มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2838 กลั่นแปรภาพมายาคัมภีร์สวรรค์
มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2838
การโจมตีครั้งแรกของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาจากพลังแห่งเกณฑ์ธาตุทอง เมื่อเห็นดวงแสงดาบที่ลุกโชนฟาดฟันเข้ามา ร่างเงาของหลัวซิวยังคงยืนนิ่งอยู่
“เหวิง!”
กงล้อเทพไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะของเขา ไร้ลักษณ์แปรเปลี่ยนสรรพสิทธิ์ เห็นเพียงระหว่างที่เขายกมือขึ้นก็ปรากฏแสงเทวส่องประกายระยิบระยับ เสียงดังสนั่นของแสงดาวอยู่ระหว่างนิ้วมือ ต่อต้านกับดวงแสงดาบอยู่
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงฟ้าฝ่าดังก้องสามครั้งติดต่อกัน จากนั้นก็มีอัสนีเทวสีเขียวสามสายฝ่าลงมา ทุก ๆ สายอัสนีเทวต่างเต็มไปด้วยพลังแห่งเกณฑ์ธาตุไม้
กฎธาตุไม้สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งชีวิตได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพิษ ทำให้คนตายได้เช่นกัน
หลัวซิวก้าวเท้าไปบนอากาศ เขาพลิกมือกลางอากาศ แสงเทวสุกสว่างหลอมรวมอยู่ในฝ่ามือ ส่องประกายถึงขีดสุด กระพริบประกายแสงเซียนที่พร่ามัว แสงเซียนแปรเปลี่ยนเป็นมือขนาดมหึมา รับมือกับสายฟ้าเขียวธาตุไม้สามสาย
พลังอมตะวิชานี้ มีนามว่าตราฝ่ามือราชาเซียน เป็นพลังอมตะวรยุทธเซียนที่หลัวซิวได้ตระหนักรู้จากเศษเสี้ยวตราประทับระฆังสำริดที่แดนปริศนานอกนภา!
ท่ามกลางเสียงอึกทึก สายฟ้าจำนวนมากยิ่งตกลงมา น้ำไฟปะทุ กฎอันทรงพลัง กดให้ร่างของหลัวซิวจมอยู่ภายใต้ทะเลสายฟ้า
“ทะยานเซียน!”
หลัวซิวคำรามเสียงต่ำ ร่างกายของเขาก็พลันแผ่กระจายแสงเซียนออกมา เขาหมุนตัวครั้งหนึ่งและหายไปในพริบตา กลายเป็นแสงเซียนสายหนึ่ง พลังอำนาจไม่อาจต้านทาน พุ่งตรงเข้าไปทำลายการกลั่นแปรของน้ำไฟ
ทัณฑ์สายฟ้าครั้งนี้ เริ่มด้วยทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน จากนั้นตามด้วยลมและสายฟ้าโหมกระหน่ำ กดทับพลังหยินหยาง ทัณฑ์สายฟ้าเช่นนี้มันได้เกินกว่าขอบเขตของมหาทัณฑ์เทพมารขั้นเก้าไปแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพขั้นเก้าต้องมาเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ ก็ยังต้องดับสูญทั้งร่างและวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ภูมิหลังของหลัวซิวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เพื่อที่จะบรรลุกฎเกณฑ์ของผลการฝึกตน เขาอยู่ในแดนเทพมารขั้นแปดนี้อย่างมั่นคงเป็นเวลาหนึ่งปี สั่งสมทีละเล็กละน้อย ไม่ว่าทัณฑ์สายฟ้าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้เพียงเสี้ยวเล็บ
ทัณฑ์สายฟ้าขั้นเก้าผ่านไป แสงเทวรอบกายของหลัวซิวก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น เดิมทีผลการฝึกตนของเขาบรรลุกฎเกณฑ์เป็นเทพมารขั้นเก้าแล้ว พลังรบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลังจากผ่านการชุบร่างของทัณฑ์สายฟ้า พลังเต๋าของเขาก็ยิ่งหลอมรวม พลังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี
เก้าคือเลขที่สูงที่สุด เดิมทีหลัวซิวคิดว่าหลังจากผ่านทัณฑ์สายฟ้าขั้นเก้าแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธครั้งนี้ก็น่าจะถือว่าสิ้นสุดแล้ว
แต่ในวินาทีที่ใจของเขาผ่อนคลายลงเพียงเล็กน้อย ก็มีสายฟ้าสายหนึ่งซึ่งรวดเร็วมาก เมื่อตัวสำนึกของหลัวซิวสัมผัสได้ถึงมัน ก็สายเกินกว่าที่จะหลบได้แล้ว
“ปัง!”
