มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 219 มังกรเจียวหยกอัคคี
บทที่ 219 มังกรเจียวหยกอัคคี
เขตที่ 3 แดนนานาอสูร
ที่นี่พื้นที่กว้างขวาง ชนชั้นของอสูรกายที่นี่ถึงขั้นฝึกจิตแล้วและจำศีลกันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
ก่อนหน้านี้ หลัวซิวเคยติดตามเหยียนเยว่เอ๋อร์มาที่นี่ครั้งหนึ่ง แต่ก็แค่มาเดินอยู่บริเวณรอบๆ เขตนี้เท่านั้น ไม่ได้เดินเข้าไปลึกมากนัก
เมื่อนึกย้อนถึงตอนนั้น มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงระดับฝึกจิตขั้น 4 ตัวหนึ่ง ทำเอาหลัวซิวหมดเรี่ยวแรงจนเกือบสิ้นชีวิต
ทว่าตอนนี้ ด้วยพลังยุทธ์ของเขา สามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดายแน่นอน
บริเวณรอบนอกของเขตที่ 3 อสูรกายส่วนมากที่ครองพื้นที่นี้จะอยู่ในขั้นฝึกจิตขั้นปฐมภูมิและฝึกจิตช่วงกลาง และพื้นที่ที่ยิ่งลึกเข้าไปก็จะยิ่งมีอสูรกายที่แข็งแกร่งจำนวนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีสัตว์ดึกดำบรรพ์ประหลาดอีกจำนวนไม่น้อย
มีสัตว์ดึกดำบรรพ์ประหลาดที่ฝึกจิตขั้น 9 บางตัวที่มีพลังยุทธ์ถึงขั้นที่สามารถรับมือกับผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ได้
หากฆ่าอสูรกายในแดนนานาอสูรตายได้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะได้รับลูกแก้วโลหิต ลูกแก้วโลหิตของอสูรกายมีความสามารถในเรื่องการเสริมปราณ และช่วยเสริมสมรรถภาพของร่างเนื้อได้ด้วย
แต่สำหรับนักยุทธ์ธรรมดานั้น ลูกแก้วโลหิตของอสูรไม่สามารถกลั่นแปรได้มากนัก ไม่เช่นนั้นแล้วโลหิตในร่างกายจะได้รับอิทธิพลจากลูกแก้วโลหิตจนเกิดการปะปน ส่งผลต่อการพัฒนาในโลกยุทธ์วันข้างหน้า
หากพิจารณาตามนี้แล้ว แดนนานาอสูรคล้ายว่าไม่มีคุณค่าอะไรมากนัก ทว่ามีเพียงคนตระกูลเหยียนจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่รู้ว่าในแดนนานาอสูรแห่งนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่!
ส่วนเหยียนเยว่เอ๋อร์นั้น เมื่อก่อนเคยเป็นจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งในสองของตระกูลเหยียน ถือเป็นคนจำนวนน้อยที่รู้ความลับนี้และนำมาบอกหลัวซิว
ความลับนั้นคือแดนนานาอสูรเขตที่ 3 และเขตที่ 4 มีโบราณสถานอยู่ที่หนึ่ง ซึ่งตระกูลเหยียนได้ตักตวงผลประโยชน์มากมายจากที่นั่น
ส่วนในเขตที่ 5 นั้น คนของตระกูลเหยียนยังไม่เคยมีใครเคยไป จึงไม่มีใครรู้ว่าที่นั่นมีโบราณสถานอยู่ด้วยหรือไม่
โบราณสถานในเขตที่ 3 คือวังใต้ นั่นเอง
ในภาพปริศนาได้ทำสัญลักษณ์ไว้บนตำแหน่งของวังใต้ ระหว่างทางที่หลัวซิวจะเดินทางไปที่วังใต้ก็ได้สังหารอสูรระดับฝึกจิตไปแล้วหลายตน
ในแดนนานาอสูรแห่งนี้มีพลังงานลึกลับอยู่มากมาย หลังจากที่อสูรกายถูกฆ่าแล้วจะผนึกรวมเป็นลูกแก้วโลหิต เมื่อผ่านช่วงเวลาไปอีกพักหนึ่งก็จะมีอสูรกายตัวใหม่ปรากฏตัวขึ้นทำให้ทุกพื้นที่มีอสูรกายอยู่ในจำนวนที่เท่าๆ กัน
ถึงแม้ว่าจะมีอสูรกายเพิ่มเช่นนี้ แต่ยาวิเศษในแดนนานาอสูรหลังจากถูกเก็บไปแล้ว กลับไม่สามารถกำเนิดขึ้นมาใหม่ได้
หลัวซิวกลับมายังทะเลสาบแห่งนั้นอีกครั้ง ตอนนั้นเขาถูกมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงไล่ฆ่าที่นี่ และเกิดความสัมพันธ์พิเศษที่ไม่เหมาะสมขึ้นระหว่างเขากับเหยียนเยว่เอ๋อร์
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายเดือนแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกลับยังคงติดตาของเขาอยู่เสมอ
จนมาวันนี้ ที่ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นที่พำนักของอสูรกายตัวใหม่ที่ไม่ใช่มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงแล้ว และก็ไม่ใช่เสือแสงเงินล่าลม แต่กลับเป็นงูมังกรลายทองที่มีเขาเดียวสีทองอ่อน
ที่ชื่อของมันจะมีคำว่ามังกรอยู่ด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่างูมังกรลายทองมีหนวดแบบมังกร และมีเลือดของมังกรผสมอยู่อย่างจางๆ ทำให้มันแข็งแกร่งกว่าอสูรกายในระดับเดียวกันมากนัก
ริมทะเลสาบยังมีร่องรอยที่หญ้าคืนวิญญาณถูกเด็ดไปปรากฏอยู่
“โฮ่!”
