มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2816 เทพธิดาเมิ่งเหยา
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2816 เทพธิดาเมิ่งเหยา
“ฮ่าฮ่า……”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซิว อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับสิงซาก็หัวเราะเสียงดังลั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“พวกมึงหัวเราะอะไร?”หลัวซิวหรี่ตาแล้วมองไปทางพวกเขาทั้งสี่คน
“มึงถามว่าพวกกูหัวเราะอะไรอย่างนั้นหรือ? พวกกูหัวเราะที่มึงไม่รู้จักสำเนียกตัวเอง แม้นมึงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งมากจนน่าทึ่ง แต่ยึดกุมภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งฝึกตนมานานเจ็ดปี แต่กลับฝึกถึงแค่แดนเทพมารระดับแปดขั้นสูง ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่กงล้อเทพวงแรกยังผนึกรวมออกมาไม่ได้เลย!”
“ส่วนพวกกูล้วนผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้แล้ว โดยเฉพาะศิษย์พี่สิงซายิ่งผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้สี่วง อีกทั้งผลการฝึกตนยังบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าขั้นสูงด้วย!”
“ครั้นเมื่อยังผนึกรวมกงล้อเทพออกมาไม่ได้ บางทีศักยภาพของมึงอาจจะสามารถต่อกรกับศิษย์พี่สิงซาได้ ทว่าปัจจุบันระหว่างมึงและศิษย์พี่สิงซากลับแตกต่างกันเยอะมาก นี่มึงยังไม่เข้าใจช่วงระยะความต่างในนี้อีกหรือ?”
สิงซาก็เคยพูดคำพูดที่เป็นทำนองนี้เช่นกัน ขณะที่เพิ่งเข้ามาสถานแหล่งเต๋าครั้งแรก สิงซารู้สึกว่าศักยภาพของเหวิ้นเต้านี่ไม่ด้อยกว่าตนเอง แต่ถ้าเกิดหลังจากผ่านไปไม่กี่ปีแล้วตัวเองผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้ และถ้าเกิดเหวิ้นเต้านี่ถูกพันธนาการโดยผลการฝึกตนละก็ เขาต้องไล่ตามฝีเท้าตนไม่ทันแน่นอน เช่นนั้นช่วงระยะความต่างของศักยภาพก็จะห่างกันมากขึ้น
และสำหรับจอมยุทธ์ทั่วไปแล้ว วิธีพูดเช่นนี้มันถูกต้องจริง ๆ แต่ถ้าเกิดพูดจากมุมมองความหมายบางอย่าง จะจัดหลัวซิวอยู่ในขอบข่ายทั่วไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า! ……”ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็แหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดังลั่นเช่นกัน
“มึงหัวเราะอะไร!?”เมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างอุกอาจ ก็มีจิตสังหารพรั่งพรูออกมาจากทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายสิงซาแล้วตะคอกเสียงดังลั่น
“กูหัวเราะที่พวกมึงโง่เง่าไร้ปัญญา หัวเราะที่พวกมึงตาถั่ว! ผู้ใดเป็นคนบอกว่ากูผนึกรวมกงล้อเทพออกมาไม่ได้?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ร่างกายหลัวซิวก็สั่นเทิ้มทีหนึ่ง ถัดจากนั้นก็มีเงาลวงกงล้อเทพวงหนึ่งที่เลือนลางปรากฏหลังศีรษะเขา
ผู้ที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีเพียงพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น แม้แต่ตัวสิงซาเองก็มึนงงไปด้วย เนื่องจากเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ากงล้อเทพที่เหวิ้นเต้านี่ผนึกรวมออกมาได้จะเป็นเช่นนี้
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเป็นกงล้อเทพที่มีลักษณะใกล้เคียงกับแก่นแท้มากเท่าไหร่ คุณภาพก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น ศักยภาพยิ่งแข็งแกร่ง พลานุภาพยิ่งมาก
อย่างไรก็ตามกงล้อเทพแบบเลือนลางที่เขาผนึกรวมออกมากลับมีคุณภาพที่แย่กว่ากงล้อเทพชั้นล่างไม่น้อยเลย
สำหรับสิงซาแล้ว ถ้าเกิดกงล้อเทพที่เหวิ้นเต้าผนึกรวมออกมามีคุณภาพสมบูรณ์แบบ เขาก็จะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย ในทางตรงกันข้ามการที่เขาผนึกรวมกงล้อเทพที่เทียบเคียงกับชั้นล่างไม่ได้ด้วยซ้ำออกมา กลับทำให้สิงซารู้สึกแปลกใจยิ่งกว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”
ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายสิงซาหัวเราะหนักมาก “กงล้อเทพขยะที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นนี้ มึงก็กล้าเอาออกมาทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าเนาะ?”