ความเร็วที่เกินขีดจำกัดนั้นมีพลังมหาศาลและน่าสะพรึงกลัว ทันทีที่โดนแสงอัสนีอัดเข้ากับร่างกาย ร่างของหลัวซิวก็กระเด็นออกไป ค่ายคุ้มกันยันต์ค่ายสามสิบสามชิ้นที่อยู่รอบตัวเขาพากันระเบิดออกเป็นจุล ร่างเนื้อยังถูกโจมตีจนทะลุเป็นโพลงเลือด เลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทาง
หลัวซิวเงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นฉันก็เห็นภาพมายาคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากสายฟ้าที่พันกันเป็นเกรียวบนท้องฟ้า
“สิ่งล้ำค่าคัมภีร์สวรรค์?”
ถึงแม้ว่าหลัวซิวจะไม่เคยเห็นคัมภีร์สวรรค์มาก่อน แต่วินาทีที่มองเห็นภาพมายาคัมภีร์เล่มนี้ เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าต้องเป็นคัมภีร์สวรรค์
สถานที่ที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์นั้น คือห้วงดาราแห่งโลกสวรรค์ โลกสวรรค์เป็นโลกที่เปิดขึ้นโดยบรรพสวรรค์หนึ่งในบรรพโบราณ บรรพสวรรค์จัดการดูแลคัมภีร์สวรรค์ ฝึกตนด้วยคัมภีร์สวรรค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทียนเต้า เช่นนั้นท่ามกลางทวยเทพธรรมเวชแห่งโลกสวรรค์ ก็ต้องมีเจตจำนงค์ของสิ่งล้ำค่า คัมภีร์สวรรค์หลงเหลืออยู่
สายตาจับจ้องไป หลัวซิวเหมือนจะเห็นได้อย่างเลือนราง ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ได้ถูกเปิดออก บนหน้ากระดาษที่โบราณเก่าแก่นั้น มีธรรมเวชจำนวนมหาศาลซ้อนทับกันไปมา กลายเป็นคำว่า ‘สิง’
หนึ่งในสิบสองคัมภีร์สวรรค์ วิถีแห่งสิงเทียน เป็นตัวแทนทัณฑ์สิงของธรรมฟ้าดิน!
“โครมคราม……”
พลังแห่งสิงเทียนระเบิดออก แสงอัสนีไร้ที่สิ้นเกี่ยวพันกันไปมา กลายเป็นตราประทับหนึ่ง เคลื่อนตัวเข้ามาบดขยี้หลัวซิว ทั้งแข็งแกร่งทั้งโหดร้าย
วินาทีนี้เอง หลัวซิวเรียกได้ว่ารู้สึกเหมือนหมุษย์ตัวคนเดียวกำลังต่อกรกับทวยเทพธรรมเวช
วิถีไร้ลักษณ์ผันแปร พลังชีวิตมหาศาลปะทุอยู่ภายในร่างกาย ร่างเนื้อที่ถูกแทงทะลุเป็นโพล่งนั้นเพียงพริบตาก็สามารถสมานแผลได้อย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังเต๋าปะทุ ค่ายคุ้มกันยันต์ค่ายทั้ง 33 ชิ้นที่ถูกทำลายไปก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว หลอมรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“ทะยานเซียน!”
ร่างของหลัวซิวระเบิดแสงเซียนอันสุกสกาวขึ้นอีกครั้ง ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับเซียนที่บินทะยานขึ้นฟ้า ฝ่ามือจับเป็นวิชาตราประทับ ตั้งรับตราประทับสิงเทียน
พลังอำนาจแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเกินจินตนาการเคลื่อนตัวลงมา วินาทีที่วิชาตราประทับและตราประทับสิงเทียนชนเข้าด้วยกันก็ถูกโจมตีจนสลายไปทันที จากนั้นแสงเซียนรอบกายของหลัวซิวก็ค่อย ๆ ดับมอดลง ร่างกายกระเด็นลอยออกไป เลือดสดพุ่งกระฉูด
“นี่จึงจะเป็นทัณฑ์สายฟ้าที่แท้จริงของข้างั้นหรือ? ถึงขั้นดึงเอาภาพมายาคัมภีร์สวรรค์แห่งธรรมเวชโลกสวรรค์มาเพื่อเป็นเซียนลงทัณฑ์ต่อข้า?”
