มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 213 ยื่นมือออกมาหนึ่งข้างก่อนได้ไหม
บทที่ 213 ยื่นมือออกมาหนึ่งข้างก่อนได้ไหม
หลัวซิวไม่ได้ทำความเคารพ แน่นอนว่าเขาก็เอาตนเองยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4
ทว่า การกระทำของเขา ในสายตาของคนที่อยู่ข้างๆ กลับเป็นการเสียมารยาท
“ฮ่าๆ ไม่กล้าพูดเรื่องความคิดหรอก ฉันโอวโหเหลียง” ชายชราประสานมือทำความเคารพตอบ
“สวรรค์ ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ชายหนุ่มคนนั้นอายุประมาณสิบห้าเท่านั้น แต่ปรมาจารย์โอวโหกลับทำความเคารพตอบ?”
ในสายตาของคนนอกการกระทำของหลัวซิวนั้นไร้มารยาท แต่การกระทำของปรมาจารย์โอวโห ทำให้ทุกคนคาดการณ์ไปต่างๆนานา
หญิงสาวชุดสีม่วงที่ติดตามอยู่ด้านหลังโอวเหลียงแววตาทอประกาย จำต้องมองชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำใหม่
แม้จะบอกว่าคนเราไม่สามารถมองรูปลักษณ์ภายนอกได้ แต่ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้ก็ไม่ได้แลดูมีอะไรพิเศษ บนตัวของเขาแทบจะไม่มีลมปราณของนักยุทธ์ฝึกตน ทว่ากลับทำให้ท่านอาจารย์ของตนปรมาจารย์โอวโหให้ความเคารพ หรือว่าจะเป็นผลการฝึกตนฝึกจิต?
เธอรู้จักท่านอาจารย์ของตนเป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นตระกูลเหยียนซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ สำหรับอัจริยะตระกูลเหยียนที่มาขอยาเหล่านั้น ปรมาจารย์โอวโหก็ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้พวกเขามาก่อน
“ปรมาจารย์โอวโหเกรงใจแล้วครับ ผมชื่อซิวหลัว” หลัวซิวพูดขึ้น
ชื่อซิวหลัวนี้ ในระแวกเขตการปกครองโตว้ไห่คนมากมายล้วนเคยได้ยิน แต่ในเมืองกู่เจี้ยน กลับไม่มีชื่อเสียง
เพราะถึงอย่างไรในเมือง ตำแหน่งก็ต้องไกลเกินกว่าในเขตการปกครอง อัจฉริยภาพมีมากมาย แน่นอนว่าย่อมไม่ได้สนใจอัจฉริยภาพที่มาจากในเขตการปกครอง
แน่นอน ลำดับของหลัวซิวในการต่อสู้ช่วงชิงตำแหน่ง ด้วยอายุสิบห้า ผลการฝึกตนฝึกจิตขั้น1ทะลุผ่านหอคอยมังกรบินชั้นเจ็ด ควรค่าให้ขั้วอำนาจในประเทศเทียนหวูจับตามอง
เพียงแต่มีคนบางส่วนที่รู้ว่าหลัวซิวคือซิวหลัว ทว่าคนบางส่วนก็ไม่รู้
ทางด้านโอวโหเหลียงรู้พอดี ทั้งยังเคยเห็นภาพวาดหน้าเหมือนของหลัวซิว ดังนั้นตอนที่เห็นหลัวซิวในโถงแก๊งแลกเปลี่ยน ก็จำได้ในทันที
อัจฉริยะอายุสิบห้าที่มีความสามารถระดับนี้ ควรค่าให้เขาปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเป้นธรรมดา
แต่ว่าโอวโหเหลียงไม่ได้พูดตัวตนของหลัวซิวออกมา ยิ้มแล้วพูด “ถ้าหากผู้น้อยอยากจะกลั่นยากลั่นจิต ฉันสามารถช่วยได้”
จากแววตาและน้ำเสียงของอีกฝ่าย หลัวซิวพอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตัวตนของตนคือใคร
ปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4เป็นคนยื่นมือมาช่วยกลั่นยาด้วยตนเอง ถือเป็นเรื่องที่หายากมาก สิ่งนี้ทำให้นักยุทธ์ฝึกตนในโถงใหญ่ ใบหน้าล้วนเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา
แต่ว่าสำหรับโอวโหเหลียง เป็นเพียงการช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น การที่ได้ผูกมิตรกับอัจฉริยบุคคล เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าคำพูดของหลัวซิว กลับทำให้โอวโหเหลียงและหญิงสาวชุดสีม่วงที่อยู่ด้านหลังของตกตะลึง
“ขอบคุณในความหวังดีของปรมาจารย์โอวโห แต่ว่าผมสามารถกลั่นยาเองได้ครับ”
“ผู้น้อยหมายความว่า นายสามารถกลั่นยาเอง ทั้งยังเป็นยากลั่นจิตขั้น4?” โอวโหเหลียงมีชีวิตอยู่มานาน จิตใจของเขามั่นคงระดับไหน แต่ว่าเวลานี้เขากลับตกใจและยากที่จะเชื่อ
เขาศึกษาการกลั่นยามาสามร้อยกว่าปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะบรรลุเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4 แต่เด็กคนนี้เพิ่งอายุเท่าไหร่ อายุสิบห้าก็เป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4แล้วเหรอ?
สำหรับคนอื่นที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ต่างสีหน้าแปลกใจ ถ้าหากปรมาจารย์โอวโหไม่อยู่ที่นี่ เกรงว่าต้องหัวเราะเยาะชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำที่กล้าคุยโวต่อหน้าปรมาจารย์โอวโห
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลัวซิวถ่อมตนมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับโอ้อวด ความเป็นจริงนี่เป็นการกระทำที่เขาเจตนา
เพราะเขารู้ดี ยิ่งเขาแสดงตนว่ามีพรสวรรค์มาก ก็จะยิ่งได้รับความสนใจจากขั้วอำนาจใหญ่ ทั้งยังทำให้ศัตรูของตนแทบอยากจะทนรอไม่ไหวที่จะฆ่าตน แต่ข้อดีกับข้อเสีย สุดท้ายล้วนมีทั้งสอง
เขาต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นมา ต้องได้ทรัพยากรฝึกตนจำนวนมาก อาศัยแค่ตนไปหาไปแย่งชิงนั้นยากที่จะทำได้ ทำได้เพียงอาศัยการสนับสนุนของขั้วอำนาจใหญ่
ยิ่งตนแสดงพรสวรรค์ออกมาได้ยิ่งแข็งแกร่ง แน่นอนว่าย่อมมีขั้วอำนาจใหญ่ให้ข้อแลกเปลี่ยนที่ยิ่งดีกับตน
ไม่เพียงแค่นี้ ปรมาจารย์กลั่นยาระดับสูงทำให้คนส่วนมากเอนเอียงมาที่ตน เพราะถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งมากมายล้วนต้องการยา อีกทั้งยาที่พวกเขาต้องการ ต้องใช้ปรมาจารย์กลั่นยาระดับสูงในการช่วยกลั่น เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะมีคนติดค้างน้ำใจ
ถ้ามีคนคิดอยากจะมีเจตนาร้ายกับปรมาจารย์กลั่นยา ถ้าอย่างนั้นผู้แข็งแกร่งที่ต้องการให้ปรมาจารย์กลั่นยาคนนี้ช่วยกลั่นยา ก็จะไม่พอใจแน่นอน