“เจ้าหนู นี่มึงแจ้นมาขายโง่โดยเฉพาะหรือ?”
จู่ ๆ ก็มีจิตสังหารพุ่งออกมาจากดวงตาของคนคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ลงมือโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดาบเทพเล่มหนึ่งถูกเขาเรียกออกมา แล้วพุ่งสับไปทางหลัวซิว
ในขณะเดียวกัน กงล้อเทพสองวงที่อยู่หลังศีรษะสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ ภายใต้การปลุกเสกจากกงล้อเทพสองวง พลานุภาพของการโจมตีในครั้งนี้จึงทรงพลังมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าได้แล้ว
คนดังกล่าวคืออัจฉริยะที่กำเนิดจากตำหนักเลี่ยเทียน ผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าช่วงปลายแต่ก็สามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้าแล้ว!
“ตู้มม!”
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีประเภทนี้ หลัวซิวปล่อยหมัดออกไปหนึ่งที หมัดของเขาจึงพุ่งชนเข้ากับดาบเทพ แล้วเกิดเป็นเสียงเหล็กที่กระทบกัน สะเก็ดไฟแตกกระเด็น
ดาบเทพที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรองหมุนแล้วกระเด็นออกไป เงาร่างของหลัวซิวหายวับไปกับที่ ก่อนจะปรากฏตรงกลางสิงซาทั้งห้าคนในวินาทีถัดไป
กงล้อเทพไร้ลักษณ์ที่เลือนรางกำลังโคจรอยู่หลังศีรษะเขา หลัวซิวกระตุกยิ้มมุมปากเยือกเย็นเล็กน้อย “ในเมื่อพวกมึงบอกว่ากงล้อเทพของกูเป็นขยะที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่นนั้นก็ให้พวกมึงได้พบเห็นรู้จักพลานุภาพของมันหน่อยก็แล้วกัน!”
“เวิ่ง!”
เพียงพริบตาเดียว กงล้อเทพไร้ลักษณ์ก็โคจรอย่างรวดเร็ว จากลักษณะที่เลือนรางในตอนแรกผันเป็นลักษณะที่เป็นแก่นแท้ภายในพริบตา ราวกับกลายเป็นอาวุธเทพของขลังชิ้นหนึ่งที่มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นรอง!
มีรัศมีเทวสาดส่องลงมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์เป็นวงกว้าง ภายใต้การสาดส่องของรัศมีเทว สีหน้าของพวกสิงซาทั้งห้าคนล้วนเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากกงล้อเทพที่ลอยอยู่หลังศีรษะพวกเขาถึงกับสั่นคลอนขึ้นมา เหมือนดั่งมดตัวจ้อยที่ต่ำต้อยกำลังเผชิญหน้ากับจักรพรรดิองค์หนึ่งที่สูงส่งอย่างยิ่ง!
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”
“นี่คือกงล้อเทพอะไร? เหตุใดจึงมีพลังออร่าที่ทรงพลังเช่นนี้?”
