มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2389
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2389
ทุกคนต่างหนีกันสุดชีวิตด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงตอนที่กำลังจะเข้าไปที่สำนักใหญ่ด้านหน้า เพียงเสี้ยววินาทีออร่าอันหนาวเหน็บพลันครอบคลุมตัวทั้งร่างเอาไว้ ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้ตั้งใจ มองไปยังศิลานั้นที่มีคำว่า‘ภูตสวรรค์ทมิฬ’สลักเอาไว้
“อ้าก!……”
ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพหลายคนของสำนักจักรพรรดิมรณะกรีดร้องลงแดดิ้นไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ปราณดำเส้นเล็กเส้นบางแผ่กระจายออกมาจากบนร่างของพวกเขา หลัวซิวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวีดั้งเดิมและวิญญาณดั้งเดิมภายในร่างกายของพวกเขาต่างก็ไหลออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำ
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมของตนก็ถูกกัดกร่อนด้วยเช่นกัน ราวกับมีมือคู่หนึ่งที่ไร้รูปร่างอยู่ภายในรร่างกายของเขาและต้องการจะแย่งชิงชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมของเขา!
เหวิง!
ภายในตัวหยั่งรู้ ตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตายพากันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เงาสะท้อนวัฏสงสารปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหลัวซิว ความรู้สึกของการถูกกลืนกินชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมก็พลันถูกต้านเอาไว้ได้ในชั่วพริบตา
“มาหลบด้านหลังข้า!” หลัวซิวตะโกนคำราม จ้าวแห่งเผ่าจี้และเหล่าผู้อาวุโสทยอยกันมาอยู่ด้านหลังเขา จ้าวแห่งเผ่าจี้ก็อัญเชิญของขลังจันทราสีเงินและเกราะเทพภูตสายฟ้าออกมา ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันทรงพลัง สีหน้าเคร่งเครียด
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิและมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนก็สามารถยืนหยัดขึ้นมาได้แล้ว ชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมไม่ถูกแย่งชิงไป แต่พวกเขาสามารถทำได้แค่เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น ไม่สามารถไปช่วยคุ้มกันคนเหล่านั้นที่ตนพามาด้วยได้
ไม่มีใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น เพียงครู่เดียวสองสำนักมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็สูญเสียผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพไปสิบกว่าคน กลับกันทางเผ่าจี้ ไม่ได้สูญเสียใครไปเลยแม้สักคนเดียว
สีหน้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเคร่งเครียดถึงที่สุด เขามองเห็นเงาสะท้อนวัฏสงสารที่อยู่ปรากฏขึ้นด้านหลังหลัวซิว ก็รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้อาศัยชิ้นส่วนแห่งกงล้อวัฏจักรธรรม จึงสามารถต้านทานพลังงานที่รุกรานแย่งชิงชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมประเภทนั้นได้ อีกทั้งยังมีพลังเหลือมาปกป้องคนของเผ่าจี้ได้อีกด้วย
พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวที่แย่งชิงชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมนั้นมีอยู่ทุกหนแห่ง ทุกคนล้วนไร้ซึ่งหนทางถอยกลับได้เลย เพราะอุโมงค์ขั้นบันไดลึกที่พวกเขาเดินเข้ามาก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มีเสียงอันน่าสยดสยองของมฤตยูมหากาพย์ดังก้องกังวาลไปทั่ว
ที่แห่งนี้ มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองท่านยังสามารถต้านเอาไว้ได้ แต่หากถูกดูดเข้าไปในมฤตยูมหากาพย์ พวกเราก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดได้
ตามเวลาที่ไหลผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนของหลัวซิว หรือว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองท่านต่างก็สูญเสียไปไม่น้อย หากว่ายังดื้อดึงต่อต้านต่อไปอยู่เช่นนี้ เมื่อใดที่ผลการฝึกตนสูญสิ้น เกรงว่าคงมีสภาพไม่ต่างกับผู้คนเหล่านั้น ชีวิตและวิญญาณดั้งเดิมถูกแย่งชิงไป วิญญาณแหลกสลายกลายเป็นธาตุอากาศ
หลัวซิวจ้องมองไปยังศิลาชิ้นนั้นที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อักษรสามคำ‘ภูตสวรรค์ทมิฬ’ที่อยู่ด้านบน ทำให้จิตใจของเขาหนักอึ้งเป็นอย่างยิ่ง
พลังงานประหลาดที่แย่งชิงชีวิตและวิญญาณดั้งเดิม มันแผ่กระจายออกมาจากตัวอักษรเหล่านั้น เพียงแค่สามคำเท่านั้น ก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ยากที่จะต้านทาน ผู้ที่สลักสามคำนี้ลงบนศิลา ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งถึงระดับใดกัน?
อีกทั้งคำว่าภูตสวรรค์ ในยุคสมัยไท่ชูมีความหมายที่แสดงถึงความไม่ธรรมดา ด้านหลังของภูตสวรรค์ยังเติมคำว่า‘ทมิฬ’เสริมท้าย หรือว่า นี่คือสมญานามของภูตสวรรค์ตนหนึ่ง?
ในสมัยบรรพกาล ตอนที่อยู่ในฐานะไท่ซ่างฉิง โบราณสถานหลายแห่งต่างก็มีรอยเท้าของเขาหลงเหลือเอาไว้ จากการติดตามประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ลึกลับของยุคไท่ชูและวัฏสงสาร เขายังเคยได้เห็นสมญานามของภูตสวรรค์อีกตนหนึ่ง นามว่าภูตสวรรค์วายุ!
ถึงแม้จะไม่ได้มีความมั่นใจเต็มร้อยก็ตาม แต่หลัวซิวก็สามารถแน่ใจได้ค่อนข้างมากว่า วังเทียนหมิงแห่งนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าคือ พระราชวังของภูตสวรรค์ทมิฬในยุคสมัยไท่ชู!
ภูตสวรรค์ นั่นก็คือการมีอยู่ของผู้ที่มีระดับสูงกว่าระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้า กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ามหาศักดิ์ในยุคสมัยปัจจุบันอีกก็เป็นได้ เพราะว่าภูตสวรรค์ถืออำนาจแห่งกฎและกฤษฎีกาของธรรมจักรวาล เป็นตัวแทนแห่งจุดสูงสูดของเทียนเต้า!
มีเพียงการหลุดพ้นจากขอบเขตของสรรพธรรมจักรวาลเท่านั้น ครอบครองหรือเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงพลังงานและกฎที่ไม่อยู่ในสรรพจักรวาล ถึงจะไม่ถูกการจำกัดและการควบคุมของสรรพธรรมจักรวาลได้ ณ ยุคสมัยไท่ชูในอดีตกาลอันไกลโพ้น เส้นทางฝึกตนประเภทนี้ ถูกภูตสวรรค์จำกัดความไว้ว่าเป็นวิถีมาร!