มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2480
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2480
เขายกมือโบกทีหนึ่ง เก็บเสี่ยวเจียงหมิงเข้าไปในโลการ่างในก่อน ถัดจากนั้นร่างกายเขาก็หายวับไปกับที่ ใช้วิธีเทเลพอร์ตปริภูมิ มองข้ามผู้อาวุโสเกาะเทียนเหอที่เหลือนั่นโดยตรง ในระหว่างที่เงาร่างกระพริบระยิบระยับ เขาก็ไล่ตามเว่ยหนิงที่หวังจะหลบหนีได้แล้ว
นาทีเป็นตาย หว่างคิ้วเว่ยหนิงแยกออก ก่อนจะมีเงาลวงร่างมนุษย์เดินออกมาจากตัวหยั่งรู้ของเขา
“สหาย อภัยได้ก็อภัยไป หากเจ้ายอมยั้งมือ เกาะเทียนเหอของเราจะไม่ซักถามต่อเรื่องนี้อีก”เงาลวงร่างมนุษย์ค่อย ๆ เอ่ยปากพูด น้ำเสียงมีความผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
“มึงบอกว่าจะซักถามก็ซักถาม มึงบอกว่าไม่ซักถามก็ไม่ซักถามเลย เหตุใดกูจึงต้องเชื่อฟังมึงด้วย?”
หลัวซิวพูดอย่างดูหมิ่นประโยคหนึ่ง ก่อนจะปล่อยหมัดออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
เงาลวงร่างมนุษย์ยกมือแล้วใช้นิ้วชี้ครั้งหนึ่ง ทางช้างเผือกที่กว้างใหญ่มโหฬารพันลึกก็ปรากฏ ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเพียงร่างผันของตัวสำนึก ทางช้างเผือกถูกกำปั้นของหลัวซิวโจมตีจนแหลกสลายภายในพริบตา
ปั้ง!
กำปั้นของหลัวซิวเหมือนดั่งดาวเคราะห์ดวงหนึ่งตกลงมา เงาลวงร่างมนุษย์ถูกเขาโจมตีจนแหลกสลายพังทลาย
สีหน้าของเว่ยหนิงดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง หลัวซิวง้างมือโยนเปลวไฟออกไปหนึ่งดวง ก็ทำให้เขาถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี ยังไม่ทันได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ
ในส่วนของผู้อาวุโสเกาะเทียนเหออีกคนที่เหลือนั้น หลัวซิวก็ไม่ได้ปล่อยเขาไปเช่นกัน ใช้นิ้วแทนกระบี่ ทำการสังหารเขาจนเลือดย้อมห้วงดารา
ทั้งขั้นตอนการนี้ดูเหมือนจะยาว ในความเป็นจริงกลับสั้นมาก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาสั้น ๆ
ทุกคนล้วนรู้สึกช็อกกันไปหมดแล้ว เดิมทีนึกว่าหลัวซิวต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำการสังหารจ้าวมหาเทพสองคนของเกาะเทียนเหออย่างเด็ดเดี่ยว ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่ร่างผันตัวสำนึกหนึ่งของจ้าวเกาะเทียนเหอก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน
หลัวซิวก็ทราบมาจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่นกันว่าสาเหตุที่เว่ยหนิงเป็นเจ้าสำนักน้อยนั้น เป็นเพราะตัวตนของเขาคือบุตรแห่งจ้าวเกาะเทียนเหอ เงาลวงร่างมนุษย์ที่ถูกเขาสังหารก็เป็นห้วงจิตหนึ่งของจ้าวเกาะเทียนเหอที่สถิตอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเว่ยหนิงเช่นกัน
อ้างอิงจากศักยภาพของร่างผันห้วงจิต หลัวซิวพอจะคาดคะเนได้อยู่ว่าผลการฝึกตนของจ้าวเกาะเทียนเหอน่าจะเป็นจ้าวมหาเทพขั้นสูง ซึ่งมีโอกาสเป็นกึ่งจักรพรรดิเทพสูงมาก แต่ยังไม่ใช่แดนจักรพรรดิเทพที่แท้จริงอย่างแน่นอน
จากสภาวะของเขา ณ ปัจจุบันที่ตัวหยั่งรู้ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่จักรพรรดิเทพก็จัดการไม่ยาก
หลังจากผู้อาวุโสทั้งสองคนแห่งเกาะเทียนเหอถูกหลัวซิวสังหาร เขาก็ได้รับเข็มขัดแขวนสองชิ้นมาจากฝ่ายตรงข้าม
เข็มขัดแขวนสองชิ้นนี้เป็นสิ่งที่แกะสลักมากจากหยกเทวระดับสี่ ด้านบนมีสัญลักษณ์ที่ล้ำลึกมาก ๆ สลักจารึกอยู่ แต่กลับไม่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีค่ายกล แต่เกี่ยวโยงถึงความล้ำลึกของกฎ
หลัวซิวใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการอนุมาน ก่อนจะพบว่าเขาไม่สามารถใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการกฎที่แฝงซ่อนอยู่บนสัญลักษณ์เข็มขัดแขวนออกมาได้
“ช่างเป็นกฎที่ปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
รูม่านตาของหลัวซิวหดลง วิถีไร้ลักษณ์ของเขาแทบจะสามารถวิวัฒนาการกฎทั้งปวงในจักรวาลฟ้าดินออกมาได้ และยิ่งสามารถหลอมรวมกฎเข้าด้วยกัน แต่ระดับของกฎที่อยู่บนเข็มขัดแขวนสูงมาก และอยู่ภายในกฎจักรวาลฟ้าดินเช่นกัน แต่กลับลึกซึ้งกว่ากฎทั่วไปเยอะมาก
ระบบของกฎจักรวาลฟ้าดินมีทอง ระดับของลมอัสนีจะค่อนข้างสูง และการเวียนว่ายตายห้วงเวลาเป็นกฎชั้นยอด
แต่ก็มีกฎบางส่วนที่อยู่ภายในขอบเขตกฎจักรวาลฟ้าดินแต่อยู่เหนือระบบทั่วไปนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นพลังแห่งสวรรค์พลังแห่งวัฏสงสาร
พลังแห่งวัฏสงสารที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาไม่ได้ถูกวิวัฒนาการออกมาโดยกฎไร้ลักษณ์ แต่เป็นการวิวัฒนาการออกมาโดยตำหนักวัฏสงสารและเงาสะท้อนวัฏสงสารของลูกแก้วความเป็นตาย
ถ้าเกิดเขาจะใช้กฎไร้ลักษณ์เดี่ยว ๆ มาวิวัฒนาการพลังแห่งวัฏสงสาร จากแดนของเขา ณ ปัจจุบัน เขาทำเช่นนั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ก่อนอื่นสิ่งแรกที่สามารถยืนยันได้ก็คือกฎที่แฝงซ่อนอยู่บนเข็มขัดแขวนทั้งสองชิ้นนี้ ไม่ใช่พลังแห่งวัฏสงสารแน่นอน เช่นนั้นสิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือพลังแห่งสวรรค์