มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2573
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2573
แม้นหลัวซิวจะไม่ใช่คนที่สนใจชื่อเสียงอันจอมปลอมก็ตาม แต่เขากลับทราบเช่นกันว่าชื่อของเขาที่อยู่ในมหาโลกาพันสาม นอกจากห้วงอาณาจักรดาราที่ค่อนข้างห่างไกลแล้ว โดยส่วนใหญ่มีน้อยคนมากที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขา
เวลานี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงข้อดีของการมีชื่อเสียงแล้ว เมื่อลู่จื่อโม่ได้ยินชื่อหลัวซิว เขาก็อ้าปากกว้างมาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาเคยได้ยินชื่อดังกล่าวมาก่อน
“ท่านคือหลัวซิวจริง ๆ หรือ? ท่านชายหลัว?”ลู่จื่อโม่เบิกตากว้าง สภาพเหมือนคางจะหลุดแล้วยังไงอย่างนั้น
“จำเป็นต้องตะลึงเช่นนี้ด้วยหรือ?”หลัวซิวยิ้มอ่อน หลังจากชื่อเสียงของเขาแพร่งพรายออกไปแล้ว ผู้ที่ชอบทำงานการกุศลจะเรียกเขาว่าท่านชายซิวหลัว ซึ่งซิวหลัวเป็นตัวแทนของการสังหาร เป็นการสื่อเป็นนัยว่าชื่อเสียงซิวหลัวของเขานั้น ได้มากจากการเข่นฆ่า
“ท่านเป็นบุคคลในต้นแบบของข้าเลยนะขอรับ!”ลู่จื่อโม่พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
แท้จริงแล้วในใจของวัยรุ่นจอมยุทธ์จำนวนมาก ท่านชายซิวหลัวเป็นบุคคลในต้นแบบของใครหลาย ๆ คนเลย เนื่องจากหากเด็กรุ่นใหม่อยากงอกเงยขึ้นมาอย่างงดงาม ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเหล่าอาวุโสที่ฝึกตนมายาวนานอย่างไม่รู้จบ
มีเด็กวัยรุ่นคนใดที่ไม่อยากมีชื่อเสียงโด่งดัง มีชื่อเสียงสั่นไหวไปทั้งโลกหล้าบ้าง? ทว่าหากไม่มีศักยภาพในการต่อกรกับรุ่นอาวุโส เด็กรุ่นใหม่จึงถูกลิขิตไว้แล้วว่ามีเพียงจะถูกเหล่าผู้แข็งแกร่งที่อาวุโสกว่ากดอัด
ในใจของลู่จื่อโม่ เขาใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าสักวันตนก็สามารถกลายเป็นคนอย่างท่านชายซิวหลัว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ตระกูลลู่ต้องสามารถพัฒนาสืบต่อสิ่งที่ดีงามภายใต้การนำพาของเขาแน่นอน กลับไปรุ่งโรจน์มีเกียรติอย่างในอดีตอีกครั้ง
เขาเคยได้ยินคุณูปการของหลัวซิวอยู่ เล่ากันว่าเขาเคยสังหารจักรพรรดิเทพ จากความเป็นมาและตัวตนของเขา ไม่ถึงขั้นประสงค์ร้ายต่อตระกูลลู่จริง ๆ
“ท่านผู้อาวุโส ข้า……”
ลู่จื่อโม่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อครู่กระทั่งบัดนี้ เขาสงสัยมาโดยตลอดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามประสงค์ร้าย ดูท่าตนเอาจิตใจที่คับแคบของตนไปเปรียบกับคนที่ใจคอกว้างขวางเอง
“ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์ การไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่นง่าย ๆ เป็นอุบายการในคุ้มกันตนเอง เรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
หลัวซิวยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนจะพูด: “ที่ข้าเดินทางมามหาโลกะแสงดาวในครั้งนี้ แท้จริงแล้วก็เพื่อตามหาคนรุ่นหลังของจ้าวมหาเทพแสงดาว แล้วส่งของที่เป็นของตระกูลลู่ให้แก่พวกเจ้า”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็หยิบแหวนเก็บของวงหนึ่งออกมาวางลงบนโต๊ะ แล้วพูด: “ในแหวนเก็บของวงนี้ มีภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพที่ฝึกเซ่นมากจากดาราชีวิทั้ง 18 ดวงของจ้าวมหาเทพแสงดาว แล้วก็เคล็ดเต๋าแสงดาวของตระกูลลู่ อนาคตหวังว่าสักวันตระกูลลู่จะสามารถเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งภายใต้การนำพาของเจ้า”
อันที่จริงนอกจากของที่อยู่ในแหวนเก็บของแล้ว ยังมีเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าที่หลัวซิวอนุมานด้วยตนเอง ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถฝึกถึงแดนจักรพรรดิเทพ รวมไปถึงทรัยพากรฝึกตนจำนวนมาก ขอแค่ลู่จื่อโม่ไม่ดับสลายสูญสิ้น อนาคตการที่จะฝึกถึงแดนจักรพรรดิเทพนั้น ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน
……
ทันทีที่มาถึงมหาโลกะแสงดาว ก็จัดการเรื่องราวของตระกูลลู่ไปได้แล้ว นี่จึงทำให้สภาพจิตใจของหลัวซิวดีมาก ๆ ทุกย่างก้าวตั้งแต่โลกแสงดาว นอกจากความพยายามของตัวเขาเองแล้ว ก็มีการช่วยเหลือจากผู้อื่นไม่น้อยด้วย
ด้วยเหตุนี้หลัวซิวก็เคยให้คำมั่นสัญญาเช่นกัน จากการที่ผลการฝึกตนศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็ค่อย ๆ ทำคำมั่นสัญญาเหล่านั้นให้สำเร็จแล้ว
“เมื่อปีนั้นข้าเคยสัญญากับหงเทียนว่า สักวันข้าจักทำให้ตัวตนจิตภัณฑ์ของเขากลายร่างเป็นมนุษย์ กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง”หลัวซิวพูดพึมพำคนเดียว
สำหรับเขาแล้วจิตภัณฑ์ผันร่างไม่ใช่ปัญหาอะไร จากอุบายของเขาในตอนนี้ แค่ต้องการฝึกเซ่นหอกยุทธ์มังกรดำใหม่อีกครั้ง ก็สามารถยกระดับให้มันกลายเป็นสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพได้แล้ว เมื่อใช้ควบคู่กับวิชาเศษหนังสือยุทธภัณฑ์ การที่จะทำให้หงเทียนผันร่างนั้น จึงทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเลย
อิงจากเบาะแสที่เขาได้รับจากเผ่าจี้ จีเสี่ยวจื่อก็ไม่ได้ฝึกฝนในมหาโลกายอดอัมพรเช่นกัน และไม่ได้อยู่ในมหาโลกะแสงดาวพร้อมกับเยว่เอ๋อร์และซีโรว่ด้วย เหมือนนางจะไปโลกาวิหารเทว