มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2104
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2104
และสิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกแปลกใจมากกว่านั้นคือตัวมรณาหายไปแล้ว!
ลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสารได้ยอมรับเขาเป็นนายแล้ว ดังนั้นระหว่างหลัวซิวและตัวมรณาจึงมีการเหนี่ยวนำ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ตัวมรณาอยู่ในสภาวะนอนหลับใหลมาโดยตลอด ทั้งสองไม่มีการสื่อใด ๆ ทว่าหลัวซิวกลับสามารถสัมผัสการคงอยู่ของเมิ่งเชียนชางได้อยู่
แต่วินาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกแก้วความเป็นตายหรือภายในตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวก็สัมผัสออร่าของตัวมรณาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ตัวมรณา?”
หลัวซิวลองพยายามสื่อสารกับลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสาร หลังจากผ่านการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็พบว่าเมิ่งเชียนชางหายไปแล้วจริง ๆ
นี่จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหมดสติ ตัวมรณาฟื้นตื่นขึ้นมา ก่อนจะควบคุมตำหนักวัฏสงสารพุ่งชนเข้ากับฝ่ามือที่ขาวผ่องดุจหยกนั่น
“หรือว่าตัวมรณาถูกสังหารแล้ว?”
หลัวซิวไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หากตัวมรณาถูกสังหารไปแล้ว เช่นนั้นเหตุใดตัวเองถึงยังมีชีวิตอยู่?
ฝ่ามือที่ขาวผ่องดุจหยกนั่นเป็นการโจมตีที่คนแบบใดปลดปล่อยออกมากันแน่?
หลัวซิวเข้าใกล้แท่นศิลาจารึกนั่นอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีความอันตรายใด ๆ ปรากฏ เขาจึงเก็บแท่นศิลาจารึกเข้ามาในแหวนเก็บของได้อย่างง่ายดาย
……
นอกเหวญาณปีศาจไม่มีเงาร่างของหลัวซิวแต่อย่างใด เทพปีศาจเฒ่าในตระกูลจู้มีพลานุภาพที่ทรงพลัง มือข้างหนึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ทำการกดอัดเรือรบทองคำคาที่
บนเรือรบ จีเสี่ยวจื่อสตรีทั้งสามนางกำลังฝืนต้านทานอยู่อย่างยากลำบาก เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจ้าวมหาเทพอย่างเทพปีศาจเฒ่า พวกนางไม่มีแรงที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
“เวิ่ง!”
มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งพรั่งพรูออกมาจากร่างกายเทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้ ภายใต้พลังการโจมตีของเขา ม่านแสงคุ้มกันของเรือรบทองคำจะล้มมิล้มแหล่ เมื่อเห็นว่าใกล้ต้านทานต่อไปไม่ไหวแล้ว
และในเวลานี้เอง ก็มีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเหวญาณปีศาจ ภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น ก็ปรากฏตรงหน้าเรือรบทองคำเป็นที่เรียบร้อย
ความเร็วที่เงาร่างดังกล่าวปรากฏนั้นรวดเร็วมากเกินไป จึงส่งผลให้ผู้อื่นสังเกตได้ไม่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ เสียงที่ดังสนั่นจนสะเทือนไปทั่วทั้งท้องฟ้าและปฐพีดังขึ้น ระเบิดและดังก้องอยู่ในนภาสูง
“นั่นคือหมอนั่นนี่!”
“มันมีชีวิตรอดออกมาจากเหวญาณปีศาจได้อย่างนั้นหรือ!”
“หรือไม่ก็มันน่าจะเดินเตร่อยู่ในแถบขอบนอกของเหวญาณปีศาจ ขอเพียงไม่เข้าใกล้บริเวณเหวปีศาจมากเกินไป ความอันตรายก็มีไม่ค่อยมากนัก”มีคนคาดการณ์เช่นนี้
ความน่ากลัวของเหวปีศาจเป็นสิ่งที่ผู้คนในโลกล้วนทราบกันดี นั่นมันเขตต้องห้ามที่เข้าไปแล้วมีโอกาสรอดชีวิตออกมาน้อยมาก ๆ เชียวนะ ขอเพียงไม่เข้าใกล้เหวปีศาจมากเกินไป ก็ถือว่าไม่ค่อยอันตรายมากนัก ทว่าขอเพียงเดินไปถึงขอบนอกของเหวปีศาจ หรือลึกลงไปในเหวปีศาจ ก็ไม่เคยมีผู้ใดมีชีวิตรอดกลับมาได้อีกเลย
เงาร่างที่ปรากฏตัวกะทันหันนี้ ต้องเป็นหลัวซิวอยู่แล้ว
“บรรพอาจารย์ คนดังกล่าวเป็นผู้สังหารนายท่านและผู้อาวุโสอีกจำนวนมากนี่แหละขอรับ!”
หลังจากได้ยินรุ่นหลังของตระกูลจู้บอกตัวตนของหลัวซิวออกมาแล้ว จิตสังหารบนตัวเทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้ก็เข้มข้นขึ้นมาทันที ก้มมองหลัวซิวลงมาจากที่สูงพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “ผู้น้อย มึงจักยอมแพ้เอง หรือจะให้กูผู้เป็นบรรพอาจารย์ลงมือด้วยตนเอง ค่อย ๆ หักกระดูกมึงทีละชิ้น?”
“ตระกูลจู้ยังไม่หลาบจำอีกหรือ? คิดว่ายกตาแก่ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพคนหนึ่งออกมาแล้วจะสามารถจัดการกูได้อย่างนั้นหรือ?”
หลัวซิวหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “หากประเมินสถานการณ์เป็นละก็ รีบถอยกลับไปซะ มิเช่นนั้นวันนี้ตระกูลจู้ของพวกมึงมาเท่าไหร่ กูก็จะฆ่าทิ้งให้หมด ให้การถ่ายทอดสืบสานของตระกูลจู้พวกมึงหายสาบสูญไปจากห้วงดาราแห่งนี้!”
“ช่างเป็นผู้น้อยที่จองหองพองขนมากยิ่งนัก กูมีชีวิตมาสิบล้านกว่าปี นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้ยินคนพูดจาโอหังเช่นนี้!”เทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ช่วงสิบล้านกว่าปีที่ผ่านมามีเขาคอยปกปักรักษาตระกูลจู้ เคยมีผู้ใดบังอาจดูถูกดูแคลนอำนาจบารมีของตระกูลจู้เช่นนี้มาก่อน?
“ตาย!”
เทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้ลงมือโจมตีแล้ว ถึงแม้เขาจะมั่นใจในผลการฝึกตนของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม แต่ผู้น้อยที่อยู่ตรงหน้านี้สังหารนายท่านตระกูลจู้และผู้อาวุโสอีกจำนวนมาก เทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้นี่ก็ไม่กล้ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