มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2666 ว่านเริ่นคารวะนายท่าน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2666 ว่านเริ่นคารวะนายท่าน
แตกต่างจากมหาโลกาพันสาม ในโลกมหาศักดิ์แปดทิศนี้ไม่ใช่แค่อาวุธใด ๆ ที่มีสิทธิ์ถูกเรียกว่าทหารจักรวรรดิ
การแบ่งประเภทของอาวุธและอาวุธวิเศษคือจากระดับหนึ่งระดับเก้า จากต่ำไปสูง และที่สูงกว่าอาวุธเทพระดับเก้าคือ อาวุธราชาเทพ สมบัติมกุฎเทพ ทหารจักรพรรดิ และทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ!
อาวุธราชาเทพสามารถสร้างขึ้นได้โดยผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าเท่านั้น ในขณะที่สมบัติมกุฎเทพสร้างขึ้นมาจากมือของมกุฎเทพระดับเก้า และทหารจักรวรรดินั้นถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้า
และทหารจักรวรรดิเลิศล้ำเป็นอาวุธวิเศษของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับ พลังแข็งแกร่งมากนัก ไม่มีอาวุธใดเทียบได้
ด้านหนึ่งของโลกมหาศักดิ์ ยกตัวอย่างโลกกร้าง จำนวนของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้านั้นหายากอย่างยิ่ง ยกเว้นการสืบทอดอันทรงพลังเหล่านั้นที่มีการสืบทอดจากอาวุธเทพมหาศักดิ์ปกป้อง ทหารจักรวรรดิเลิศล้ำก็กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดแล้ว
สำหรับต้นกำเนิดของทหารจักรวรรดิเลิศล้ำนี้ ก็เป็นรางวัลที่ราชาเทพว่านเริ่นได้รับจากไท่ซ่างฉิงในการติดตามในอดีต
ในเวลานั้น ไท่ซ่างฉิงยังไม่กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ครั้งหนึ่งเคยพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งซึ่งฝึกฝนจนถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า หลังจากใช้ทุกวิธีฆ่าอีกฝ่ายแล้วก็แย่งทหารจักรวรรดิเลิศล้ำชิ้นนี้มาได้
รอบ ๆ ยอดเขาโดดเดี่ยวมีออร่าดุดัน ออร่าเหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยราชาเทพว่านเริ่น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยปิดกั้นฝุกตนอยู่ที่นี่ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ราชาเทพได้หายไปตามกาลเวลาแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่ออร่าของเขากลับมีอยู่ตลอดกาล
หลัวซิวเดินไปที่ยอดเขาโดดเดี่ยวทีละก้าวและผู้อาวุโสอีกห้าคนยกเว้นผู้อาวุโสใหญ่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วนี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาจารย์ปู่ แค่ศิษย์คนหนึ่งจะบุกเข้าไปดูถูกได้อย่างไร?
เมื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งกำลังจะต่อว่าเขา จู่ ๆ ลวี่โหลวก็เดินมา เดินตามหลังหลัวซิว
“เงียบ…”
ผู้อาวุโสใหญ่ชำเลืองมองผู้อาวุโสอีกห้าคน ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นท่าทีของเจ้าอาจารย์ประมุขเขาที่มีต่อหลัวซิว ผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้ว่าเขาเดาถูกต้อง
หลัวซิวคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งลึกลับที่ครั้งหนึ่งที่อาจารย์ปู่ราชาเทพว่านเริ่นเคยถูกติดตาม เขากลับชาติมาเกิดแล้ว!
ผู้อาวุโสทั้งห้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่หมายถึงอะไร แต่พวกเขาเห็นความจริงจังในดวงตาของผู้อาวุโสใหญ่ และเห็นว่าเจ้าอาจารย์ประมุขเขากำลังเดินตามหลังหลัวซิวจริง ๆ ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง .
ดูเหมือนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ตั้งแต่หลัวซิวมาถึงภูเขาว่านเริ่น ทุกอย่างก็แปลกและประหลาดขึ้นมา
ตลอดมา ไม่มีใครสามารถเดินไปถึงยอดยอดเขาเดี่ยวได้ แต่หลัวซิวก็เดินไปถึงประตูพระราชวังโบราณบนยอดยอดเขาเดี่ยวได้อย่างง่ายดาย ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน
ที่ประตูพระราชวังมีรูปแกะสลักเจดีย์และที่ประตูด้านซ้ายมีรูปคนยืนเอามือไพล่หลังมองลงมา
ประตูด้านขวาเป็นรูปที่สวมชุดเกราะล้อมรอบด้วยแสงเทวแหงนมองร่างที่ประตูด้านซ้ายด้วยสายตาที่เคารพ
เป็นครั้งแรกที่ลวี่โหลวมาถึงหน้าประตูพระราชวังยอดเขาเดี่ยว ประมุขเขาและผู้อาวุโสในรุ่นก่อน ๆ จะรู้สึกถึงความต่อต้านอย่างมากเมื่อพวกเขามาที่นี่ แต่คราวนี้ที่เดินตามหลังนายท่านไม่ได้ถูกขวางกั้นใดๆก็มาถึงที่นี่แล้ว
นางยังเห็นภาพสองภาพที่ประตูพระราชวัง ภาพหนึ่งที่ประตูด้านขวาเป็นภาพของอาจารย์ปู่ราชาเทพว่านเริ่น สำหรับรูปแผ่นหลังที่สลักไว้ที่ประตูด้านซ้าย ก็รู้เลยว่าต้องเป็นนายท่านอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะนี้ นางกำลังเดินตามหลังหลัวซิว เงยหน้าขึ้น สิ่งที่นางเห็นคือแผ่นหลังของเขา เหมือนกับแผ่นหลังประตูด้านซ้าย
ใครก็ตามที่มาที่นี่จะถูกขวางกั้นโดยรัศมีของราชาเทพว่านเริ่น แม้แต่ผู้สืบทอดที่สืบต่อมาของภูเขาว่านเริ่นก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่มีเพียงหลัวซิวเท่านั้นที่มาที่นี่โดยไม่มีการขวางกั้นใด ๆ โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นเพราะเขาการวิวัฒนาการออร่าของไท่ซ่างฉิงออกมาด้วยวิถีไร้ลักษณ์
ไม่มีใครคุ้นเคยกับไท่ซ่างฉิงมากกว่าเขาเพราะเขาเองคือไท่ซ่างฉิงที่กลับชาติมาเกิด
มาถึงที่นี่จะถูกขวางกั้นโดยออร่าของราชาเทพว่านเริ่น แต่เมื่อออร่าของไท่ซ่างฉิงปรากฏขึ้นที่นี่เท่านั้น ออร่าของราชาเทพว่านเริ่นจะเปิดทางให้นายท่าน!
“เฮ้อ…”
หลัวซิวถอนหายใจ ในบรรดาผู้ที่ติดตามเขาในอดีต ราชาเทพว่านเริ่นสามารถเรียกได้ว่าเป็นคนที่ภักดีที่สุด
หากไม่ใช่เพราะความภักดีของราชาเทพว่านเริ่น ไท่ซ่างฉิงในอดีตจะไม่เลือกที่นี่หลังจากกลับชาติมาเกิด
ในแผนการของไท่ซ่างฉิงในอดีต หากเขากลับชาติมาเกิดประสบความสำเร็จ และกลับมาสู่โลกมหาศักดิ์จากจักรวาลกันดาร สถานที่แรกที่เขาจะมาคือภูเขาว่านเริ่นในโลกร้าง!
ชาติที่แล้วทุกอย่างถูกวางแผนไว้ แต่ถึงเขาจะวางแผนได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งวางแผนโลกทั้งใบ แล้วไงล่ะ?
ผู้คนรอบตัวเขาก็หายไปตามกาลเวลา เช่น เมิ่งเสี้ย เช่นเทียนหย่ง และเช่นหวูชวง…
หลัวซิวถอนหายใจ ก้าวเดินไปโดยไม่เอื้อมมือ ประตูพระราชวังซึ่งปิดมาเนิ่นนานเปิดออกโดยอัตโนมัติ เกิดเสียงดังกึกก้อง
พื้นที่ในพระราชวังไม่ใหญ่มาก มีฟูกอยู่ตรงกลางซึ่งเคยเป็นสถานที่ฝึกฝนของราชาเทพว่านเริ่นและชั้นวางเรียงเป็นแถวรอบ ๆ แสดงรายการสมบัติทุกชนิด แสงเทวแสงส่องประกายเจิดจ้า ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจและตาลาย
ในบรรดาสมบัติเหล่านี้ ยาเซียน โอสถเซียนมีจำนวนมากที่สุดคือ ยังมีกรองแก้วโลหิตดั้งเดิมมากมาย แม้กระทั่งกรองแก้วม่วงดั้งเดิมยังมีหินบรรพไท่ชูขนาดเท่ากำปั้น!
