มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 26 การกลั่นร่างขั้น7
บทที่ 26 การกลั่นร่างขั้น7
อย่างไม่รู้ตัว เวลาค่อยๆผ่านไป สำนักยุทธ์เมืองชิงหยุน เข้าสู่การสอบประจำปี
นักเรียนชั้นต้นอายุสิบสี่ ชั้นกลางอายุสิบเจ็ดต้องเข้าร่วมการสอบ หลังจากสอบผ่านจะได้เลื่อนชั้น แต่ถ้าสอบตก ก็ต้องออกไปจากสำนักยุทธ์
ลานฝึกยุทธ์กว้างใหญ่ มีนักเรียนในสำนักยุทธ์กว่าพันคนรวมตัวกัน นักเรียนสามถึงห้าคนจับกลุ่มกัน พูดคุยไม่หยุด เสียงดังระงม
บนเวทีประลองยุทธ์สูงกว่าสามเมตร โต๊ะตัวหนึ่งวางไว้ตรงกลาง บนโต๊ะมีบอลทรงกลมคล้ายคริสทัลวางไว้
บอลคริสทัลนี้ใช้ทดสอบอุปกรณ์ค่ายกลของผลการฝึกตน ขอเพียงควบคุมปราณในไว้ด้านใน บอลคริสทัลก็จะส่องแสง อ้างอิงจากความสว่าง สามารถตัดสินผลการฝึกตนคร่าวๆได้
นักเรียนที่จะต้องเข้ารับการสอบต่างไม่สบายใจ สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถบรรลุเงื่อนไขนั้นนิ่งสงบ
หลัวซิวเองก็รีบมาจากเขาสุ่ยวู่ กลับไปยังห้องของตนเองและอาบน้ำก่อน เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าผืนใหม่ หลังจากนั้นค่อยไปยังสถานที่สอบ
สำหรับหลัวซิว แน่นอนว่านักเรียนในสำนักยุทธ์หลายคนย่อมรู้จัก ว่ากันว่าเมื่อสองเดือนก่อน เขาคือการกลั่นร่างขั้น5ของผลการฝึกตนแล้ว ทั้งยังสามารถเอาชนะนักเรียนชั้นกลางได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหาอะไรที่จะผ่านการสอบในครั้งนี้
แต่เรื่องการต่อสู้ระหว่างจางห่างและหลัวซิว กลับกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันมานานแล้ว ดังนั้นตอนที่เห้นหลัวซิวเดินมา คนจำนวนไม่น้อยเริ่มพูดคุย
“หลัวซิวคนนี้ใจกล้าจริงๆ จางห่ายคืออัจฉริยะของชั้นกลาง ได้ยินว่าก่อนหน้านี้จำศีล เป็นการกลั่นร่างขั้น8ของผลการฝึกตน!”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ลู่ปกป้องหลัวซิว คงถูกจางห่ายทำร้ายจนพิการไปแล้ว”
“ได้ยินว่าผลการฝึกตนของจ่างห่ายบรรลุการกลั่นร่างขั้น8แล้ว ตามหลักการควรจะได้ขึ้นไปอยู่ชั้นสูง แต่เพื่อแก้แค้นให้น้องชาย ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมการสอบในครั้งนี้ รอให้หลัวซิวเลื่อนขึ้นชั้นกลาง หลังจากนั้นค่อยสั่งสอนเขาอย่างเหี้ยมโหด”
“หลัวซิวหายไปนานมาก น่าจะเป็นเพราะกลัวแล้ว ก็เลยซ่อนตัวเอาไว้”
สำหรับคนส่วนมาก ไม่มีใครคิดว่าหลัวซิวสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของจางห่ายได้
ทางด้านหลัวซิวเผชิญหน้ากับคำพูด คำเย้ยหยัน สงสัยของคนรอบข้าง กลับนิ่งงัน ผ่อนคลาย ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าเจ้านี่จะไม่รู้ว่าความสามารถของจางห่ายคือการกลั่นร่างขั้น8แล้ว?
การกลั่นร่างขั้น8 ถือเป็นยอดฝีมือของนักเรียนในสำนักยุทธ์แล้ว มีน้อยคนที่จะบรรลุการกลั่นร่างขั้น9 ซึ่งล้วนอยู่ในชั้นสูง
ถ้าหากสามารถบรรลุการกลั่นร่างขั้น9 เลื่อนไปยังแดนฝึกชี่ไห่กลายเป็นนักยุทธ์ ก็สามารถจบการศึกษาจากสำนักยุทธ์ได้เลย ขั้วอำนาจต่างๆในเมืองชิงหยุนต่างแย่งตัวกันให้ไปร่วมงาน
“เงียบ!” ในเวลานี้เอง เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากลานฝึกยุทธ์
ทุกคนต่างมองไปตามเสียง เห็นชายวัยกลางคนในชุดผ้าคลุมตัวยาวสีน้ำเงินยืนอยู่บนเวทีประลองยุทธ์ กวาดตามองรอบๆ “คนที่เข้าร่วมการสอบในปีนี้ เดินออกมาจากแถว!”
