มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2865 วินาทีแห่งความเป็นความตาย
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2865
“ครืนนน!”
หนึ่งดาบของจักรพรรดิเทพเทียนหยวน แข็งแกร่งยิ่งกว่าการสยบของประตูหนานเทียนเสียอีก เห็นได้ว่าพลังอมตะวิถีดาบที่เขาใช้ออกมานั้น อย่างน้อยจักต้องเป็นพลังอมตะระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน แถมยังเป็นพลังอมตะมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับสุดยอดอีกด้วย!
ในขณะที่หนึ่งดาบซึ่งทรงพลังเหลือล้นฟาดฟันลงมา การโจมตีของจักรพรรดิเทพหนานกวนกับจักรพรรดิเทพต้วนคงก็ได้ทยอยตามเข้ามาด้วย ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าตัวเองถูกความอันตรายที่น่ากลัวอย่างเหลือล้นครอบงำ
“แย่แล้ว!”
หลัวซิวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็คิดหาวิธีอะไรออกมาไม่ได้ ได้แต่ใช้พลังทั้งหมดขับเคลื่อนเตาอลวนหวูจี๋ฝืนต้านทานอย่างเต็มที่
“ครืนนน!”
ภายใต้จู่โจมพร้อมกันของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสาม เงาลวงผู้สูงส่งเกิดเป็นรอยร้าว แล้วแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เตาอลวนหวูจี๋เป็นอาวุธเทพมหาศักดิ์ชั้นยอด ภายใต้การโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสาม อาวุธเทพชิ้นนี้ย่อมจะไม่ถูกทำลายอยู่แล้ว แต่กลับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวผ่านการป้องกันของเตาเทวเข้ามา แล้วโจมตีสู่ร่างของหลัวซิวโดยตรง
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!……
แสงโลหิตสีฉูดฉาดบานสะพรั่ง ร่างของหลัวซิวไหลอาบไปด้วยเลือดทันที หากไม่ใช่เพราะเขามีรากฐานร่างเนื้อที่แข็งแกร่งสุดขีด และมีการปลุกเสกเบิกเนตรจากสัญลักษณ์สิบเก้าสายของร่างศักดิ์สิทธิ์วิถีเซียน เกรงว่าคงกลายเป็นกองเลือดไปนานแล้ว
“ยังไม่ตายอีกหรือนี่?”
ตัวสำนึกของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสี่กวาดไปทั่วอนัตตา พบว่าพลังชีวิตของหลัวซิวยังไม่ทันสลายไป
“มิน่าสหายพรตเทียนหยวนถึงได้บอกว่ามันมีคุณสมบัติกลายเซียน ความสามารถของเจ้าคนนี้น่าสะพรึงกลัวมากจริง ๆ ผลการฝึกตนเพียงในแดนเทพมารระดับเก้า ระดับความยากรับมือแทบจะทัดเทียมได้กับจักรพรรดิเทพที่ค่อนข้างร้ายกาจแล้ว”
“มันสามารถรับมือการโจมตีในครั้งหนึ่งได้ แต่ไม่มีทางรับมือการโจมตีครั้งต่อไปของพวกเราได้อย่างแน่นอน อย่าให้โอกาสมันได้พักหายใจ! เจี้ยนบูค่ายดาราของเจ้าเองก็คอยเฝ้าระวังเอาไว้ อย่าให้มันหลบหนีไปได้” จักรพรรดิเทพเทียนหยวนกล่าวเสียงเข้ม
“ได้!”
“วางใจเถอะ!”
“……”
มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามต่างพากันรับคำ จากนั้นเทียนหยวน ต้วนคง หนานกวนมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามก็พากันลงมืออีกครั้ง มหาพลังอมตะตัดฟ้าตัดดิน ลำแสงแห่งเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ประตูหนานเทียนเปล่งประกาย บีบกดอนัตตา
ครั้งนี้ ไม่มีความคุ้มครองจากเงาลวงผู้สูงส่ง หากหลัวซิวยังฝืนต้านรับการโจมตีครั้งนี้อีก เกรงว่าคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่แล้ว
ในช่วงเวลาความเป็นความตายนี่เอง เขาพลันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนกระจายออกมาจากหอคอยฮวงที่อยู่ในตัวหยั่งรู้
ข้อมูลอย่างหนึ่งผ่านมาทางเงาลวงหอคอยฮวง ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา
“เรียกปลุกร่างจริงของหอคอยฮวงหรือไม่?”