ถึงแม้ว่าทั้งตัวจะโชกไปด้วยเลือด แต่หลัวซิวกลับยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้ ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็สูญเสียแววตาไป กลายเป็นความว่างเปล่า บนร่างของเขามีแสงเทวแผ่กระจายออกมาอีกครั้ง แสงเทวส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ สรรพสิทธิ์ล่าถอย หายไป และดับสูญ!
“สรรพวิถีล้วนว้าง!”
หลัวซิวพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง หมุนแสงเทวด้วยมือทั้งสอง ตราประทับสิงเทียนถูกดูเข้ามาในวังวน ภายใต้พายุหมุนของสรรพวิถีล้วนว้าง พลังอำนาจก็ค่อย ๆ ลดระดับจนอ่อนลง
ไม่นาน ตราประทับสิงเทียนก็หายเข้าไปในวังวนอย่างสมบูรณ์ ถูกหลัวซิวใช้พลังอมตะสรรพวิถีล้วนว้างทำลายสิ้น
แต่ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ ณ ส่วนลึกของห้วงดาราก็ยังคงอยู่ แสงอัสนีสายแล้วสายเล่าถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่หลัวซิวก็ไม่ได้นั่งรอความตายอยู่เฉย ๆ ร่างของเขากระพริบ พลันพุ่งตรงไปยังภาพมายาคัมภีร์สวรรค์
“กงล้อเทพไร้ลักษณ์!”
เสียงดังสนั่น กงล้อเทพด้านหลังศีรษะของเขาลอยออกมา เดิมทีกงล้อเทพขนาดเท่า ๆ กับรูเล็ตได้ขยายใหญ่ขึ้น เพียงพริบตาก็ขยายใหญ่ราวหมื่นจั้ง
เพียงครู่เดียว กงล้อเทพไร้ลักษณ์และภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ก็ชนเข้าด้วยกัน แต่กลับไม่มีคลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวชนิดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินระเบิดออกมา แต่เป็นกงล้อเทพหมื่นจั้งที่อ้าปากกว้างราวกับอสูรร้าย กลืนกินภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ลงไปในคำเดียว!
“มหาวิถีอหังการ ช่วยข้ากลั่นแปร!”
ตราประทับในมือของหลัวซิวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กงล้อเทพหมื่นจั้งสั่นไหวเล็กน้อยและเปลี่ยนไป กลายเป็นเตาเพลิงธรรมเตาหนึ่ง พลังเต๋าอหังการปะทุอยู่ท่ามกลางเตาเทพ พยายามกลั่นแปรภาพมายาคัมภีร์สวรรค์
หากเป็นร่างต้นของคัมภีร์สวรรค์ แน่นอนว่าหลัวซิวไม่มีทางกล้าทำเช่นนี้ แต่หากเป็นเพียงภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางทัณฑ์สายฟ้า ก็มีโอกาสเป็นไปได้ในการกลั่นแปร
เตาเทพสั่นสะเทือนรุนแรง ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ปลดปล่อยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอยู่ภายใน ร่างเนื้อของหลัวซิวก็สั่นสะเทือนตามไปด้วย
เตาเทพนี้ คือการแปรเปลี่ยนจากกงล้อเทพของเขา หากว่าภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ทำลายเตาเทพได้ นั่นก็หมายความว่ากงล้อเทพของเขาก็จะถูกทำลายไปด้วย มันจะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างไม่อาจแก้ไขได้และเกิดความเสียหายอย่างหนักแก่เขาอย่างแน่นอน
จาที่โชคดีก็คือ ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์นี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพลังแห่งคัมภีร์สวรรค์อันอ่อนแอที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางทัณฑ์สายฟ้า ตามที่ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ถูกกลั่นแปรอย่างต่อเนื่อง ความลึกลับต่าง ๆ ของเทียนเต้าก็พลอยปะทุขึ้นมาในหัวของหลัวซิว ถูกวิถีไร้ลักษณ์ของเข้าสำแดงและผสมผสาน เพิ่มความสมบูรณ์ให้กับวิถีแห่งตน
……