นักเรียนในสำนักยุทธ์มากมายต่างหยุดพูดคุย รวมถึงหลัวซิว ร่างหนึ่งเดินออกมา
ท่ามกลางกลุ่มคนด้านหลัง มีแววตาเยือกเย็นหนึ่งจับจ้องที่แผ่นหลังของหลัวซิว
“พี่ เมื่อเขาสอบผ่านก็จะกลายเป็นนักเรียนชั้นกลาง ถึงเวลานั้นพี่สู้กับเขา อาจารย์ในสำนักยุทธ์ก็ไม่มีเหตุผลในการห้ามและยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว พี่ต้องช่วยผมสั่งสอนมันให้สาสมนะ!” จางเจี๋ยกัดฟันพูด
ทุกครั้งที่นึกถึงตนถูกคนเจ้าที่ดูถูกมาโดยตลอดทำร้าย จางเจี๋ยรู้สึกอับอายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“วางใจเถอะ ครั้งนี้พี่ยอมไม่เลื่อนไปชั้นสูง เพื่อช่วยนายแก้แค้น!” จางห่ายพยักหน้าแล้วพูด
ถึงแม้จะบอกว่าการกลั่นร่างขั้น8มีสิทธิ์ในการเลื่อนไปชั้นสูง แต่ปีนี้จางห่ายเพิ่งอายุสิบห้า ยังไม่รีบร้อน ถึงแม้อยู่ชั้นสูงจะได้ดื่มด่ำกับสวัสดิการ แต่ด้วยภูมิหลังของตระกูลจาง สามารถดื่มด่ำอย่างง่ายดาย
ในมือของผู้อาวุโสผู้ควบคุมการสอบของสำนักยุทธ์มีรายชื่อหนึ่งแผ่น พูดเสียงเรียบ: “คนแรก หยุนถง!”
“ค่ะ!”
หญิงสาวชั้นต้นเดินออกมา ขึ้นไปยังเวทีประลองยุทธ์ วางฝ่ามือลงบนบอลคริสทัล
“ตึ้ง!”
ด้วยแรงสั่นสะเทือน บอลคริสทัลทอประกายแสงแวววับ
“หยุนถึง แดนการกลั่นร่างขั้น5 ผ่านการสอบ สามารถเลื่อนชั้นไปชั้นกลางได้!” ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบคุมสอบป่าวประกาศด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
ได้ฟังคำยืนยันจากผู้อาวุโสคุมสอบ หญิงสาวที่ชื่อหยุนถงโล่งอก ด้านล่างเวทีมีสายตาอิจฉามากมาย โดยเฉพาะพวกคนที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะสอบผ่าน
จากนั้น ผู้คุมสอบอ่านชื่อทีละคน มีคนขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์ประมาณสิบกว่าคน มีทั้งชั้นต้น และมีทั้งชั้นกลาง แต่ว่าคนที่ผ่านการสอบ มีแค่สามคนเท่านั้น คนอื่นๆ ต่างถูกคัดออก เก็บข้าวของภายในสามวัน ออกไปจากสำนักยุทธ์
กฎที่สำนักยุทธ์ตั้งเอาไว้ สำหรับลูกหลานตระกูลร่ำรวยไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่สำหรับนักเรียนที่มีฐานะยากจน ต้องบรรลุแดนการกลั่นร่างขั้น5ตอนอายุสิบสี่ บรรลุการกลั่นร่างขั้น8ตอนอายุสิบเจ็ด แทบจะไม่มีความหวังใด
ทว่านักเรียนในสำนักยุทธ์ โดยมากล้วนเป็นคนธรรมดา
ฝึกยุทธ์เหมือนกัน คุณสมบัติของพรสวรรค์ก็มีข้อแตกต่าง มีน้อยคนที่จะมีพรสวรรค์ สำหรับลูกหลานชาวบ้านทั่วไป ภายในเวลาไม่กี่ปีใช่ว่าจะมีคนสอบผ่าน
ยิ่งมีคนสอบตกมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด นักเรียนที่ไม่ผ่านการสอบ ทำได้เพียงทำหน้าเศร้า ส่วนกลุ่มลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความดูถูก เย้ยหยัน และมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
“คนต่อไป หลัวซิว!” บนเวทีประลองยุทธ์ ผู้อาวุโสผู้คุมสอบอ่านชื่อนี้
ชั่วขณะหนึ่ง สายตามากมายนจับจ้องไปยังชายหนุ่มชุดดำ
ชื่อหลัวซิวนี้ ก่อนหน้านี้เลื่องชื่อในสำนักยุทธ์อย่างมาก ผลการฝึกตนทะยานขึ้นไปแดนการกลั่นร่างขั้น5ในระยะเวลาสั้นๆ แม้แต่นักเรียนชั้นกลางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ก้าวเดินขึ้นไปเวทีประลองยุทธ์ หลัวซิวมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่าง เห็นจางห่าย และจางเจี๋ยที่อยู่ข้างๆเขา ด้านหลังสองพี่น้องนี้ คือหลูเฟิงและพวกยืนอยู่ สายตาที่มองเขา เคล้าไปด้วยความเยือกเย็น
โดยเฉพาะแววตาของจางห่าย เคล้าไปด้วยความดูถูกและเยือกเย็น สำหรับเขาที่บรรลุการกลั่นร่างขั้น8 ถึงแม้หลัวซิวจะผ่านการสอบในครั้งนี้ ก็ถูกลิขิตให้เขากำจัดทิ้ง หลังจากนั้นก็ไล่ออกไปจากสำนักยุทธ์!
มุมปากของหลัวซิวกระตุกยิ้มเยือกเย็น อยากจะเห็นจริงๆตอนที่คนพวกนี้เห็นว่าผลการฝึกตนของตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น7 สีหน้าจะเป็นยังไง?
เขายกมือขึ้นวางไว้บนบอลคริสทัล ปราณเป็นตาย2ระดับอยู่ด้านใน
“ตึ้ง!……”
แสงสว่างทอประกายขึ้น ส่องสว่างวิจิตรตายิ่งกว่าของทุกคนก่อนหน้านี้ เตะตาอย่างมาก!
########################