มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2496
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2496
ควันหลงจากการที่ดาราระเบิดแตกได้ม้วนซัดออกไปยังห้วงดาราบริเวณโดยรอบหนึ่งล้านไมล์ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายในเขตพื้นที่นี้ล้วนถูกทำลายล้าง หายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย ดับสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ทำเอาซ่งเฉิงตกใจจนสั่นสะดุ้ง หากไม่ใช่เพราะหลัวซิวพาเขาจากไปได้ทันท่วงที เกรงว่าเมื่อครู่เขาคงกลายเป็นเศษฝุ่นที่ไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือเขาอาจจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้กลายเป็นฝุ่นผง ร่างเขาอาจจะว่างเปล่าไปโดยตรงเลย
มีระลอกคลื่นกระเพื่อมออกมาจากห้วงดาราที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นก็มีเปลวไฟดวงหนึ่งลอยออกมาจากระลอกคลื่น ค่อย ๆ แผดเผาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเผยให้เห็นชายผมยาวสีแดงฉานคนหนึ่ง
ชายคนนั้นอยู่ในชุดคลุมยาวสีทอง ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นสีทองเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ยืนลอยอยู่กลางอนัตตาพลางเขม็งมองหลัวซิวมาจากที่ไกล ๆ
“แดนจักรพรรดิเทพ!”
เมื่อสัมผัสออร่าของชายผมแดงนั่นได้ จิตใจของหลัวซิวก็เข้มงวดขึ้นมาเล็กน้อย เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย เกาะเทียนเหอเป็นเพียงหมากที่มองเห็นภายนอก เบื้องหลังของพวกเขายังมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าซ่อนเร้นอยู่
การที่ชายผมแดงนี่มีผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพแล้วสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในห้วงดาราระดับล่างได้นั้น บนตัวเขาก็ต้องมีเข็มขัดแขวนที่มีพลังแห่งสวรรค์แฝงซ่อนอยู่แน่นอน
“เจ้าเป็นผู้ทำให้เว่ยหงโจ๋บาดเจ็บหรือ? ใช้ศักยภาพเทพมารระดับสามขั้นสูงก็มีกำลังรบเท่าเทพมารระดับสี่ขั้นสูงแล้ว ถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งอยู่ มีปัญญาระดับจักรพรรดิเทพ!”ชายผมแดงสังเกตหลัวซิวอย่างพินิจพิเคราะห์ มีความชื่นชมกระพริบผ่านไปในดวงตาสีทอง
ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใด อัจฉริยะก็ล้วนคุ้มค่าแก่การชื่นชม ส่วนผู้ที่มีปัญญาระดับจักรพรรดิเทพนั้นยิ่งหาพบได้น้อยมาก เนื่องจากหากอัจฉริยะประเภทนี้เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างราบรื่นละก็ อนาคตมีโอกาสบรรลุเป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้าอยู่
แน่นอนอยู่แล้วว่าการที่มีโอกาสเช่นนั้น มันก็เป็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะอัจฉริยะระดับจักรพรรดิเทพส่วนมากไม่มีโอกาสที่จะเจริญเติบโตถึงขั้นนั้น
เทพมารระดับสามที่มีปัญญาศักยภาพระดับจักรพรรดิเทพนั้น ยังมีวิธีพูดและสรรพนามอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือจักรพรรดิเทพระดับสาม!
ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับสาม เมื่อดูจากผลการฝึกตนเทพมารระดับสามขั้นสูงของหลัวซิวแล้ว จำเป็นต้องมีกำลังรบในการต่อกรสังหารเทพมารระดับห้าทั่วไป ถึงจะนับเป็นอัจฉริยะระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์
ชายผมแดงไม่ได้พูดมกุฎเทพ และไม่ได้พูดจ้าวมหาเทพและจักรพรรดิเทพ แต่เป็นการใช้ระดับสาม ระดับสี่มาวัดหลัวซิว จากจุดนี้หลัวซิวก็รู้แล้วว่าคนดังกล่าวไม่ใช่จอมยุทธ์ในมหาโลกาพันสาม
“คนหนุ่ม ปัญญาระดับจักรพรรดิเทพหาพบได้น้อย หากเจ้ายินดีศิโรราบ ข้าสามารถไว้ชีวิตเจ้าหนหนึ่ง”ชายผมแดงเขม็งมองหลัวซิวพลางพูด
“ศิโรราบ?”หลัวซิวหัวเราะพลางแหงนหน้าขึ้นฟ้า ผมที่ยาวสลวยปลิวลอย “แค่เทพมารระดับห้าขั้นปฐมภูมิกระจอก ๆ ก็มีสิทธิ์ให้ข้าศิโรราบอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา ก็มีจิตสังหารที่มากมายมหาศาลระเบิดแตกออกมาจากตัวชายผมแดงทันที
“ปากดีไม่เบาเลยนี่ ดูท่าหากไม่อบรมสั่งสอนมึงหน่อย มึงก็จะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้วสินะ!”ชายผมแดงไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกมือขึ้นมาแล้วสะบัดครั้งหนึ่ง เปลวไฟสีทองดวงหนึ่งก็พุ่งตรงไปทางหลัวซิว
ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพ หลัวซิวก็ไม่มีจิตใจที่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว หมัดจ้านเทียนบดขยี้สุญญากาศจนแตกสลาย
หมัดจ้านเทียนได้ผนึกรวมความองอาจกล้าหาญที่แม้นตายก็ไม่นึกเสียดายออกมา แล้วรุดไปข้างหน้าอย่างองอาจ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ต่อหน้าหมัดนี้ ล้วนจะพังพินาศโดยสิ้นเชิง ไม่คงอยู่อีกต่อไป
ตู้มม……
กำปั้นของหลัวซิวและเปลวไฟสีทองพุ่งชนเข้าด้วยกัน แล้วมีรัศมีที่นับไม่ถ้วนแตกกระเด็น
ร่างกายซ่งเฉิงสั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ แม้เมื่ออยู่ภายใต้การคุ้มกันของหลัวซิว เขาจะไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนเลยก็ตาม ทว่าแค่พลังออร่าที่ระเบิดออกมาจากการประมือของพวกเขาทั้งสองคน ก็ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ขอบนรกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ซ่งเฉิงจึงบินหนีไปยังที่ไกล ๆ โดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประมือของผู้แข็งแกร่งระดับนี้เลยด้วยซ้ำ การนิ่งอยู่กับที่ก็เป็นเพียงการรอความตายมาเยือน