มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2484
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2484
ตั้งแต่ฉียู่หรงช่วยชีวิตช่าจื่อเยียนไว้เป็นต้นมา ฉียู่หรงก็พานางหลบซ่อนอยู่ในสถานที่ฝึกตนแห่งหนึ่ง ผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนในตระกูลจ้าวก็สืบสาวตามร่องรอยต่าง ๆ สืบสวนเบาะแสได้ แล้วตามมาถึงที่อยู่ดี
บริเวณหุบเขาที่มีหมอกปกคลุมแห่งนี้มีค่ายกลต้องห้ามจัดวางอยู่ไม่น้อย ทว่าก็ต้านทานการรุมโจมตีจากผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของตระกูลจ้าวไม่ได้อยู่ดี
หลังจากตัวต้องห้ามของหุบเขาถูกทลายไปแล้ว ตัวตนของฉียู่หรงจึงปิดบังต่อไปไม่ได้ ถึงแม้นางจะพาช่าจื่อเยียนหลบหนีอีกครั้ง ทว่าเพราะเรื่องนี้ก็เกิดศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ระหว่างตระกูลจ้าวและตระกูลฉีอยู่ดี
เมื่อปีนั้น เนื่องจากเรื่องราวของหลัวซิว ทำให้ระดับสูงของตระกูลจู้ล้วนถูกสังหาร เสื่อมถอยและซ่อนตัวไปแล้ว สำนักกระบี่ฟ้ามกุฎถูกหลัวซิวล้มล้าง ตระกูลฉีก็เป็นเพราะการลงมือของหลัวซิว ทำให้ฉียู่หรงได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ภายในตระกูลเกิดเหตุการณ์บางอย่างจนสั่นคลอน ทำให้ศักยภาพอ่อนกว่าอดีตเยอะมาก
ในอดีตตระกูลฉีก็แตกต่างจากตระกูลจ้าวไม่น้อยอยู่แล้ว อีกทั้งตระกูลจ้าวมีบรรพอาจารย์กึ่งจ้าวมหาเทพที่ซ่อนเร้นจากโลกภายนอกสามคน ทว่าตระกูลฉีกลับมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
บรรพอาจารย์ตระกูลฉีคัดค้านเรื่องทำสงครามกับตระกูลจ้าวมาก ๆ แต่ลักษณะท่าทีของฉียู่หรงกลับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่ง
แค่สงครามครั้งเดียว ตระกูลฉีก็เสียหายหนักมาก ทำให้ต้องหดตัวอยู่ในตำหนัก อาศัยการคุ้มกันจากค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์
เมื่อปีนั้นขณะที่หลัวซิวออกจากตระกูลฉี เนื่องจากมูลเหตุของฉียู่หรง เขาจึงลงมือช่วยตระกูลฉีจัดวางค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์ใหม่ มาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพจะบุกโจมตีเข้ามา ก็ทลายค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์นี้ยากมาก เพราะฉะนั้นตระกูลฉียังอยู่ในสถานะปลอดภัยชั่วคราวอยู่
ณ ภายในตำหนักใหญ่ที่ใช้สำหรับปรึกษาหารือเรื่องราวต่าง ๆ จิตใจของเหล่าผู้อาวุโสตระกูลฉีล้วนร้อนรุ่มกระสับกระส่าย นอกค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์คือจอมยุทธ์ตระกูลจ้าวที่ถี่ยิบ แทบจะทำการรายล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้อย่างมิดชิด
“ยู่หรงเอ๊ย ขืนเจ้าหลงผิดอย่างกู่ไม่กลับต่อไปเรื่อย ๆ มันก็มีเพียงจะทำให้ตระกูลฉีของเราจมดิ่งสู่ภัยพิบัติแห่งการถูกล้มล้างนะ!”บรรพอาจารย์ตระกูลฉีถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูด
“บรรพอาจารย์ ท่านไม่ต้องโน้มน้าวข้าแล้วเจ้าค่ะ ข้าทราบอยู่ว่าการทำให้ตระกูลเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้มันเป็นความผิดของข้า แต่ข้าจำเป็นต้องช่วยท่านพี่จื่อเยียน”สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับช่าจื่อเยียนนั้น ฉียู่หรงก็ต้องบอกเล่าให้บรรพอาจารย์ฟังเป็นธรรมดาอยู่แล้ว มิเช่นนั้นหากทำให้ทั้งตระกูลต้องตกอยู่ในภัยพิบัติเพียงเพราะบุคคลที่ไม่มีสลักสำคัญอะไร เช่นนี้เรื่องนี้มันจะฟังดูไร้สาระไปหน่อย
“หลัวซิวไปโลกาชั้นฟ้าตั้งนานแล้ว และเขาก็ไม่มีทางทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางฝั่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นสถานการณ์จะดำเนินการมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร? หากตระกูลฉีของเราถูกล้มล้างเพราะเหตุนี้ อนาคตมาตรแม้นว่าหลัวซิวกลับมา แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า?”บรรพอาจารย์ตระกูลฉียังคงถอนหายใจอยู่เช่นเคย
“ขอแค่ส่งตัวช่าจื่อเยียนออกไป ตระกูลฉีของเราค่อยยอมอ่อนข้อให้เล็กน้อยและให้การชดเชย น่าจะสามารถทำให้ตระกูลจ้าวถอยทัพกลับไปได้”จู่ ๆ ก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นมาพูด
ข้อเสนอนี้ของเขาได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสที่ให้การสนับสนุนฉียู่หรงในวันปกติ เวลานี้ก็ต้องแสดงท่าทีพูดเข้าข้างตระกูลอยู่แล้ว
ภายในเวลาชั่วขณะ ฉียู่หรงน้ำน้อยแพ้ไฟ ภายในตำหนักมีแต่เสียงประณามและต่อว่า
ตู้ม!
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ดังสนั่นหูดังมาจากด้านนอก ค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์ถูกโจมตีจนเกิดเป็นช่องโหว่ช่องหนึ่ง
สีหน้าของบรรพอาจารย์ตระกูลฉีและเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในตำหนักใหญ่ที่ใช้สำหรับปรึกษาหารือย่ำแย่ลงไปในทันที ถึงแม้พวกเขาจะรู้อยู่ว่าค่ายใหญ่ทักษาพันธุ์ไม่มีทางยืนหยัดได้ตลอดไป แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วเช่นนี้
ครั้งนี้บรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวได้ออกโรงสองคน ต่างใช้ภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพ โจมตีต่อเนื่องอยู่เกือบหนึ่งเดือนถึงจะทลายค่ายใหญ่สำเร็จ
เสียงตะโกนฆ่าดังก้องไปทั้งแผ่นฟ้าและปฐพี หนึ่งในบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวยืนลอยอยู่กลางอากาศ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกไร้ความปราณี “ล้มล้างตระฉี กำจัดให้สิ้นซาก!”