวที่ค่อนข้างยุ่งยากคือค่ายใหญ่ที่กดอัดประมุขเต๋าเยว่เทียนไม่ได้ทลายง่ายขนาดนั้น”เทพธิดาเสวียนหวงพูดอย่างผ่อนคลาย
“แม้นกาลเวลาจะผ่านพ้นมานาน พลานุภาพของค่ายกลนั้นจะลดฮวบแล้ว แต่เราก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”
“ฮ่าฮ่า เทพธิดากังวลเกินไปหรือเปล่าขอรับ เราทั้ง 18 ล้วนเป็นจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ ทั้งเชี่ยวชาญค่ายกลที่บรรพอาจารย์บุกเบิก ต้องสามารถทำภารกิจในครั้งนี้สำเร็จได้อย่างง่ายดายแน่นอน”
“ไม่นึกเลยว่าภารกิจของเราจะเป็นการช่วยประมุขเต๋าท่านหนึ่ง หากช่วยประมุขเต๋าท่านนั้นออกมาได้ เมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เราทุกคนจะมีหน้ามีตามากเพียงใดกันนะ?”
จอมยุทธ์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงเหล่านี้ล้วนมั่นใจในตัวเองมาก ๆ เนื่องจากพวกเขาคืออัจฉริยะของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ส่วนสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงกลับไม่ใช่กองกำลังที่แดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดสามารถเทียบเคียงได้
ซึ่งแตกต่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดที่อยู่กันเป็นพรรคเป็นพวก โลกาฟ้าดินหลิงหลงมีสำนักเดียวเท่านั้น และล้วนถูกควบคุมอยู่ในกำมือสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง มีทรัพยากรและภูมิฐานของพื้นโลกดาราแห่งหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ทำให้พลังของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงน่าสยดสยองกว่าเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดเสียอีก!
“การที่ทุกท่านมีความมั่นใจเช่นนี้เป็นเรื่องดี ขอแค่สามารถปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ให้ลุล่วง ก็จะทำให้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงของเรามีกำลังรบของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง หลังจากกลับไปนี่ต้องเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ซึ่งจะได้รับรางวัลจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!”
“เวลาไม่เคยคอย เรารีบเร่งออกเดินทางกันเถิด ระยะเวลาที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์มอบให้เราปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้มีเพียงหนึ่งร้อยปี!”
“……”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ภายใต้การนำพาของเทพธิดาคนนั้น จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 18 คนก็ต่างผันร่างเป็นแสงกล แล้วบินตรงไปยังตำแหน่งที่ตั้งของวังดับฟ้าอย่างรวดเร็ว