มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2586
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2586
หลัวซิวใช้โอสถแก่นแท้ที่เหลืออยู่ในมือจนหมดและผลการฝึกฝนของเขาก็ได้รับการยกระดับจากการจ้าวมหาเทพขั้น 1 เป็นจ้าวมหาเทพขั้น 3 ความคืบหน้าของผลการฝึกฝนนี้ดูเหมือนจะเร็วมาก แต่เป็นสะสมโดยทรัพยากรขึ้นมา ผลการฝึกฝนของเขาใช้ทรัพยากรในระดับอุกอาจ
ยกเว้นทรัพยากรผลการฝึกตนที่เขาต้องการ เช่นทรัพยากรแก้วเทวชั้นสูงแก้วเทวชั้นยอด หลัวซิวมอบให้แก่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ นอกจากนี้ เขายังใช้เวลาในการกลั่นยาเซียนจำนวนมากในมือของเขา หลังจากกลั่นเป็นโอสถเซียนแล้ว หลัวซิวยังได้แจกจ่ายโอสถเซียนขั้น 5 ให้กับอสูรดูดจิต เพราะอสูรดูดจิตก็บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพและต้องการบรรลุ ก็ต้องการทรัพยากรจำนวนมาก
ทรัพยากรเป็นปัญหาที่หนักใจที่สุดสำหรับหลัวซิวจนถึงตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้ใช้ทรัพยากรรายใหญ่เท่านั้น แต่ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาก็ต้องการทรัพยากรจำนวนมากเพื่อฝึกฝน หากเขาไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เขาก็ต้องการฝึกฝนจนถึงระดับที่ติดตามเขาไปยังโลกมหาศักดิ์ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายร้อยล้านปี
เวลานี้นานเกินไป หลัวซิวไม่สามารถรอได้ ดังนั้นเขาจึงต้องหาวิธีด้วยตัวเองเท่านั้น
ตำหนักวัฏสงสารเป็นของขลังของหลัวซิว ดังนั้นตัวสำนึกของเขาจึงสามารถครอบคลุมทุกซอกทุกมุมที่นี่ได้อย่างง่ายดาย อสูรดูดจิต เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ต่างกำลังปิดกั้นฝึกตน แต่ลาร์เท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน
“ยังไม่มาถึงโลกาวิหารเทวเหรอ?” หลัวซิวเดินออกจากห้องฝึกตน มองออกไปข้างนอกผ่านประตูตำหนัก และเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายที่ยังคงมืดและเย็นชา
“บูม!”
ในขณะนี้ เสียงดังอึกทึกดังมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวข้างนอก ตัวสำนักของหลัวซิวก็แผ่ซ่านออกไปในทันที จากนั้นเขาก็พบนักยุทธ์สองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนดารา
นักยุทธ์สองคนนี้คือชายและหญิง ทั้งคู่มีผลการฝึกฝนระดับจ้าวมหาเทพ ผลพวงของการต่อสู้กวาดล้างอุกกาบาตที่อยู่ใกล้ ๆ และเสียงคำรามก็ไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ สถานที่ที่ทั้งสองคนต่อสู้กันอยู่บนปริภูมิเล็กๆ ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดารา ความตื่นตะลึงของสงครามครั้งใหญ่ทำให้ดินแดนเล็กๆ นี้แตกเป็นเสี่ยงๆ และเต็มไปด้วยความรกร้าง
เมื่อตำหนักวัฏสงสารลอยอยู่เหนือชายและหญิงที่กำลังต่อสู้กันก็สังเกตเห็นว่าตำหนักวัฏสงสารมีออร่าที่ลึกลับอย่างมาก ของขลังดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดโจมตีและมองไปด้วยความจะระวัง
หลัวซิวเดินออกจากตำหนักวัฏสงสาร ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักและมองไปที่คนสองคนตรงข้ามและพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบเรียบ “ข้าแค่ผ่านมา ข้าอยากจะถามว่าจากที่นี่ไปถึงโลกาวิหารเทวไกลแค่ไหน?”
เมื่อรู้สึกถึงผลการฝึกตนบนร่างของหลัวซิวที่ผันผวนจ้าวมหาเทพขั้น 3 ชายและหญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผลการฝึกตนของพวกเขาต่างสูงกว่าคนๆ นี้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคาม
“ผู้เพื่อนยุทธ์ เจ้ามาจากมหาโลกาอื่นหรือ?” ผู้ฝึกตนหญิงที่พูดกับหลัวซิวไม่สามารถพูดได้ว่ามีงดงามเพียงใด แต่นางมีเสน่ห์มากและเสียงของนางก็กังวานเหมือนระฆัง ซึ่งฟังแล้วน่าฟังนัก
“ใช่ ข้าน้อยจากมหาโลกะแสงดาวข้ามดารามาก็นานแล้ว” หลัวซิวกล่าว
“มหาโลกะแสงดาว?” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนหญิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ฝึกตนชายด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจ
เนื่องจากมหาโลกะแสงดาวอยู่ห่างไกลจากโลกาวิหารเทว ตรงกลางยังมีมหาโลกามากกว่าสิบดาราและมีอันตรายมากมายในการเดินทางไกลของดารา และมัอันตรายมากมาย จ้าวมหาเทพขั้น 3 คนหนึ่งกล้าที่จะขเดินทางอยุ่ในดาราไกลถึงขนาดนี้?