ข้อมูลที่เงาลวงหอคอยฮวงส่งให้เขา เป็นวิชาอาถรรพณ์แขนงหนึ่งนั่นเอง อาศัยวิชาอาถรรพณ์แขนงนี้ เขาสามารถใช้เงาลวงที่เกิดจากการผนึกรวมหอคอยฮวงดั้งเดิม เรียกร่างแท้ของหอคอยฮวงข้ามกาลกรีดกั้นของกาลเวลามาได้
นี่เป็นเพราะหอคอยฮวงดั้งเดิมสัมผัสได้ว่าผู้สืบทอดอย่างเขาตกอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต ดังนั้นจึงให้อำนาจเขาเรียกร่างแท้หอคอยฮวง
แต่หลัวซิวเองก็ทราบเป็นอย่างดี ทันทีที่เขาเรียกร่างแท้หอคอยฮวง เช่นนั้นผู้สูงส่งโลกร้างในปัจจุบันจักต้องรับรู้แน่ว่าเขาได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ผู้สูงส่งโลกร้างจะปล่อยให้เขาเรียกร่างแท้หอคอยฮวงได้ตามอำเภอใจหรือ?
“พรึบ! พรึบ! พรึบ!……”
เงาลวงหอคอยดั้งเดิมสั่นสะท้านอยู่ไม่หยุด ความรู้สึกถึงวิกฤตแห่งความตายก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในใจ
วินาทีนี่ หลัวซิวไม่มีเวลามาประเมินข้อได้ข้อเสียในด้านต่าง ๆ แล้ว เขาเข้าใจดีว่าหากยังไม่เรียกร่างแท้หอคอยฮวง เช่นนั้นวันนี้เขาจักต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!
ถ้าหากตายไป ทุกอย่างจะกลายเป็นความว่างเปล่า คิดมากมายเช่นนั้นจะยังมีประโยชน์อันใดเล่า?
มือทั้งสองข้างที่อาบไปด้วยเลือดนำพาให้เกิดเศษเงาขึ้นมา พลังตราประทับที่สลับซับซ้อนเสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็วในมือของหลัวซิว
“ครืนนน!”
ชั่ววินาทีที่การโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามโหมกระหน่ำเข้ามานั่นเอง กระแสพลังอันน่าสะพรึงกลัวแกเช่นมาจากหงฮวงดึกดำบรรพ์พลันประทับลงมา!
ทันทีทันใด ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนถูกกระแสพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้สยบเอาไว้ ห้วงเวลาหยุดชะงัก!
ในห้องเวลาที่ห่างออกไปไกลแสนไกล ในธรณีสำนักสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ที่ห่างออกไปจากเมืองต้าฮวงโบราณไม่รู้กี่แสนล้านลี้ จู่ ๆ กระแสพลังโบราณคร่ำครึกลุ่มก้อนหนึ่งได้ปรากฏขึ้น ทำให้ทุกคนในธรณีสำนักต่างพากันแตกตื่น
พบเพียงว่ามีหอคอยเทวสีทองอร่ามหลังหนึ่งค่อย ๆ โผล่ขึ้นมา กระแสพลังที่กระจายออกมาน่าสะพรึงกลัวเหลือล้น สยบทุกสิ่งอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น? นั่นมิใช่หอคอยฮวงของบรรพอาจารย์หรอกหรือ? หรือว่าหอคอยฮวงสูญเสียการควบคุม?”
“เหมือนว่าหอคอยฮวงกำลังจะลอยออกไป!”
