มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2441
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2441
สาเหตุที่หลัวซิวพูดเช่นนี้นั้น ก็เป็นการบอกเผ่าจี้เช่นกันว่าอย่าได้ดูถูกผู้แข็งแกร่งที่คงอยู่มานานหลายร้อยล้านปีนี่ เพียงเพราะวันนี้มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจากไปแล้ว
ทว่าที่เขากล่าวมานั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน หากหุ่นเชิดยักษ์ทั้งสามตัวยังอยู่ละก็ เมื่อหุ่นเชิดยักษ์ทั้งสามระเบิดกำลังรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมา ถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไป แต่ก็สามารถประจันหน้ากับเขาได้อย่างแน่นอน
“เจ้าเองก็ทุ่มสุดชีวิตมากเกินไปแล้ว มาตรแม้นว่ามันเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งแล้วอย่างไร? ใช่ว่าเผ่าจี้ของเราจะไม่มีภูมิฐานที่สามารถต่อกรกับมันได้เสมอไป”จีเสวียนคงพูด
เขาก็ยังเป็นห่วงหลัวซิวมาก ๆ อยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลัวซิวมีพระคุณต่อเผ่าจี้ เขายังถือเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่งของหลัวซิวด้วย ศิษย์คนปัจจุบันของเขาหนิงหานยู่ก็เป็นน้องสาวของหลัวซิวเช่นกัน
หลัวซิวส่ายหน้า “ข้าทราบความหมายของผู้อาวุโสอยู่ขอรับ แต่ภูมิฐานของเผ่าจี้มีมากเท่าไหร่นั้นข้าก็พอเข้าใจอยู่ หากเปิดเผยภูมิฐานเวลานี้ เข่นนั้นมันก็จะไร้ความลึกลับ และยิ่งลึกลับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ผู้คนหวาดหวั่นได้ง่ายมากเท่านั้น ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ถูก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม”
เมื่อหัวหน้าเผ่าจี้ได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็พยักหน้าเช่นกัน “หลัวซิวพูดได้มีเหตุผลมาก ๆ เรื่องนี้ลำบากเจ้าเลยนะ”
“หัวหน้าเผ่าเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ ข้าก้าวไปข้างหน้าและถอยกลับพร้อมกับเผ่าจี้ คำพูดเช่นนี้มันฟังดูเกรงใจไปหน่อยนะขอรับ”
“เผ่าจี้ของเราเสื่อมถอยมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน การที่สามารถมีสหายอย่างเจ้าได้นั้น เป็นเกียรติและความโชคดีของเผ่าจี้เรา”
หัวหน้าเผ่าจี้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หลัวซิวมอบรังสีดาบที่มีปณิธานของบรรพบุรุษผู้เป็นหนึ่งไม่เป็นรองแฝงซ่อนอยู่ให้เผ่าจี้หนึ่งดวง ก็มีพระคุณต่อเผ่าจี้มาก ๆ อยู่แล้ว ปัจจุบันก็สร้างคุณูปการให้เผ่าจี้มากมายเช่นนี้อีก นี่จึงทำให้เขาที่เป็นหัวหน้าเผ่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
แต่ทว่าสถานภาพในปัจจุบันไม่มั่นคงมาก ๆ การที่เผ่าจี้อยากค่อย ๆ พัฒนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นในมหาโลกาพันสามแล้วย้อนกลับไปยังโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอีกครั้งนั้น นี่จะเป็นเส้นทางที่ยาวนานและยากลำบากอย่างยิ่ง
“หุ่นเชิดที่เจ้ากลั่นสามารถระเบิดกำลังรบที่เทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาได้ ไม่ทราบว่าเจ้ายังสามารถกลั่นหุ่นเชิดประเภทนี้ออกมาได้อีกกี่ตัวหรือ?”หัวหน้าเผ่าจี้ถาม
แม้นมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจะถอยทัพกลับชั่วคราว แต่เผ่าจี้ยังต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายอีกมากมาย เพราะฉะนั้นหัวหน้าเผ่าจี้จึงเปลี่ยนประเด็นมาที่เรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญหน้ากับการสอบถามจากหัวหน้าเผ่าจี้ หลัวซิวจึงยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหน้า “ข้ากลั่นหุ่นเชิดประเภทนี้ได้แค่สามตัวเท่านั้น สาเหตุที่สามารถระเบิดกำลังรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาได้นั้น ก็เป็นเพราะข้าหยดพลังและเลือดของเทพมารระดับเจ็ดลงไปในหัวใจสำคัญของหุ่นเชิดหนึ่งหยด”
“พลังและเลือดของเทพมารระดับเจ็ด?”
เมื่อหัวหน้าเผ่าจี้ได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าจึงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ แม้ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด พลังและเลือดของเทพมารระดับเจ็ดไม่ถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากเท่าไหร่นัก แต่ในมหาโลกาพันสาม นั่นเป็นหินหยกกายสิทธิ์ที่ไม่สามารถประมาณค่าได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากภายในพลังและเลือดมีการตระหนักรู้ในเกณฑ์ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดแฝงซ่อนอยู่ หากสามารถกลั่นแปรตระหนักรู้ จักได้รับผลประโยชน์ที่หาขอบเขตมิได้
ผลการฝึกตนของหัวหน้าเผ่าจี้ก็ถูกพันธนาการอยู่ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงมานานหลายปีแล้ว หากได้รับพลังและเลือดประเภทนี้หนึ่งหยด ถึงแม้จะไม่สามารถอาศัยสิ่งนี้ยึดกุมความลี้ลับของเกณฑ์ ทว่าอย่างน้อยสุดก็สามารถลดระยะเวลาในการบรรลุสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
ความหมายที่หลัวซิวจะสื่อนั้นชัดเจนมาก ๆ แล้ว เขาสามารถกลั่นหุ่นเชิดยักษ์ได้แค่สามตัว จึงแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาก็มีพลังและเลือดของเทพมารระดับเจ็ดสามหยดเท่านั้น
“การถอยกลับในครั้งนี้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ มันน่าจะไม่กลับมาหาเรื่องเราภายในระยะเวลาสั้น ๆ ท่านหัวหน้าเผ่าควรจะบรรลุสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
หลัวซิวมองหัวหน้าเผ่าจี้รอบหนึ่ง เผ่าจี้ประสบภัยพิบัติเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ทำให้สูญเสียการถ่ายทอดสืบสานที่เป็นหัวใจสำคัญไปเยอะมาก ๆ มิเช่นนั้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เผ่าจี้ก็คงไม่ถึงขั้นแม้แต่กำเนิดเทพมารระดับหกหรือระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งยังยากเย็นเช่นนี้