ระหว่างอนัตตา เรือโบราณที่สวยงามทะลุเข้ามาในห้วงดารา เรือโบราณลำนี้มีรูปทรงแปลกตา แต่ความเร็วในการบินกลับไม่เร็วนัก
บนหัวเรือโบราณ ชายหนุ่มในชุดสีม่วงเอามือไพล่หลังมองดูดวงดาวที่สว่างไสวจากที่ไกล ๆ
“บรรพอาจารย์บอกว่าที่โลกมหาศักดิ์แปดด้านมีโอกาสของการจุติเซียนดำรงอยู่ เมื่อโชคชะตาจุติเซียนปรากฏขึ้นในเวลานั้น ต้องดึงดูดสงครามแห่งห้วงดาราพื้นโลกเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นห้วงดาราที่กว้างใหญ่ผืนนี้ ก็ต้องกลายเป็นสนามรบในที่สุด”
ชายหนุ่มชุดม่วงพูดพึมพำกับตนเอง ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่คาดเดาไม่ได้ ตัวสำนึกอันแข็งแกร่งพลันถูกปลดปล่อยออกมาทันที พุ่งตรงไปยังคลื่นความเคลื่อนไหวที่ถูกส่งมา
“เป็นทัณฑ์สายฟ้าที่แข็งแกร่งยิ่ง นั่นคือภาพมายาคัมภีร์สวรรค์เป็นสิ่งล้ำค่าที่ถูกบ่มเพาะขึ้นมาท่ามกลางเทียนเต้าดั้งเดิมไม่ใช่หรือ?”
ตัวสำนึกของชายหนุ่มชุดม่วงสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ข้ามผ่านทัณฑ์ของหลัวซิวแล้ว
“คนผู้นี้กลับนำสิ่งล้ำค่าภาพมายามากลั่นแปรหรือนี่?”
ตัวสำนึกของเขาตรวจสอบกระบวนการข้ามผ่านทัณฑ์ทั้งหมดของหลัวซิว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจปนตกใจ
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงจะไม่ใช่นักยุทธ์ของโลกมหาศักดิ์แปดด้าน แต่กลับเคยได้ยินมาถึงความยิ่งใหญ่เก่งกาจของสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมทั้งแปดแห่งโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ท่ามกลางจักรวาลที่กว้างใหญ่ ห้วงดาราพื้นโลกอื่น ๆ ถึงแม้จะมีสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมอยู่เช่นกัน แต่กลับไม่มีห้วงดาราพื้นโลกแห่งใดที่มีมากเช่นนี้
สิ่งล้ำค่าดั้งเดิม เรียกได้ว่าเป็นรองเพียงสมบัติแห่งวิถีเซียนเท่านั้น เพราะสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมเต็มไปด้วยกฎธรรมเวชที่สมบูรณ์
ส่วนลึกของห้วงดารา หลัวซิวไม่ได้นำภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ทั้งหมดมากลั่นแปร เพราะในตอนที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์ ก็สัมผัสได้ถึงตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่สอดส่องเข้ามายังตน
เพียงเพราะว่าเขายังต้องต่อกรกับการลอบโจมตีของตราประทับสิงเทียน ดังนั้นจะเสียสมาธิไปไม่ได้ ในตอนนี้นำภาพมายาคัมภีร์สวรรค์เก็บเข้าไปในกงล้อเทพ เขาก็ทำได้แค่เพียงเอาเรื่องการกลั่นแปรพักไว้เป็นเรื่องรองเท่านั้น
ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์หายไป แน่นอนว่าทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็สลายหายไปด้วยเช่นกัน หลัวซิวยืนอยู่บนยอดของห้วงดารา สายตาจับจ้องไปยังสถานที่ห่างไกลกว่าแสนลี้ จ้องมองไปจังชายหนุ่มชุดม่วงที่ยืนอยู่บนหัวเรือโบราณ
ไร้ลักษณ์สำแดงทวยเทพสรรพสิทธิ์ สำหรับหารสัมผัสของทวยเทพธรรมเวช สามารถพูดได้ว่าการรับรู้ของหลัวซิวนั้นคือที่สุด เมื่อเขามองเห็นชายหนุ่มชุดม่วง เขาก็รับรู้ได้ถึงออร่าพลังเต๋าที่พันอยู่ล้อมรอบกายของคนผู้นี้ เป็นคลื่นที่แตกต่างออกไปจากทวยเทพธรรมเวชของโลกมหาศักดิ์แปดด้านอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งนี่ก็หมายความว่า คนผู้นี้ไม่ใช่นักยุทธ์ของโลกมหาศักดิ์แปดด้านแห่งห้วงดาราพื้นโลกแห่งนี้!