ผู้แข็งแกร่งของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์เหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าคนแล้วคนเล่า พบเพียงว่าบรรพอาจารย์ของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือผู้สูงส่งโลกร้างคนปัจจุบันมีสีหน้าหมองคล้ำ แสดงมหาพลังอมตะอันน่าอัศจรรย์ออกมา ขัดขวางไม่ให้หอคอยฮวงลอยออกไป
“บรรพอาจารย์……”
“อาจารย์ปู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจ้าสำนักสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งผู้อาวุโสทุกท่านต่างพากันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีคนกำลังเรียกหอคอยฮวง พวกเจ้ารีบขับเคลื่อนค่ายใหญ่อัมพรเทวเร็วเข้า ต้องรั้งหอคอยฮวงเอาไว้ให้ได้!” ผู้สูงส่งโลกร้างกล่าวเสียงเข้ม
ค่ายใหญ่อัมพรเทว เป็นมหาค่ายปกป้องเขาของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ เป็นค่ายกลที่ผู้สูงส่งโลกร้างได้สรรหาตัวเซียนชั้นยอดมากมาย และได้ตามหาผังค่ายที่อัศจรรย์ ใช้เวลานับร้อยล้านปีถึงสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้แกร่งเลิศหากบุกเข้าไปแล้วถูกขังเอาไว้ ก็จักต้องร่างตายเต๋าสลาย น่ากลัวอย่างสุดขีด
แต่เมื่อค่ายกลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ถูกเปิดใช้ ก็จักต้องสิ้นเปลืองสมบัติทรัพยากรเป็นจำนวนมาก แกนกลางขับเคลื่อนค่ายกล ยังจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรล้ำค่าอย่างหินบรรพไท่ชู
หอคอยฮวงนั้นมีความสำคัญใหญ่หลวง เป็นหน้าเป็นตาของสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์กับผู้สูงส่งโลกร้าง เพราะในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย หอคอยฮวงล้วนอยู่ในครอบครองของผู้สูงส่งโลกร้าง หากถูกเรียกไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แล้วผู้สูงส่งโลกร้างคนปัจจุบันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
เมื่อได้ฟังคำสั่งของบรรพอาจารย์ เจ้าสำนักอัมพรเทวและบรรดาผู้อาวุโสต่างไม่กล้ารีรอ รีบพากันไปทำตามข้อเรียกร้องของบรรพอาจารย์ทันที
“ใครกันแน่ที่กำลังเรียกหอคอยฮวง?”
รู้ม่านตาของผู้สูงส่งโลกร้างหดเล็ก ในฐานะผู้ดำรงค์อยู่ที่แข็งแกร่งที่สุด และยังเป็นบุคคลอันดับหนึ่งอย่างโจ่งแจ้งแห่งโลกร้าง เขารู้ความลับมากมายที่คนอื่นไม่รู้
เขารู้ว่าชนเผ่าฮวงในเมืองต้าฮวงโบราณมีความสามารถเฉพาะที่สามารถเรียกหอคอยฮวงได้ และก็ด้วยเหตุผลนี้ ผู้สูงส่งโลกร้างทุกยุคทุกสมัยจึงให้ความเคารพกับชนเผ่าฮวงสามส่วน
และในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา ชนเผ่าฮวงก็ไม่เคยเรียกหอคอยฮวงมาก่อนเลย เช่นนั้นคนที่เรียกหอคอยฮงในตอนนี้ เป็นผู้ใดกันแน่?
ผู้สูงส่งโลกร้างอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการเปิดหอคอยฮวงในนับร้อยปีก่อนหน้านี้ หรือว่าตอนที่หอคอยฮวงเปิดในตอนนั้น หอคอยฮวงได้เรียกผู้ครอบครองเองแล้วหรือ?
สิ่งล้ำค่าที่เกิดจากการบ่มเพาะของธรรมดั้งเดิมอย่างหอคอยฮวง ต่างก็มีความธาตุทิพย์ของตัวเอง มีเพียงผู้ที่พวกมันได้เลือกให้เป็นผู้ครอบครองเอง นั่นถึงจะเป็นผู้ครอบครองที่แท้จริงของมัน มิเช่นนั้นไม่ว่าเจ้าจะมีผลการฝึกตนในแดนที่สูงส่งแข็งแกร่งเพียงใด ตราบใดที่ไม่ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง มันก็เปล่าประโยชน์
“ครืนนน……”
ค่ายใหญ่อัมพรเทวถูกขับเคลื่อน เกราะแสงชั้นแล้วชั้นเล่าได้ปิดผนึกธรณีสำนักอันกว้างขวางอย่างสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ บวกกับที่ผู้สูงส่งโลกร้างได้ลงมืออย่างสุดกำลัง ทำให้ร่างแท้หอคอยฮวงไม่อาจลอยออกไปได้
ในขณะเดียวกันนั้น หลัวซิวที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันได้อ้าปากกระอักเลือดออกมา เนื่องจากขับเคลื่อนใช้เตาอลวนหวูจี๋อย่างต่อเนื่อง เดิมทีก็ทำให้เขาสูญเสียผลการฝึกตนมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้ใช้วิชาอาถรรพณ์เรียกร่างเดิมหอคอยฮวง ยิ่งได้ดูดพลังผลการฝึกตนที่เหลืออยู่ไม่มากของเขาไปจนหมด!