บนพื้นดินที่สะอาดสะอ้าน หลัวซิวเห็นม้วนหยก เขาเอื้อมมือไปหยิบมัน ส่งตัวสำนึกเข้าไป และจู่ ๆ เสียงชราก็ดังก้องอยู่ในสมองของเขา
“ว่านเริ่นคารวะนายท่าน…”
วินาทีที่เขาได้ยินเสียงนี้ แม้แต่หัวใจที่แข็งทื่อของหลัวซิวก็สั่นสะท้าน เขาตัวแข็งอยู่กับที่ จมูกของเขาแสบเล็กน้อย
ในความทรงจำของเขา ว่านเริ่นยังคงเต็มไปด้วยพลังและความเยาว์วัย แต่จากเสียงในม้วนหยกที่มีอายุเนิ่นาน เขาสามารถนึกภาพออกได้ว่าตอนที่ว่านเริ่นทิ้งม้วนหยกนี้ เขาอายุมากแล้ว เข้าชราจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง และใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว
มีเพียงเขาเท่านั้นที่มาที่นี่ถึงจะเปิดออกได้ ว่านเริ่นทิ้งทั้งหมดนี้ไว้เพราะเขาเชื่อว่านายท่านจะมาอย่างแน่นอน และจะเห็นม้วนหยกที่เขาทิ้งไว้ ได้ยินเสียงที่เขาทิ้งไว้
และทรัพยากรทั้งหมดในพระราชวังแห่งนี้ได้รับการจัดเตรียมโดยว่านเริ่นในเวลาที่เขามีชีวิตอยู่เพื่อนายท่านของเขา
ทั้งหมดนี้ทำให้หลัวซิวซึ้งใจ เมื่อชาติที่แล้วเขาคือไท่ซ่างฉิง เขาอุทิศตนเพื่อแสวงหายุทธ์เต๋าและแทบไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้คนรอบข้าง แต่ว่านเริ่นภักดีต่อเขาเสมอและไม่เคยมีใจที่ไม่ดีต่อเขาแม้แต่น้อย
“ถ้าข้าสามารถเกิดใหม่ได้ในอนาคต ถ้าต้นกำเนิดดั้งเดิมของเจ้ายังคงอยู่ บางทีข้าและเจ้าอาจจะได้พบกันอีกครั้ง!”
หลัวซิวเก็บม้วนหยกนี้ แม้ว่าจะมีเพียงประโยคง่ายๆ ในม้วนหยกนี้ แต่มีความหมายสำหรับเขามาก มากจนไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับอาวุธเทพมหาศักดิ์ได้!
นอกจากทรัพยากรฝึกตนจำนวนมากแล้ว ยังมีวัสดุ สมบัติ อาวุธ ม้วนหยกแห่งวิชาอมตะลับมากมายในพระราชวังแห่งนี้
นี่เป็นความมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่าราชาเทพว่านเริ่นจะเหลือสิ่งเหล่านี้ให้กับคนรุ่นหลัง แต่ส่วนหนึ่งที่เขารสะสมแล้วหลือไว้ก็น่าตกใจเช่นกัน
“เวทย์ย้ายเขาถล่มฟ้า!”
ลวี่โหลวเห็นกล่องหยกและตัวหนังสือบนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
วิชาอมตะลับนี้เป็นวิชาอมตะที่มีชื่อเสียงของอาจารย์ปู่ราชาเทพว่านเริ่น แต่กลับไม่ได้รับการถ่ายทอด ว่ากันว่า มันเป็นวิชาอมตะระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์และพลังของวิชานี้แข็งแกร่งนัก
หลัวซิวก็เห็นเช่นเดียวกัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศกอีก เขาเป็นคนถ่ายทอดวิชาอมตะนี้ให้กับว่านเริ่นว่านเหริน ตอนที่ว่านเริ่นเพิ่งเริ่มติดตามเขา ดังนั้นเขาจึงตั้งกฎไว้ว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ว่านเริ่นจะถ่ายทอดให้กับคนที่สามไม่ได้
ต่อมาเขาวางแผนที่จะกลับชาติไปเกิดแล้วเขาก็ลืมเรื่องนี้ไป คาดไม่ถึงว่าแม้เขาจะตายไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรม แต่ว่านเริ่นก็ยังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาและไม่ถ่ายทอดวิชาอมตะลับนี้ให้กับลูกหลานของเขา
“ทหารจักรวรรดิเลิศล้ำ!” ลวี่โหลวอดไม่ได้ที่จะอุทานอีกครั้ง ตราสมบัติสีทองลอยอยู่เหนือพระราชวัง ตราสมบัตินั้นสูงตระหง่านราวกับภูเขา
