มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2528
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2528
“เทพธิดาปิงหยู หลัวซิวนี่สังหารผู้คนมามากจนนับไม่ถ้วน ใจเหี้ยมมือโหด ข้าขอเตือนเจ้าอย่าช่วยคนเลวกระทำชั่วจักดีกว่า รีบกลับตัวตั้งแต่ยังไม่สายเถอะ”
เงาร่างของฟางห้าวหยูปรากฏกลางอากาศ โบกสะบัดใบพรตดอกถานฮวาที่อยู่ในมือเขา ทำให้ศักยภาพของเสิ่นปิงหยูได้รับผลกระทบและถูกกดอัดจากกฎเวลา
เซียวจื้อหยวนเรียกกระจกทองแดงออกมาหนึ่งใบ ซึ่งมันคือสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพหนึ่งชิ้น ถึงแม้พลานุภาพของมันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากระบี่ตรีภพ แต่ก็เพียงพอที่จะหยุดยั้งเสิ่นปิงหยูไม่ให้ไปช่วยเหลือหลัวซิวได้แล้ว
“อัจฉริยะบุคคลบ้าบออะไรเล่า พวกเจ้ามันก็แค่พวกต่ำต้อยที่เก่งแต่คอยซ้ำเติมผู้อื่น และฉวยโอกาสยามผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายเท่านั้นแหละ!”
เสิ่นปิงหยูทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น กระบี่ตรีภพที่อยู่ในมือสั่นเทิ้มจนดังหึ่ง ๆ ห้วงกระบี่ล้นฟ้าที่อยู่เหนือกฎได้ปะทุออกมาจากกระบี่ตรีภพ
ตู้ม!
ห้วงดารายุทธ์ของเซียวจื้อหยวนถูกฉีกกระชากอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น แม้แต่กระจกทองแดงที่เขาเรียกออกมาก็ถูกฟันจนกระเด็นออกไป จึงทำให้ตัวเขาเองก็ถูกพลังแว้งกัดด้วย กระอักเลือดเฮือกใหญ่ ร่างกายกระเด็นออกไป สีหน้าขาวซีด
ในขณะที่เสิ่นปิงหยูกำลังจะพุ่งเข้าไปให้การช่วยเหลือหลัวซิวอยู่นั้น จู่ ๆ กลับสัมผัสได้ว่ามีจิตสังหารที่เย็นเยือกถึงขีดสุดส่งตรงมาจากด้านหลัง
เงาร่างที่เลือนรางไม่ชัดเจนร่างหนึ่งปรากฏด้านหลังนาง กระบี่หักสีดำขลับเล่มหนึ่งแทงมาทางด้านหลังหัวใจนางพร้อมกับออร่าความตาย
เตี๊ยง!
เสิ่นปิงหยูหันหลังกลับไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด กระบี่ตรีภพได้ต้านทานการจู่โจมของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ ออร่าความตายที่เย็นยะเยือกเคลื่อนผ่านกระบี่ตรีภพแล้วพุ่งตรงมา ทำให้ใบหน้าที่เรียวบางของเสิ่นปิงหยูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
กฎความตาย!
นางไม่ต้องคิดทราบแล้วว่าผู้ที่ลงมือจู่โจม คืออัจฉริยะจากสำนักจักรพรรดิมรณะ โสว่หยิง!
เสิ่นปิงหยูโคจรกฎตรีภพทำลายพลังความตายที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกาย จากนั้นจิตใจนางก็ตึงเครียดขึ้นมา เนื่องจากแม้นนางจะลงมือเวลานี้ ก็ไม่มีโอกาสช่วยเหลือหลัวซิวเอาไว้ได้แล้ว
แค่ควันหลงจากพลังแห่งนิพพานอันน่าสยดสยองที่ปะทุในเมื่อครู่นี้ก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อยแล้ว แต่หลัวซิวกลับอยู่ใกล้ใจกลางแรงระเบิดมากที่สุด จึงย่อมต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสมากที่สุดอยู่แล้ว แทบจะสูญเสียความสามารถในการต่อต้าน
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น นอกจากแสงดาบสีทองที่จุติลงมาจากฟ้าได้เฉือนสับไปทางหลัวซิวแล้ว ยังมีกรงเล็บมังกรสีขาวเงินข้างหนึ่งจุติลงมาจากฟ้าด้วย อัจฉริยะเผ่ามังกรเอ้าเจียงก็ได้ลงมือเช่นกัน!
นอกจากมู่จื่อเซียวแห่งตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ รวมไปถึงข่งเม่าจากสำนักจักรพรรดิแสงดาวแล้ว นี่เป็นจิตสังหารที่มาจากผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะห้าคน!
“แค่นี้ก็คิดที่จะสังหารกู พวกมึงไร้เดียงสามากเกินไปแล้ว”
แม้นจะนอนกองอยู่บนพื้น และเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ความตายกำลังมาเยือน หลัวซิวก็ยังคงสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย
เขาใช้พลังเสี้ยวสุดท้ายที่มีอยู่ในร่างกาย ก่อนที่เงาร่างที่ใหญ่โตมโหฬารของหุ่นเชิดยักษ์จะปรากฏข้างกายเขา ถัดจากนั้นเขาก็นอนสลบไสลไปเลย
ตู้มม!
ก่อนจะสลบไสล หลัวซิวได้กระตุ้นหุ่นเชิดยักษ์ตัวนี้ให้ฟื้นตื่นขึ้นมา ลำแสงสีแดงเลือดสองลำได้พุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของยักษ์ จนทะลวงอนัตตาฟ้าดิน
ศักยภาพดั้งเดิมของหุ่นเชิดยักษ์เทียบเท่าจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ มันง้างมือโบกทีเดียว แสงดาบสีทองก็ถูกพังทลาย ถัดจากนั้นมันก็จับกรงเล็บมังกรสีขาวเงินเอาไว้ ออกแรงกระชากทีเดียว เลือดสีแดงสดก็พุ่งกระฉูด เสียงมังกรคำรามดังก้อง แขนข้างหนึ่งของเอ้าเจียงถูกกระชากออกมาต่อหน้าต่อตา
“หุ่นเชิดระดับจักรพรรดิเทพ!”
วินาทีนี้ สีหน้าของฟางห้าวหยูและพระโอรสจ้านเทียนต่างเปลี่ยนไปหนักมาก พวกเขาตอบสนองกลับมาได้กะทันหัน ห้วงกาลแดนแห่งนี้ตัดขาดกับโลกภายนอก ซึ่งจะไม่ถูกกฎเทียนเต้าผูกมัดและพันธนาการ เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ที่นี่ หลัวซิวจึงสามารถเรียกหุ่นเชิดจักรพรรดิเทพของเขาออกมาได้!
“ให้ตายเถอะ!”
ฟางห้าวหยูและพระโอรสจ้านเทียนสบตากันครั้งหนึ่ง ต่างเข้าใจแล้วว่าครั้งนี้ไม่มีทางสังหารหลัวซิวได้แน่นอน เมื่อทุ่มสุดกำลังสามารถ พวกเขาสามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิได้อยู่ แต่ไม่มีทางต่อกรกับจักรพรรดิเทพช่วงกลางได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะล้มเลิกแผนการในครั้งนี้อย่างเด็ดเดี่ยว แต่ละคนต่างพากันบินหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้