ผลการฝึกตนถูกดูดใช้ไปจนหมดยังพอว่า ประเด็นคือเขายังเรียกร่างแท้หอคอยฮวงมาไม่ได้ เรียกมาได้เพียงกระแสพลังกลุ่มก้อนหนึ่งของหอคอยฮวงเท่านั้น!
แม้ว่ากระแสพลังกลุ่มก้อนนี้ก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่เพียงพอใช้รักษาชีวิตของเขาได้……
ผลการฝึกตนไม่อาจหนุนนำวิชาอาถรรพณ์ พลังตราประทับที่สองมือของหลัวซิวสร้างขึ้นมาแตกสลาย กระแสพลังหอคอยฮวงที่ประทับลงมาพลอยสลายไปตาม การร่วมมือโจมตีของทั้งสามจักรพรรดิเทพที่ถูกหอคอยฮวงสยบเอาไว้ในเมื่อสักครู่ ได้พุ่งเข้าหาหลัวซิวด้วยความเร็วขึ้นกว่าเดิมในฉับพลันทันที
“เมื่อครู่มันอะไรกัน? ช่างเป็นกระแสพลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”
“แม้ว่าเราสี่คนต่างก็เป็นจักรพรรดิเทพ เมื่อเผชิญหน้ากับกระแสพลังกลุ่มก้อนนั้นยังต่ำต้อยเหมือนดั่งเม็ดทราย”
กระแสพลังหอคอยฮวงหายวับไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังทำให้จักรพรรดิเทพทั้งสี่รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวและหวั่นเกรงถึงขีดสุด
“กระแสพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มีเพียงอัญมณีดั้งเดิม กระแสพลังกลุ่มก้อนนั้นแฝงไปด้วยพลังสยบอย่างไร้ขอบเขต ที่เขาใช้ออกมาในเมื่อสักครู่น่าจะเป็นวิชาอาถรรพณ์ที่ใช้เรียกหอคอยฮวง!” จักรพรรดิเทพเทียนหยวนกล่าวคาดเดา
“เรียกหอคอยฮวง? มันเป็นคนของชนเผ่าฮวงอย่างนั้นหรือ?” จักรพรรดิเทพเจี้ยนบูมีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
“ไม่ว่ามันจะเป็นคนชนเผ่าฮวงหรือไม่ก็ตาม ยังไงวันนี้มันก็ต้องตายอยู่ดี!” จักรพรรดิเทพเทียนหยวนส่ายศีรษะ ตอนนี้การโจมตีของพวกเขาได้ขยับเข้าใกล้หลัวซิวมากแล้ว
“ต้องตายแล้วจริง ๆ หรือ?” หลัวซิวเองก็สูญเสียแรงต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง เขารู้ดีว่าต่อให้มีเตาอลวนหวูจี๋คุ้มครองกาย แรงโจมตีที่ผ่านเตาเทวเข้ามา ก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างที่อ่อนแอถึงขีดสุดของเขาแตกสลายกลายเป็นผุยผง
บางทีมีการคุ้มครองจากหอคอยฮวงดั้งเดิม อาจปกป้องญาณเทวดั้งเดิมของเขาเอาไว้ได้ ทว่าตนเองที่เหลือเพียงญาณเทวดั้งเดิม จะสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของจักรพรรดิเทพทั้งสี่ได้หรือ?
ทันทีที่ญาณเทวดั้งเดิมตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย เกรงว่าคงหลีกเลี่ยงไม่ที่จะถูกค้นวิญญาณ เช่นนั้นมันต้องทรมานยิ่งกว่าตายอีกเป็นแน่!