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง งูมังกรลายทองที่อาศัยอยู่กลางทะเลสาบจึงคำรามออกมา ลำตัวงูที่ยาวกว่าร้อยเมตรก็บินขึ้นมาอยู่กลางท้องฟ้า หัวตะปุ่มตะป่ำของมันแหงนหน้าขึ้น ดวงตาอาฆาตแนวเส้นตรงปรากฏแรงสังหารออกมา
ความคิดของหลัวซิวเองก็ถูกงูมังกรลายทองขัดจังหวะ คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าด้วยกัน
ฟึ่บ!
กระบี่ยุทธ์ออกจากฟัก ปราณกระบี่มังกรดำพุ่งทะยานออกมา วิชาพลังแปรเสวียนเทียนได้กระตุ้นให้พลังเพิ่มขึ้นถึงหกเท่า
คมกระบี่แรก ลำตัวมหึมาของงูมังกรลายทองถูกฟันจนกระเด็นลอยออกไปจนร้องคำรามลั่น
หลังจากนั้นทันที หลัวซิวกวัดแกว่งกระบี่ออกเป็นครั้งที่สอง เกล็ดบนตัวของงูมังกรลายทองค่อยๆ แตกละเอียด เลือดสดๆ ไหลซิบๆ ออกมา
คราวนี้งูมังกรเรียนรู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย จึงรีบบินขึ้นไปกลางอากาศเตรียมจะหนี
ทว่าลำตัวมหึมาของมันเพิ่งจะลอยขึ้นกลางอากาศ พลังกระบี่อัคคีดำผนึกรวมเข้าด้วยกันแล้วร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า พลังกระบี่รวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างมังกร เสียงดาบทำให้หัวตะปุ่มตะป่ำของมันขาดลงมา โลหิตแดงฉานพวยพุ่งเปลี่ยนทะเลสาบกลายเป็นสีแดง
จากนั้นศพของงูมังกรลายทองหายวับไปในทันที ลูกแก้วโลหิตสีแดงสดเม็ดหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า หลัวซิวจึงยื่นมือออกไปคว้าเอาไว้
หลัวซิวไม่ได้โอ้เอ้อยู่ริมทะเลสาบนานนัก เขาเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้ในภาพปริศนา แล้วมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งโบราณสถานวังใต้
ระหว่างทางที่เขาเดินทางผ่านได้ลงมือสังหารอสูรกายที่ระดับต่ำกว่าฝึกจิตขั้น 7ไปตลอดทาง แม้ว่าจะเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้หลัวซิว
เวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน อสูรระดับฝึกจิตที่ถูกหลัวซิวฆ่าตายมีถึง 30 กว่าชีวิต
และหลังจากที่หลัวซิวเดินเข้ามาสู่เขตที่ 3 ลึกขึ้นเรื่อยๆ ระยะทางไปยังซากพระราชวังรกร้างก็ยิ่งพบเจออสูรกายที่ร่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ป่าหินป่วนปั่นปรากฏอยู่ตรงหน้า บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยไอร้อน พลังฟ้าดินจิตเติมให้เกิดไฟที่ลุกโชนออกมา
จากกระแสสัมผัสพลังชีวิตของหลัวซิว ในป่าหินป่วนปั่นแห่งนี้เป็นที่อยู่ของอสูรกายที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่ง แข็งแกร่งกว่าอสูรกายนักยุทธ์ที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดมากนัก
ในขณะที่ฝีเท้าของหลัวซิวก้าวเข้าไปในป่าหินป่วนปั่น พลังงานที่รุนแรงก็ได้ถาโถมเข้าใส่หลัวซิว จากนั้นจึงปรากฏเปลวไฟลุกโชนดวงใหญ่ลอยขึ้นมาแล้วมุ่งหน้ามาที่หลัวซิว
นี่คือมังกรเจียวหยกอัคคี เกล็ดตามลำตัวของมันคือหยกที่เป็นสีเปลวเพลิงแดงฉาน
หลัวซิวเบิกตาค้าง เมื่อเห็นมังกรเจียวหยกอัคนี ทำให้เขานึกย้อนไปถึงความรู้สึกที่ตัวเองได้เจอกับองครักษ์ชุดดำที่หอคอยมังกรบินชั้น 7
จิตอาฆาตที่ไร้รูปร่างได้ก่อตัวขึ้น มังกรเจียวหยกอัคคีพ่นไฟออกมาทางจมูกสองสายราวกับสายน้ำพุ่งตรงมายังหลัวซิว
หลัวซิวเริ่มใช้วิชาท่าร่าง งูอัคคีทั้งสองได้พุ่งลงกระแทกที่พื้นทำให้พื้นระเบิดเป็นหลุมยักษ์ เปลวไฟสาดกระเซ็น แผดเผาสิ่งรอบตัวจนกลายเป็นขี้เถ้า
ตู้ม!
มังกรเจียวหยกอัคคีลอยขึ้นฟ้า ลำตัวของมันยาวเกือบ 100 จั้ง หลัวซิวอยู่ด้านหน้าของมันยังตัวใหญ่ได้ไม่เท่าดวงตาของมันด้วยซ้ำ
พื้นที่รอบตัวเกิดเป็นระลอกคลื่นสั่นไหว พลังงานของมังกรเจียวหยกอัคคีน่าพรั่นพรึงเพราะอยู่ในขั้นฝึกจิตขั้น 8 กล่าวได้ว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหลัวซิว
“เราจะฆ่ามังกรเจียวตัวนี้ได้หรือไม่ ถ้าฆ่าได้ก็จะได้ลูกแก้วโลหิต แน่นอนว่าจะทำให้ร่างเนื้อของเราแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัวนัก!”[1][1]
########################