มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2561
ในส่วนลึกของนิรยะเพชรฆาต หลัวซิวเรียกเตากลั่นยาออกมาหนึ่งเตา เตากลั่นยานี้เป็นของขลังที่เขากลั่นออกมาด้วยมือตัวเองหลังจากตระหนักรู้ในเศษหนังสือยุทธภัณฑ์ ถึงแม้ยังไม่บรรลุถึงระดับสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพ แต่พลานุภาพกลับแข็งแกร่งกว่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพทั่วไปอยู่ เมื่อใช้มันกลั่นยาจะได้ผลที่คุ้มค่า
รากเทวอลวนและผลเต๋าเคล็ดดาราถูกเขาหยิบออกมา รวมไปถึงยาเซียนที่ใช้สำหรับการเสริมในขั้นตอนการกลั่นยาก็ถูกเขาทยอยโยนเข้าไปในเตาเช่นกัน อัคคีเทพชีวีลุกโชน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวกลั่นเม็ดยาเซียนระดับหก แต่ในความทรงจำของไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อน กลับมีประสบการณ์การกลั่นยาที่นับไม่ถ้วน
อย่างไรเสียไท่ซ่างฉิงก็ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอยู่ ซึ่งไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียงแน่นอน ถึงแม้จะไม่ได้รับการสืบสานของคัมภีร์ฎีกาหนังสือ ทว่าด้านกลั่นยา ค่ายกลและหลอมอาวุธของเขาล้วนมีระดับฝีมือที่สูงส่งมาก
เม็ดยาที่อยู่ในระดับเดียวกันก็มีการแบ่งแยกระดับเช่นกัน ชั้นล่างต่ำสุด ชั้นยอดสูงสุด เม็ดยาประเภทเดียวกัน ทุกครั้งที่ระดับของเม็ดยาเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ฤทธิ์ยาและประสิทธิผลที่แฝงซ่อนอยู่ก็ล้วนจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย
โอสถเวทย์อลวนสำคัญมาก หลัวซิวจะไม่ปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากถ้าเกิดกลั่นล้มเหลวละก็ การที่เขาอยากรวบรวมวัตถุดิบให้ครบหนึ่งเตานั้น สามารถพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หลัวซิวก็ถอนหายใจโล่งอกครั้งหนึ่ง ขั้นตอนการกลั่นยาไม่ถือว่าราบรื่นมากนัก อย่างไรเสียอัคคีเทพชีวีของเขาก็เพิ่งบรรลุถึงระดับมหาจักรพรรดิ การนำมันมากลั่นเม็ดยาเซียนระดับหกนั้น ก็ถือว่ายากลำบากมากอยู่
ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมากเช่นกัน โอสถเวทย์อลวนเตานี้กลั่นออกมาได้ทั้งหมดเก้าเม็ด มีหนึ่งเม็ดที่บรรลุถึงระดับชั้นยอด ห้าเม็ดคือชั้นสูง สามเม็ดคือชั้นกลาง ในส่วนของชั้นล่างนั้นกลับไม่มีเลยแม้แต่เม็ดเดียว
เมื่อมีโอสถเวทย์อลวน หลัวซิวจึงเริ่มปรับสภาวะร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว ส่วนคาดิสลาร์นั้นก็คอยคุ้มกันนิรยะเพชฌฆาตแห่งนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดมารบกวนการปิดขังของนายท่าน
โอสถแก่นแท้และสมบัติต่าง ๆ จำนวนมากถูกหลัวซิวเอาออกมา เขาโคจรวรยุทธ์ดูดซับพลังและกฎที่อยู่บริเวณรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง รอบกายเขามีกฎที่นับไม่ถ้วนกำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้านหลังของเขาราวกับมีการกำเนิดและดับสูญของจักรวาลฟ้าดิน
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุถึงแดนมกุฎเทพขั้น 9 บริบูรณ์แล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะกลืนกินดูดซับพลังที่มากเพียงใด ผลการฝึกตนที่อยู่ในร่างกายกลับบรรลุถึงสภาวะอิ่มตัว ไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปครึ่งปี สภาวะของหลัวซิวก็บรรลุถึงขั้นสูงสุด เขาเริ่มลองไม่อาศัยกำลังภายนอกใด ๆ มาทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ของผลการฝึกตน ทว่าเขาทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า มันกลับไม่ปรากฏตลอดมา แม้แต่ประตูแห่งกฎเกณฑ์ยังไม่ปรากฏ แล้วเขาจะไปทลายมันได้อย่างไรเล่า?
“ดูท่าก็ยังต้องอาศัยกำลังภายนอกอยู่ดี”
หลัวซิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง พลิกมือหยิบโอสถเวทย์อลวนชั้นสูงออกมาหนึ่งเม็ด หลังจากกินยาลงไปแล้ว ฤทธิ์ยาที่มากมายมหาศาลก็ไหลเวียนไปทั้งร่างกายภายในพริบตา พลังที่มากมายมหาศาลม้วนซัดอยู่ในร่างกาย
ราวกับอัคคีเทพที่นับไม่ถ้วนในนิรยะเพชฌฆาตก็ได้รับการโน้มนําเช่นกัน พวกมันผนึกรวมไปทางตำแหน่งที่ตั้งของหลัวซิวอย่างบ้าคลั่ง ประกอบกันกลายเป็นระลอกคลื่นเปลวไฟสีม่วงขนาดใหญ่อยู่รอบกายเขา
อาศัยฤทธิ์ยาของโอสถเวทย์อลวน ผลการฝึกตนภายในร่างกายหลัวซิวพุ่งพรวดอีกครั้ง เริ่มสัมผัสจุดตีบตันของผลการฝึกตนได้ลาง ๆ ราวกับเขาสัมผัสการคงอยู่ของประตูแห่งกฎเกณฑ์ได้ยังไงอย่างนั้น ขอแค่ทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ดังกล่าว เขาก็จะสามารถก้าวข้ามพันธนาการ บรรลุสู่แดนจ้าวมหาเทพ!
ดังนั้นหลัวซิวจึงโคจรวรยุทธ์อย่างไม่ลังเลใจ กระตุ้นพลังทั้งร่างกายเพื่อไปทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์นั่น อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะสัมผัสการคงอยู่ของประตูแห่งกฎเกณฑ์ได้ลาง ๆ แต่กลับสัมผัสตำแหน่งที่แม่นยำไม่ได้ ทุ่มแรงไปเยอะมาก ๆ ทว่าก็ทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ดี