ในตอนที่หลัวซิวรู้สึกหมดหวังนั่นเอง จู่ ๆ เงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ข้างกายของเขา ในขณะเดียวกัน ฝ่ามืออันทรงพลัง ก็ได้กดไหล่ของเขาเอาไว้
“ชาติที่แล้วเจ้าเคยช่วยข้าเอาไว้ ชาตินี้ถ้าว่าข้าชดใช้มันให้เจ้าแล้ว”
เสียงเสียงหนึ่งดังลอยเข้ามาในหูของหลัวซิว จากนั้นการโจมตีของพวกจักรพรรดิเทพเทียนหยวนทั้งสามคนก็ถูกทำลายลง สลายหายไปในทันทีทันใด
หลัวซิวหันกลับไปดู มองเห็นคนที่อยู่ข้างกาย รอยยิ้มเสมือนยกภูเขาออกจากอกปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “ได้ เจ้ากับข้าไม่ติดข้างกันแล้ว”
ผู้ที่มาได้อย่างทันเวลาคนนี้นั้น ย่อมต้องเป็นตู๋กูเจี้ยนเฉินอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็ทำให้หลัวซิวเข้าใจว่า เขาในตอนนี้ไม่ใช่ลำพังตัวคนเดียวแล้ว ด้านหลังของเขายังมีอาณากระบี่หวูจี๋ ตอนที่เขาพบกับอันตราย ก็จะมีคนมาช่วยตนเอง ไม่ต้องดิ้นรนภายใต้ความสิ้นหวัง มองหาทางรอดอันริบหรี่อย่างเมื่อก่อนอีกต่อไป
ความรู้สึกของการมีที่พึ่งเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวได้สัมผัสมันอย่างชัดเจน
“พรึบ!”
ตู๋กูเจี้ยนเฉินสะบัดแขนเสื้อ การโจมตีของจักรพรรดิเทพก็ถูกทำลายลงทันที กงล้อเทพแปดวงปรากฏขึ้นมาด้านหลังศีรษะของเขา ห้วงกระบี่อันแรงกล้าไร้ที่สิ้นสุดฟันกวาดไปในอนัตตา
“ทลายเสีย!”
เห็นเพียงตู๋กูเจี้นเฉินยกมือชี้ออกไป แสงกระบี่สายหนึ่งเปร่งประกาย ค่ายร้อยแปดดาราถูกแกออกเป็นชิ้น ๆ
“แย่แล้ว!”
“เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์!”
“……”
พวกจักรพรรดิเทพเจี้ยนบูสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาย่อมต้องรู้จักตู๋กูเจี้นเฉินเป็นธรรมดา และย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เมื่อไม่นานมานี้ของอาณากระบี่หวูจี๋
“พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา รีบหนีเร็ว!”
ส่วนจักรพรรดิเทพเทียนหยวนนั้นค่อนข้างจะสงบกว่า ในวินาทีที่ตู๋กูเจี้นเฉินปรากฏตัวขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารหลัวซิวในวันนี้ และถ้าหากพวกเขายังไม่รีบพากันหนีไปละก็ พวกเขาทั้งสี่คนล้วนต้องตายอยู่ที่นี่!
“พรึบ!”
จักรพรรดิเทพเทียนหยวนโบกมือฉีกฮู้แผ่นหนึ่งทันที ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิเทพ ในจ่างเทียนตี้พวกเขาก็บุคคลที่มีตำแหน่งพอสมควร ย่อมมีวิธีหลบหนีเอาชีวิตรอดในมืออยู่แล้ว
วินาทีที่ฮู้ถูกฉีก คลื่นปริภูมิอันแรงกล้าได้ปรากฏขึ้นมา จักรพรรดิเทพเจี้ยนบูจักรพรรดิเทพเทียนหยวนยื่นมือออกไปคว้า จับเมิ่งเชียนชางที่อยู่ห่างออกไปนับพันลี้เอาไว้ ทันทีทันใด ร่างของพวกเขาก็ได้หายไปในส่วนลึกของอนัตตา
“คิดหนีงั้นหรือ?”
รูม่านตาของตู๋กูเจี้ยนเฉินหดเล็กลง รัศมีเขียวสามโยคปรากฏขึ้นมาในมือ แล้วฟันออกไปในอากาศ
“ผลัวะ!”
แสงโลหิตสาดกระเซ็น แขนข้างหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากอนัตตา เลือดสด ๆ หลั่งไหลออกมา หลัวซิวดูออกว่านี่คือแขนของจักรพรรดิเทพเทียนหยวน