ณ แดนเซียนนอกนภา หลัวซิวเคยสังหารพวกยู่เหมินมาก่อน ดังนั้นจึงรับรู้ได้ว่าท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ยังมีห้วงดาราพื้นโลกอื่น ๆ ดำรงอยู่ด้วย
ธรรมเวชของทั่วทั้งจักรวาลนั้นคือหนึ่งเดียว นอกจากโลกาปริภูมิที่พิเศษแห่งแดนดารานอกนภาประเภทนั้น ถึงแม้ว่าคลื่นออร่าธรรมเวชของห้วงดาราพื้นโลกต่าง ๆ จะแตกต่างกันออกไป แต่ว่ากันตามหลักแล้วก็มีที่มาจากรากฐานเดียวกัน
และก็คือหลัวซิวสัมผัสอ่อนไหวอย่างมากต่อออร่าพลังเต๋า หากเป็นคนอื่นก็จะไม่สามารถคาดเดาที่มาของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ได้จากคลื่นพลังเต๋า
ระยะห่างนับแสนลี้ของห้วงดารา สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับของพวกเขา มันเป็นระยะเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
เพียงชั่วครู่ เรือโบราณก็ปรากฏต่อสายตาของหลัวซิว ชายหนุ่มชุดม่วงที่ยืนอยู่บนหัวเรือสองมือไพล่หลัง สีหน้าเย่อหยิ่งจ้องมองมายังเขา
“บรรลุเทพมารขั้นเก้ากลับสามารถดึงดูดทัณฑ์สายฟ้าพิโรธที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ดูแล้ว เจ้าคงจะเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าของโลกมหาศักดิ์แปดด้าน”
ชายหนุ่มชุดม่วงจ้องมองหลัวซิว มุมปากยกขึ้นเป็นนัยยะของความสนอกสนใจ แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ก่อนนี้ไม่นานข้าก็เพิ่งได้บรรลุเทพมารขั้นเก้า ดังนั้นจึงอยากเรียนรู้จากผู้เพื่อนยุทธ์เสียหน่อย”
สำหรับผู้อื่นชายหนุ่มชุดม่วงให้ความรู้สึกเรียบเฉย แต่ความเรียบเฉยประเภทนี้แฝงไว้ซึ่งความเย่อหยิ่งและพลังอำนาจ น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะพูดคุยได้ แต่กลับไม่สามารถปฏิเสธได้
“เจ้าคือคนของโลกาฟ้าดินหลิงหลง?” หลัวซิวขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ สำหรับห้วงดารานี้ พื้นโลกอื่น ๆ นอกจากโลกมหาศักดิ์แปดด้านแล้ว เขาก็รู้จักแค่เพียงโลกาฟ้าดินหลิงหลงแห่งเดียวเท่านั้น
ความยากแท้หยั่งถึงของห้วงดาราพื้นโลกระดับนี้ มีคนไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ โดยทั่วไปแล้ว เฉพาะผู้แข็งแกร่งที่มีระดับสูงมากเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้สัมผัสถึง อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนที่มีผลการฝึกตนผู้สูงส่งช่วงปลาย หรือผู้มีตำแหน่งสูงในแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเท่านั้นที่จะรู้ได้
“ข้ามาจากโลกามังกรเทพไท่ซู!”
ชายหนุ่มชุดม่วงยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ แววตาเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เห็นเพียงเขาก้าวออกจากเรือโบราณแล้วเดินข้ามความว่างเปล่ามาทางหลัวซิว
ในเวลาเดียวกัน เรือโบราณก็กลายเป็นลำแสงและลอยกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา
“มีคนไม่กี่คนที่อยู่ในแดนเดียวกันที่มีคุณสมบัติมากพอให้ข้าลงมือ ผู้เพื่อนยุทธ์หากสามารถทนได้ร้อยกระบวน ข้าก็จะยอมปล่อยเจ้าไป!” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มชุดม่วงหายไป กล่าวด้วยน้ำเสียงโหดร้าย