มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2464
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2464
อดีตหลัวซิวไม่สามารถทำถึงขั้นนี้ ต่อให้อาศัยอภินิหารรวมร่างยกระดับผลการฝึกตนขึ้นไปถึงแดนจ้าวมหาเทพแล้วยึดกุมกฎขั้น 10 ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
ทว่าหลังจากออกมาจากตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งแล้ว หลัวซิวก็ยึดกุมพลังเกณฑ์เวลาเสี้ยวหนึ่ง จึงฝืนใจทำถึงขั้นนั้นได้อยู่
ดั่งคำกล่าวที่ว่าบ่วงกรรมเป็นวัฏจักร หนึ่งกินหนึ่งดื่ม เขายึดกุมเกณฑ์เวลาในตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่ง ถัดจากนั้นก็ถูกส่งมายังดาราแห่งกาลเวลา ราวกับมีการชี้นำจากพรหมลิขิต ให้เขามาฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิงที่นี่
หว่างคิ้วแยกออก ใจแห่งศุภรบินออกมา แสงเงินที่แวววาวจับตาแย้มบาน เหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่งดงามดวงหนึ่ง
เวิ่ง! ……
แสงเงินแผ่ขยายออก แผ่รังสีออกไปทั่วทุกสารทิศเป็นวงกว้าง ภายใต้การสาดส่องจากแสงแห่งเวลา ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เริ่มช้าลง ความเร็วช้าลง
หลังจากลดเวลาถึงขีดจำกัดที่แน่นอนแล้ว เวลาก็หยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนเงียบเป็นเป่าสาก
การทำให้เวลาหยุดนิ่งคือขีดจำกัดของกฎเวลาแล้ว และเมื่ออยู่เหนือขีดจำกัดนี้ ก็จะเป็นขอบเขตของเกณฑ์ เพลาย้อนกลับ!
การกระตุ้นเกณฑ์เวลาด้วยผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว ก็จะทำให้เขาสูญเสียผลการฝึกตนเยอะมากเช่นกัน เพลาย้อนกลับ ภาพฉากต่าง ๆ ในอดีตปรากฏ ทำให้สีหน้าของหลัวซิวยิ่งอยู่ยิ่งขาวซีดลง
ห้วงเวลากาลเวลาก็เหมือนดั่งสายน้ำที่ยาวเหยียดสายหนึ่ง และบ่อเกิดของจักรวาลฟ้าดินก็คือแหล่งกำเนิดสายน้ำนี้ จากการที่กาลเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว สายน้ำยาวก็ยิ่งอยู่ยิ่งยาวขึ้น ยืดออกอย่างไร้ขอบเขต……
และวินาทีนี้สิ่งที่หลัวซิวต้องทำก็คือแหกกฎเกณฑ์ตายตัวนี้ ทำให้สายน้ำยาวไหลย้อนกลับ!
โครมคราม……
การทำให้เวลาไหลย้อนกลับเป็นพฤติกรรมที่ปรปักษ์สวรรค์ ขัดต่อกฎเกณฑ์ของจักรวาลฟ้าดิน ส่วนหลัวซิวที่เป็นตัวกลางนั้น ต้องถูกลงโทษโดยทัณฑ์สายฟ้าพิโรธเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
แสงอัสนีที่ไร้ขอบเขตทะลักลงมา หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่นทีหนึ่ง ฟาดฟันกระบี่ร่องฟ้าออกไป ต้านทานสายฟ้าทั้งหลายเอาไว้
ระดับความเร็วที่กาลเวลาไหลย้อนกลับนั้นก็เร็วมาก ๆ ระยะเวลาที่เสี่ยวเจียงหมิงตายไปก็แค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น หลัวซิวมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เขาเกือบจะถูกหลิวเทียนลู่ฆ่าตายอีกครั้ง
“ดูดจิต รวมร่าง!”
ณ เสี้ยววินาทีนั้น หลัวซิวตะคอกเสียงต่ำทุ้ม อสูรดูดจิตกลายเป็นชุดเกราะคลุมอยู่บนร่างเขาโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย พลังออร่าบนตัวหลัวซิวเริ่มเพิ่มขึ้นตามจังหวะ กำลังรบยกระดับถึงจุดสูงสุดภายในเสี้ยววินาที
ตู้ม!
เขาลงมือแล้ว ทันทีที่ลงมือก็เป็นพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุด หอกโลหิตสังหารสวรรค์!
กระบี่ร่องฟ้าที่อยู่ในมือเขากลายเป็นสีเลือด จากกระบี่เล่มหนึ่งราวกับกลายเป็นหอกยุทธ์สีแดงเลือดเล่มหนึ่ง
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เขายังเรียกหุ่นเชิดยักษ์ออกมาด้วย กระตุ้นอำนาจพลังและเลือดโดยตรง ทำให้หุ่นเชิดตัวนี้ระเบิดกำลังรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมา เขาและพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดพุ่งทะยานไปทางสายน้ำแห่งกาลเวลา!
“ทลายซะ!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น พลังโจมตีของหอกโลหิตสังหารสวรรค์และหุ่นเชิดยักษ์ทำให้สายน้ำกาลเวลาสั่นคลอนทีหนึ่ง แต่ทว่ากลับไม่ถูกทลายออก
และในเวลานี้เอง หลิวเทียนลู่ที่ปรากฏในภาพฉากสายน้ำแห่งกาลเวลาก็ได้ทำการสังหารเสี่ยวเจียงหมิงอีกครั้ง
หากอยากช่วยชีวิตเสี่ยวเจียงหมิงออกมา ก็จำเป็นต้องทลายพันธนาการของกาลเวลาทิ้ง!
“เอาอีก!”
หลัวซิวย้อนเกณฑ์เวลา เปลี่ยนจากเพลาย้อนกลับเป็นเร่งเวลา ฉายซ้ำภาพเหตุการณ์นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“เผาผลาญพลังและเลือด!”
ครั้งนี้เขาเผาผลาญพลังและเลือดทั้งร่างกายโดยตรง ถึงแม้จะยึดกุมกฎชีวิตขั้น 10 ก็ไม่มีทางเผาผลาญพลังและเลือดทั้งหมดให้หมดในครั้งเดียวง่าย ๆ ทว่าวินาทีนี้หลัวซิวกลับไม่มีเวลาไปสนใจอะไรมากมายเช่นนั้นแล้ว
แคว็ก!
สายฟ้าที่กว้างใหญ่สายหนึ่งผ่าลงกลางศีรษะหลัวซิว ร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เกะกะระรานบวกกับชุดเกราะที่กลายมาจากอสูรดูดจิต ทำให้เขาฝืนต้านทานเอาไว้ได้ แต่กลับมีเสียงแตกร้าวดังขึ้น มีรอยร้าวปรากฏบนกะโหลกเขา เหมือนดังเครื่องกระเบื้องเคลือบที่ใกล้จะแตกสลาย