“……”
เพียงกระบวนท่าเดียว กงล้อเทพของพวกเขาทั้งห้าคนก็ถูกกดอัด นอกจากสิงซาผู้มีศักยภาพแข็งแกร่งได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างน้อยแล้ว อีกสี่คนที่เหลือล้วนไม่มีพลังที่จะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ร่างกายของพวกเขาก็ถูกรัศมีเทวที่สาดส่องออกมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์ควบคุม ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ……”
กงล้อเทพไร้ลักษณ์บินวนออกไปหนึ่งรอบ กงล้อเทพของอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับสิงซาก็ล้วนถูกกงล้อเทพไร้ลักษณ์พุ่งชนจนแตกสลาย กงล้อเทพที่แตกสลายถูกกงล้อเทพไร้ลักษณ์ม้วดพัดไปดูดกลืน แล้วเปลี่ยนเป็นสิ่งบำรุงของกงล้อเทพไร้ลักษณ์ ทำให้พลังออร่าและพลานุภาพของกงล้อเทพเพิ่มขึ้นเสี้ยวหนึ่ง
สิงซาเบิกตากว้างจนดวงตากลมโต เหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อยู่เหนือการคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง และเขาในวินาทีนี้ถึงจะเข้าใจสักทีว่าเหวิ้นเต้านี่สยดสยองกว่าที่เขาจินตนาการไว้หลายเท่าตัวมาก!
นี่มันกงล้อเทพขยะที่ไม่ได้มาตรฐานอะไรกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันน่ากลัวและเก่งกาจกว่ากงล้อเทพคุณภาพสมบูรณ์แบบที่กล่าวถึงเสียอีก!
กงล้อเทพที่กล่าวถึงนั้น เกิดจากการตระหนักรู้ในธรรมเกณฑ์ของตัวจอมยุทธ์แล้วผนึกรวมยกระดับมัน เห็นเพียงมีมือใหญ่ข้างหนึ่งที่ผนึกรวมออกมาจากเกณฑ์พลังเต๋าได้ยื่นออกมาจากกงล้อเทพไร้ลักษณ์ ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ แล้วขยำไปทางสิงซาที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก
ทันใดนั้นเอง ก็มีลายค่ายที่ถี่ยิบปรากฏบนตัวสิงซา จากนั้นเงาร่างเขาก็หายวับไป ทำให้มือใหญ่เกณฑ์ข้างนั้นของหลัวซิวโจมตีไม่เป็นผล ไม่สามารถจับกุมร่างเขาเอาไว้ได้
เห็นได้ชัดเจนเลยว่านั่นเป็นสมบัติคุ้มกันชีวิตบางอย่างที่สิงซายึดกุมอยู่ในมือ พื้นที่ภายในสถานแหล่งเต๋ากว้างใหญ่มาก ๆ หลัวซิวก็ไม่สามารถผนึกได้อย่างแม่นยำเช่นกันว่าเจ้าหมอนั่นหลบหนีไปสถานที่ใดกันแน่
แต่หลัวซิวก็ไม่มีแผนการที่จะไปไล่ล่าสิงซาเช่นกัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝึกตนในภูเขาแหล่งเต๋าที่หนึ่งต่อแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินออกไป ก่อนจะได้พบกับสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงเป็นแถบ
ซึ่งปัจจุบันยุ่งเหยิงอลหม่านกว่าตอนแรกเริ่มหลายเท่าตัวมาก บางทีอาจเป็นเพราะเหลือเวลาไม่ถึงสามปีแล้ว ดังนั้นเวลานี้คนจำนวนมากจึงคุ้มคลั่งขึ้นมา และยิ่งวางความหยิ่งยโสและอคติลง ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันต่อกรกับศัตรู
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็เห็นว่าฮู๋ชิงชิงกำลังถูกคนสามคนรุมโจมตี บนชุดกระโปรงของนางมีคราบเลือดติดอยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บแล้ว นางก็ยังไม่เลือกที่จะถดถอยอยู่เช่นเคย ในแววตาที่งดงามคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความแน่วแน่