ตราสมบัตินี้ไม่ได้ถูกกระตุ้นให้ใครมาควบคุม แต่ยังคงมีออร่าของมหาจักรพรรดิยุทธ์ผุดออกมา เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของออร่าก็สามารถปราบปรามเก้าสวรรค์และสิบโลกได้ แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดสู้ได้
“ตราเขามังกรฉิว…”
ตราประทับนี้เข้ากันได้กับเวทย์ย้ายเขาถล่มฟ้า แม้ว่าว่านเริ่นจะเป็นราชาเทพระดับเก้า แต่เขาได้เอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเทพด้วยตราประทับนี้
หลัวซิวก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดภูเขาว่านเริ่นถึงเสื่อมทรามถึงเพียงนี้ แต่ก็สืบทอดมาจนถึงตอนนี้และอาจจะเป็นเพราะราชาเทพว่านเริ่นไม่ได้สืบทอดสิ่งเหล่านี้ให้กับคนรุ่นหลัง
หากมีคนรู้ว่าภูเขาว่านเริ่นมีทหารจักรวรรดิเลิศล้ำชิ้นหนึ่ง กองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจะถูกล่อลวงให้มาแย่งชิงและภูเขาว่านเริ่นก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
นี่คือสิ่งที่ไท่ซ่างฉิงบอกกับว่านเริ่มก่อนที่เขาจะกลับไปเกิดใหม่ เขาเคยพูดว่าการสืบทอดของภูเขาว่านเริ่นนั้นไม่ต้องรุ่งโรจน์ แต่สามารถสืบทอดต่อไปได้
เพราะหากภูเขาว่านเริ่นไม่มีอยู่อีกต่อไปหลังจากกาลเวลาผ่านไปนาน แผนเหล่านี้ที่เขาทำไว้จะมีประโยชน์อะไร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประมุขเขาแต่ละรุ่นของภูเขาว่านเริ่นได้ปฏิบัติตามคำสอนของบรรพบุรุษของพวกเขา ภูเขาว่านเริ่นมักจะไม่เปิดเผยตัวและไม่ค่อยมีปัญหากับกองกำลังอื่น
ตราบใดที่ไม่ยั่วยุศัตรูที่ทรงพลัง ด้วยภูมิหลังของภูเขาว่านเริ่น กองกำลังธรรมดาจะไม่กล้าทำอะไรเกินตัว
ตอนนี้เขากลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ เขามาถึงที่นี่ ภูเขาว่านเริ่นได้ปฏิบัติภารกิจของเขาได้สำเร็จแล้ว และทุกอย่างจะเปลี่ยนไป!
หลัวซิวโบกมือเก็บยาเซียน โอสถเซียนและหินแก้วดั้งเดิมทั้งหมด ทรัพยากรเหล่านี้จำเป็นสำหรับการฝึกตนเป็นสิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุด
“สิ่งที่เหลือเหล่านี้เจ้าเก็บไว้เถอะ มีตราเขามังกรฉิวเป็นการสืบทอดแห่งโชคของภูเขาว่านเริ่นเป็นพื้นหลังก็เพียงพอแล้ว” หลัวซิวกล่าว
ลวี่โหลวตะลึงเล็กน้อย นางนึกว่านายท่านจะเอาตราเขามังกรฉิวที่ล้ำค่าที่สุดไป แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านายท่านคนนี้จะเอาทรัพยากรฝึกตนที่ไม่ใช่มีค่าที่สุดบางส่วน
“เวทย์ย้ายเขาถล่มฟ้าไม่เหมาะสำหรับการฝึกตนของสตรี ข้าจะสร้างวิชาที่เหมาะสมกับเจ้าให้เจ้าเมื่อข้ามีเวลา”
“ขอบพระคุณนายท่าน” ลวี่โหลวโค้งคำนับ ในใจของนางรู้สึกตกใจมากจริงๆ การสร้างวิชาสำหรับคน ๆ หนึ่งนั้นยากกว่าการสร้างวิชาแบบสุ่มหลายเท่า
ทั้งหมดนี้ไม่ยากสำหรับหลัวซิว ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับชาติก่อนหน้านี้ แม้จะมีความสามารถในการวิวัฒนาการด้วยวิถีไร้ลักษณ์ สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุดคือสร้างวิชาอมตะหลากหลายอย่าง
“ข้าจะไปแล้ว ของที่นี่เจ้าจัดการเถอะ” หลัวซิวพยักหน้า มองฟูกเปล่าในพระราชวัง ยกมือขึ้นโบกเก็บเข้าไปในในแหวนเก็บของ หันหลังกลับแล้วเดินออกไป