แววตาของโอวโหเหลียงทอประกาย ถ้าหากไม่รู้ว่าชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำตรงหน้าคืออัจฉริยะที่ทะลุผ่านหอคอยมังกรบินชั้นเจ็ด เขาไม่มีวันเชื่อแน่นอนว่าเด็กอายุสิบห้า จะสามารถกลั่นยาระดับ4ได้
แต่ว่า เขายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ซินหลัวเสวี่ยวโหย่วคล้ายจะไม่มีตราสัญลักษณ์ของนักกลั่นยา” โอวโหเหลียงหรี่ตาลงแล้วพูด
ตราสัญลักษณ์นักลกั่นยาคือสัญลักษณ์แห่งความน่าเชื่อถือ แสดงถึงการรับรองของแก๊งนักกลั่นยา นักกลั่นยาที่มีตราสัญลักษณ์ คนอื่นถึงจะสามารถวางใจให้เขาช่วยกลั่นยาได้
เดิมทีหลัวซิวคิดว่าในอนาคตเมื่อมีเวลาค่อยทำตราสัญลักษณ์นักกลั่นยา แต่ว่าอาศัยโอกาสตอนนี้ ทำสักอันก้ไม่เลว
“สามารถทำการสอบนักกลั่นยาที่นี่ได้ไหมครับ?” หลัวซิวถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าได้ ผู้น้อยตามฉันมา เป็นอันประจวบเหมาะลูกศิษย์ของฉันก็กำลังเตรียมสอบนักกลั่นยาระดับ3พอดี” โอวโหเหลียงพูด
เมื่อได้ฟัง หลัวซิวหันไปมองหญิงสาวชุดสีม่วงด้วยแววตาแปลกใจเล็กน้อย ผลการฝึกตนพรสวรรค์ อายุยี่สิบก็สามารถบรรลุดนักกลั่นยาระดับ3 พรสวรรค์นักกลั่นยาแบบนี้พบเจอได้น้อยมาก
แต่ว่านักกลั่นยาระดับ3ก็มีไม่น้อย สิ่งที่ยากที่สุดคือระดับ3บรรลุไปยังระดับ4
หลังจากผ่านไปคร่หนึ่ง หลัวซิวเดินตามโอวโหเหลียงเข้าไปห้องกลั่นยาลับภายในแก๊งนักกลั่นยา
ห้องลับนี้ขนาดใหญ่ ด้านในมีคนหนุ่มสาวสี่คนกำลังรออยู่ ตอนที่เห็นโอวโหเหลียงเข้ามา ต่างทำความเคารพ
หลิวซิวเพิ่งรู้ว่า คนเหล่านี้ล้วนมาร่วมการสอบนักกลั่นยา ส่วนโอวโหเหลียงเป็นคนดูแลการสอบ
เขาเองก็พาหญิงสาวชุดสีม่วงมาสอบ ประจวบเหมาะบังเอิญเห็นหลัวซิวตรงโถงใหญ่เข้าพอดี
การสอบของนักกลั่นยาทั่วไปแน่นอนว่าโอวโหเหลียงไม่ต้องออกหน้า แต่ว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอัจฉริยะที่ขั้วอำนาจใหญ่ในเมืองกู่เจี้ยนบ่มเพาะขึ้นมา เป็นนักกลั่นยาระดับ2ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อผ่านการสอบ ก็สามารถกลายเป็นนักกลั่นยาระดับ3
ขอเพียงตอนมีชีวิตอยู่สามารถบรรลุนักกลั่นยาระดับ4 ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งก็จะสูงขึ้น ในตระกูลก็จะสามารถดื่มด่ำกับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์!
“ผู้น้อยซิวหลัวยื่นมือออกมาหนึ่งข้างให้ฉันดูก่อนได้ไหม?” โอวโหเหลียงยิ้มแล้วบอกกับหลัวซิว ความเป็นจริงเขาเองก็ยากจะเชื่อว่าหลัวซิวสามารถกลั่นยาระดับ4ได้ ดังนั้นจึงอยากให้เขาลองกลั่นยาระดับ3ดูก่อน
“ได้ครับ” หลัวซิวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขารู้ดีว่าโอวโหเหลียงไม่เชื่อในความสามารถของตน
########################