หลัวซิวไม่ชอบสตรีอ่อนแอแต่อย่างใด เพราะสตรีอ่อนแอไม่เหมาะที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์เลยด้วยซ้ำ เขารู้สึกชื่นชมอุปนิสัยทีเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของฮู๋ชิงชิงมาก
ยิ่งกว่านั้นคือเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ไม่ต้องพูดถึงอุปนิสัยของเหยียนเยว่เอ๋อร์มากอยู่แล้ว นางเป็นสตรีที่กล้ารักกล้าเกลียด แม้เหยียนซีโรว่จะดูอ่อนแอ ทว่าแท้จริงแล้วนางก็มีด้านที่เข้มแข็งเช่นกัน มีเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้าหลัวซิว นางถึงจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาอย่างแท้จริง
เงาร่างหลัวซิวกระพริบทีหนึ่งแล้วบินตรงไป เพียงโบกมือครั้งเดียวก็ทำให้อาวุธเทพสองชิ้นที่พุ่งโจมตีเข้าไปทางฮู๋ชิงชิงกระเด็นออกไป กงล้อเทพไร้ลักษณ์เหมือนดังพระจันทร์ที่สุกสกาว ทำการสยบกงล้อเทพและร่างกายของทั้งสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเอาไว้
ฮู๋ชิงชิงก็เป็นคนที่สังหารปราบปรามอย่างเด็ดเดี่ยวคนหนึ่งเช่นกัน เดิมทีการร่วมมือการรวมโจมตีของทั้งสามคนนี้ก็มีจิตที่จะสังหารนางอยู่แล้ว สำหรับผู้ที่คิดที่จะสังหารตนเองนั้น ฮู๋ชิงชิงย่อมไม่มีทางออมมือแม้แต่น้อยอยู่แล้ว หอคอยเทพอสูรฟ้าบินออกมา ก่อนจะทำการสังหารทั้งสามคนที่ไร้แรงต่อต้านอย่างไร้ความปราณี!
หลัวซิวไม่รู้สึกว่าการสังหารคนมีความผิดอะไร เพราะนี่เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุดในโลกแห่งการฝึกยุทธ์แล้ว ยิ่งกว่านั้นคือไม่ว่าจะเป็นชาติปางก่อนหรือการค่อย ๆ ก้าวพัฒนาขึ้นมาในชาตินี้ มือทั้งสองข้างของเขาล้วนเปื้อนด้วยเลือดสดไปมากเท่าไหร่แล้ว
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”หลัวซิวมาถึงข้างกายฮู๋ชิงชิงแล้วถาม
เมื่อเห็นหลัวซิวปรากฏ ฮู๋ชิงชิงก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นร่างกายนางก็อ่อนระทวยลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ ในขณะที่นางกำลังจะล้มลงไปกับพื้นอยู่นั้น ก็มีหน้าอกที่อบอุ่นและแข็งแรงให้นางพักพิง
ตรวจสอบอาการของฮู๋ชิงชิงอยู่ครู่หนึ่ง หลัวซิวพบว่าสภาพอาการบาดเจ็บของนางไม่ถือว่าสาหัสมากนัก แต่ทว่าเนื่องจากต่อสู้กับคู่ต่อสู้สามคนทำให้หมดแรงเล็กน้อย หากเขามาสายอีกนิดหนึ่ง ไม่แน่ฮู๋ชิงชิงก็อาจมีโอกาสถูกสังหารแล้วจริง ๆ
“อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก! ……”
มีเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาสะท้อนมาอย่างต่อเนื่อง หลัวซิวมองไปทางต้นต่อของเสียง ก่อนจะพบว่าบนภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้ามีกงล้อเทพที่ใหญ่โตลอยอยู่กลางนภาสองวง กงล้อเทพทุกวงล้วนมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายร้อยเมตร ซึ่งประกอบมาจากแสงดาบทั้งหลายที่ผนึกรวมกันจนกลายเป็นแก่นแท้ และมีห้วงดาบพลังเต๋าที่มากมายมหาศาลแพร่กระจายออกมา
เมื่อครู่มีคนสามคนร่วมมือกัน วางแผนที่จะโจมตีภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้า แต่กลับถูกกงล้อเทพวิถีดาบสองวงที่น่าสยดสยองนั่นบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเนื้อเละ ๆ ตายได้อนาถจนไม่อาจทนดูได้
