มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2624
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2624
ในขณะที่หลัวซิวกำลังปะทะกับชายชุดคลุมยาวเทาอยู่นั้น ลาร์และนายแห่งเผ่าจี้ก็เร่งเดินทางมาถึงแล้ว ลาร์กำกระบองเหล็กเซียนตรีภพของเขาไว้ในมือโดยตรง ตะคอกเสียงดังลั่นก่อนจะผันร่างเป็นร่างดั้งเดิมของยักษ์อัสนี กระบองเหล็กเหมือนดั่งสันเขาสีดำขลับ ฟาดทุบไปทางชายชุดคลุมยาวเทาอย่างโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
ด้านหลังของนายแห่งเผ่าจี้มีรูปปั้นบรรพบุรุษเผ่าจี้องค์หนึ่งปรากฏ เขาใช้เคล็ดวิชาพิเศษปลุกรูปปั้นให้ฟื้นตื่นขึ้นมา รูปปั้นก็สูงหลายร้อยเมตรเช่นกัน ดั่งยักษ์ตัวที่สองฟื้นตื่นขึ้นมา แล้วบุกข้าไปทางชายชุดคลุมยาวเทา
“ยักษ์อัสนี!?”
เมื่อเห็นร่างดั้งเดิมของลาร์ ชายชุดคลุมยาวเทาก็ตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี แม้นจะอยู่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด เผ่ายักษ์อัสนีก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่หาพบได้น้อยมาก ๆ โดยเฉพาะสถานตรีภพนั้นก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อย จนแทบจะไม่มียักษ์ที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากสถานตรีภพแล้ว
ศักยภาพของยักษ์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นลูกรักของฟ้าดิน ทันทีที่กำเนิดมาก็มีศักยภาพที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยึดกุมกฎและเกณฑ์ฟ้าดินตั้งแต่กำเนิด!
แต่ทว่าไม่นานนัก ชายชุดคลุมยาวเทาก็พบว่าศักยภาพของลาร์ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาจินตนาการไว้ ตราอัสนีที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของยักษ์ตัวนี้หม่นหมองไร้แสง ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ก็เอาแต่ปะทะกับเขาด้วยแรงฮึดอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ใช้พลังเกณฑ์อัสนีเลยด้วยซ้ำ
นี่จึงทำให้ชายชุดคลุมยาวเทาเข้าใจว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจเป็นเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่าง ทำให้ยักษ์อัสนีตัวนี้ไม่สามารถกระตุ้นศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้
ในส่วนของรูปปั้นบรรพบุรุษเผ่าจี้นั้น แม้นจะมีพลังจิตปณิธานของบรรพบุรุษแฝงซ่อนอยู่เสี้ยวหนึ่ง ทว่าอย่างมากก็แค่สามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางออกมา ซึ่งไม่สามารถสร้างภัยคุกคามให้ชายชุดคลุมยาวเทาได้มากเท่าไหร่นัก
เวิ่งง!
อนัตตาสั่นเทิ้ม มีแสงกระบี่ดวงหนึ่งที่แดงฉานดั่งเลือดทิ่มแทงมา แสงกระบี่ดั่งหอก จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
นี่คือพลังอมตะของหอกโลหิตสังหารสวรรค์ ซึ่งหลัวซิวปลดปล่อยมันออกมาโดยกระบี่ร่องฟ้า จึงทำให้พลานุภาพแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
สีหน้าอารมณ์ของชายชุดคลุมยาวเทายังเป็นเหมือนเดิม มีโล่ใบหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วแล้วต้านทานแสงกระบี่เอาไว้ ได้ยินเพียงเสียงตู้มดังลั่นขึ้นมา คลื่นพลังที่มากมายมหาศาลม้วนซัดออกไปทั่วทุกสารทิศ ชายชุดคลุมยาวเทาถอยหลังกลับไปอย่างสุขุม ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ทว่าการโจมตีของหลัวซิวไม่มีทางเรียบง่ายเช่นนี้อยู่แล้ว พลังอมตะของเพลาไหลรวยถูกเขาปลดปล่อยออกมาตั้งนานแล้ว ณ เสี้ยววินาทีที่ชายชุดคลุมยาวเทาถอยหลังกลับไป สายน้ำยาวที่ไหลทะยานอย่างต่อเนื่องก็ปรากฏบนขอบฟ้าแล้ว
ชายชุดคลุมยาวเทารู้สึกว่ากิริยาท่าทางของตัวเองช้าลงหลายเท่าตัวมาก แม้นผลกระทบนี้จะไม่ยิ่งใหญ่มากนัก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีของลาร์และนายแห่งเผ่าจี้ กลับทำให้เขารับมือได้ไม่สะดวกสบายอย่างก่อนหน้านี้
หลัวซิวขมวดคิ้วลง ศักยภาพของชายชุดคลุมยาวเทาคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว หากเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงทั่วไป อย่างน้อยเพลาไหลรวยของเขาก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามหยุดนิ่งเสี้ยววินาทีหนึ่ง แต่กิริยาท่าทางของชายชุดคลุมยาวเทาแค่ได้รับผลกระทบนิดเดียวเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้รับผลกระทบมากด้วย
นี่จึงทำให้หลัวซิวเข้าใจแล้วว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก ๆ ซึ่งมันจะยากลำบากกว่าครั้นเมื่อปะทะกับหรงเทาและซือถูเซิ่งเจี๋ยเสียอีก
“ผนึกปีศาจ!”
หลัวซิวตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวคำหนึ่ง ขณะที่ลาร์และนายแห่งเผ่าจี้ร่วมมือกันรุมโจมตีชายชุดคลุมยาวเทาอยู่นั้น เขาจึงคว้าโอกาสเรียกศิลาผนึกปีศาจออกมาอย่างไม่ลังเลใจ
ทันทีที่ศิลาผนึกปีศาจปรากฏ ก็มีอานุภาพแห่งสวรรค์ที่มากมายมหาศจนไม่อาจคาดเดาได้แผ่กระจายออกมาทันที ศิลาเทวดั่งภูเขา ทำให้อนัตตาบริเวณรอบ ๆ พังทลายอย่างต่อเนื่อง ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกทำลายล้าง
พลังออร่าของศิลาผนึกปีศาจได้ผนึกไปที่ตัวชายชุดคลุมยาวเทา เพราะฉะนั้นลาร์และนายแห่งเผ่าจี้จึงรีบถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ชายชุดคลุมยาวเทาอยากถอยหลังกลับ ทว่าร่างกายกลับถูกผนึกให้นิ่งอยู่กับที่ เคลื่อนไหวไม่ได้เลย
“นี่คือสมบัติอะไร?”
สีหน้าของชายชุดคลุมยาวเทาเปลี่ยนไปอย่างมาก ต่อให้หลัวซิวจะหยิบอาวุธเทพระดับแปดตลอดจนระดับเก้าออกมา เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะจากผลการฝึกตนของหลัวซิว เขาไม่มีทางกระตุ้นพลานุภาพของอาวุธเทพระดับนั้นออกมาได้มากเลยด้วยซ้ำ ยากที่จะเป็นภัยคุกคามต่อตนเอง