มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2500
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2500
เพราะความหวังนั้นมันริบหรี่มากจริง ๆ
กัดปลายนิ้วให้แตก แล้วหยดเลือดสดลงไปบนแผ่นกระดูก แผ่นกระดูกสีขาวหยกที่ใส่แจ๋วในตอนแรกก็ค่อย ๆ ถูกย้อมด้วยเลือดหนึ่งหยด
ทันใดนั้นเอง แผ่นกระดูกก็ค่อย ๆ เลือนราง สลัวเหมือนเงาร่างหนึ่ง แล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างกายหลัวซิว
วิชาก่อเกิดกายที่ตระหนักรู้ได้จากเศษหนังสือยุทธภัณฑ์ไม่ได้ทำให้แดนกลั่นร่างของหลัวซิวพัฒนาขึ้นอีกก้าว แดนกลั่นร่างของเขายังคงเป็นจ้าวมหาเทพขั้นสูงอยู่เช่นเคย แต่หลังจากฝึกวิชาก่อเกิดกายแล้ว แดนของเขาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ร่างยุทธ์ร่างเนื้อกลับแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เมื่อมีวิชาหนังสือยุทธภัณฑ์ วิถียุทธ์ของเขาก็อยู่บนเส้นทางที่มีแนวโน้มที่จะบริบูรณ์แล้ว ก้าวออกไปหนึ่งก้าวยาว
แม้อนาคตจะไม่สามารถรวบรวมวิชาหนังสือยุทธภัณฑ์ให้สมบูรณ์ครบถ้วน หลัวซิวก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก วิถีไร้ลักษณ์ที่เขาฝึกนั้น แก่นสารของมันก็อยู่ที่การอนุมาน สร้างสรรค์และริเริ่มนี่แหละ
เมื่อปีนั้นเขาสามารถเพิ่มเสริมให้ฎีกาค่ายสมบูรณ์ครบถ้วน เช่นนั้นสักวันเขาก็สามารถใช้เศษหนังสือยุทธภัณฑ์ เพิ่มเสริมให้วิชาหนังสือยุทธภัณฑ์สมบูรณ์ครบถ้วนได้เช่นกัน!
ถึงแม้สิ่งที่เขาเพิ่มเสริมจะแตกต่างจากฎีกาค่ายและหนังสือยุทธภัณฑ์ที่แท้จริงมาก ๆ ทว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาอนุมานออกมาได้ มันเหมาะสมกับตัวเขาเองมากที่สุดต่างหาก ฝึกตนตามลำดับโดยอ้างอิงจากคนรุ่นก่อน มันกลับจะทำให้ศักยภาพต่ำลง
หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะไปเกาะเทียนเหออีกแล้ว อย่างน้อยก็เดินทางไปบัดนี้ไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่แน่ชัดว่าในเกาะเทียนเหอมีผู้แข็งแกร่งแฝงซ่อนอยู่มากเพียงใดกันแน่ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้อุบายไพ่เด็ดบางอย่าง หากตนประสบกับผู้แข็งแกร่งที่ไม่สามารถต่อกรด้วย มันก็จะเป็นปัญหาแล้วจริง ๆ
“จอมยุทธ์โลกาชั้นฟ้านี่มั่งคั่งเสียจริง”
ของทั้งหมดที่อยู่ในแหวนเก็บของของชายผมแดงถูกหลัวซิวนำออกมาเรียบเรียง แล้วเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของของตัวเอง
จำนวนโอสถแก่นแท้ระดับห้ามี 30 กว่าล้านเม็ด ยาเซียนรวมไปถึงวัตถุดิบในการกลั่นอาวุธก็มีเป็นกองเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้หลัวซิวยังได้รับเข็มขัดแขวนที่มีสัญลักษณ์พลังแห่งสวรรค์สลักจารึกจากตัวชายผมแดงหนึ่งชิ้นด้วย ซึ่งไม่ค่อยแตกต่างจากเข็มขัดแขวนทั้งสองชิ้นที่เขาได้รับในก่อนหน้านี้มากเท่าไหร่นัก ด้านบนต่างมีตราประทับพิเศษประทับอยู่ นอกเหนือจากผู้ที่ถูกกำหนดไว้โดยเฉพาะ หากผู้อื่นได้รับก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อยู่ดี
ระดับของพลังแห่งสวรรค์สูงเกินไป กฎไร้ลักษณ์ของหลัวซิวไม่สามารถเลียนแบบวิวัฒนาการ มิฉะนั้นละก็ในเมื่อเขาสามารถปลดปล่อยอุบายไพ่เด็ดทั้งหมดออกมาได้แล้ว เหตุใดเขาจึงยังไม่กล้าไปเกาะเทียนเหออีกล่ะ?
“ไปดูที่หุบเขาผนึกปีศาจก่อนดีกว่า”
ค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น หลัวซิวมีแผนการในใจแล้ว ก่อนที่ยังไม่ปลุกตื่นความทรงจำของไท่ซ่างฉิง ทุกย่างก้าวที่เดินบนวิถียุทฑ์ของเขาล้วนมีจุดมุ่งหมาย
แต่เขาค้นพบว่าตั้งแต่ตัวเองออกจากแดนเทวนิรันกาลเป็นต้นมา แล้วก็ขณะที่ปรากฏในดาราแห่งกาลเวล หลัวซิวก็มีแผนการและจุดมุ่งหมายของตัวเองแล้ว ซึ่งจุดมุ่งหมายแรกก็คือเอาโลงศพของมหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลออกไปจากดาราแห่งกาลเวลา จุดมุ่งหมายที่สองคือฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิง จากนั้นค่อยไปเยี่ยมเยียนฉียู่หรงที่ตระกูลฉี และค่อยเดินทางไปหุบเขาผนึกปีศาจเป็นลำดับสุดท้าย
ต่อมาเนื่องจากการปรากฏของเกาะเทียนเหอ รวมไปถึงเรื่องราวของช่าจื่อเยียนทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย บัดนี้เมื่อวางเรื่องของเกาะเทียนเหอลงชั่วคราว หลัวซิวก็เหลือแค่หุบเขาผนึกปีศาจแล้วที่ยังไม่ได้ไป
พลิกฝ่ามือทีหนึ่ง เศษหยกที่แตกร้าวหนึ่งชิ้นก็ปรากฏกลางฝ่ามือ บนหยกชิ้นนี้มีรอยแตกหนึ่งจุด ซึ่งเป็นรอยที่เกิดจากเศษหยกสองชิ้นประกบกัน
หนึ่งในเศษหยกเป็นหยกที่หยูจือโจวมอบให้เขา ส่วนเศษหยกอีกชิ้นหนึ่งนั้นเป็นหยกที่ได้รับจากก้นบึ้งเหวญาณปีศาจในโลกะอัมพรเทว
เมื่อถ่ายเทผลการฝึกตนเข้าไปในเศษหยก ก็มีรัศมีแย้มบานสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ หลัวซิวสัมผัสการเรียกหาจากห้วงดาราอันไกลโพ้นได้ลาง ๆ
ซึ่งแหล่งกำเนิดของออร่าการเรียกหานี้ก็มาจากหุบเขาผนึกปีศาจนั่นเอง!