มีสตรีที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวขาวนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้า หลังศีรษะนางมีกงล้อเทพที่สามปรากฏ แต่ทว่ากงล้อเทพวงดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการผนึกรวม จากคุณภาพชั้นสูงค่อย ๆ วิวัฒนาการไปทางคุณภาพสมบูรณ์แบบ
ไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและแปลกหน้านั่น จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกประเภทหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ผุดขึ้นมาในใจหลัวซิว
ซึ่งสตรีนางนั้นย่อมต้องเป็นลู่เมิ่งเหยาอยู่แล้ว ไม่นึกเลยว่านางจะผนึกรวมกงล้อเทพที่สมบูรณ์แบบออกมาได้สองวง อีกทั้งวงที่สามก็กำลังจะผันแปรไปเป็นคุณภาพสมบูรณ์แบบแล้วเหมือนกัน
สามารถพูดได้เลยว่าผลสำเร็จเช่นนี้อยู่เหนือฮู๋ชิงชิงแล้ว ต้องท้าวความก่อนว่าในอดีตชาติฮู๋ชิงชิงเป็นผู้สูงส่งเชียวนะ นางที่ฝึกตนอยู่บนภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ก็ผนึกรวมกงล้อเทพสมบูรณ์แบบออกมาได้แค่วงเดียวเท่านั้น และกงล้อเทพชั้นสูงอีกสองวง
หลัวซิวไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลู่เมิ่งเหยากันแน่ ถึงได้ทำให้โอกาสในชีวิตนางเปลี่ยนจากเดิมโดยสิ้นเชิง
มีหลัวซิวคอยคุ้มกันรักษาอยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อความวุ่นวายบนภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ไปบุกโจมตีภูเขาแหล่งเต๋าอื่น ๆ เช่นกัน และจากการที่มีคนดับสลายสูญสิ้นและได้รับบาดเจ็บ ศึกการแย่งชิงภูเขาแหล่งเต๋าในตอนนี้ก็ค่อย ๆ ดำเนินการถึงช่วงสุดท้ายแล้ว
นี่น่าจะเป็นการเข่นฆ่าและการแย่งชิงครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากผ่านศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ เวลาก็เหลือเพียงสองปีกว่าแล้ว และทุกคนก็ล้วนจะถูกส่งออกไป
หลัวซิวป้อนยาให้ฮู๋ชิงชิง จากนั้นก็ใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งกำเนิดดังนั้นหลังจากผ่านไปไม่นานนัก ฮู๋ชิงชิงก็ฟื้นตื่นขึ้นมา
อย่างไรก็ตามเวลานี้หลัวซิวก็สัมผัสได้เช่นกันว่า ฮู๋ชิงชิงก็มองไปยังทิศทางที่สายตาเขามองไปเหมือนกัน
เห็นเพียงฝั่งภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้ามีการเคลื่อนไหวแล้ว กงล้อเทพวิถีดาบสองวงที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ แล้วพุ่งตรงมายังภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ที่พวกเขาทั้งสองคนอยู่โดยตรง
ในขณะเดียวกัน ลู่เมิ่งเหยาก็เดินออกมาจากภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้าเช่นกัน เพราะพลังงานเต๋าบนภูเขาแหล่งเต๋าที่ห้าไม่สามารถประคองให้นางผนึกรวมกงล้อเทพสมบูรณ์แบบวงที่สามออกมาได้แล้ว ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะไปแก่งแย่งภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่แล้ว
สายตาหลายดวงล้วนผนึกรวมกันมาทางนี้ หลังจากผ่านการตะลุมบอนในก่อนหน้านี้ ทุกคนล้วนมองเห็นความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของเทพธิดาเมิ่งเหยาแห่งหอมกุฎดาบ ส่วนชายหนุ่มผู้มีนามว่าเหวินเต้าที่สามารถโค่นล้มสิงซาบนภูเขาแหล่งเต๋าที่สี่ก็เป็นคนที่น่ากลัวเช่นกัน หากทั้งสองคนได้ปะทะกัน ตกลงผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากันแน่?