มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2082
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2082
ต้องท้าวความก่อนว่าพลังจุติมรณะคือส่วนหนึ่งของวิถียุทธวัฏสงสารเชียวนะ ซึ่งสามารถฝึกกฎการเวียนว่ายตายเกิดถึงขีดสุด การที่เคล็ดเทพสงครามสามารถเทียบทัดกับมันได้นั้น จากจุดเล็ก ๆ ก็มองเห็นถึงด้านใหญ่ของมันแล้ว
สำหรับการสอบถามของซิงเฉินนั้น หลัวซิวไม่มีทางพูดถึงเรื่องวัฏสงสารอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอธิบายว่า: “ข้าอนุมานโดยการอ้างอิงส่วนหน้าเคล็ดเทพสงครามของพวกเจ้า”
“อนุมาน?”ซิงเฉินตกตะลึงพรึงเพริด เขารู้สึกช็อกมากจริง ๆ ความรู้สึกช็อกเช่นนี้อยู่เหนือความรู้สึกช็อกครั้นเมื่อหลัวซิวสังหารบรรพอาจารย์เทวพยัคฆ์เสียอีก
ในแต่ละยุคสมัย ตระกูลเทพสงครามก็เคยกำเนิดอัจฉริยะมามากจนนับไม่ถ้วนเช่นกัน หากภาคต่อของเคล็ดเทพสงครามสามารถอนุมานได้ง่ายขนาดนั้นละก็ พวกเขาคงอนุมานออกมาได้ตั้งนานแล้ว
แต่ไม่นึกเลยว่าหลัวซิวจะสามารถอนุมานออกมาได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ พรสวรรค์และความสามารถทางวิถียุทธ์เช่นนี้ น่าสยดสยองมากจนทำให้คนขนหัวลุกซู่ได้จริง ๆ!
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อย่างนั้นการที่เขาสามารถสังหารบรรพอาจารย์เทวพยัคฆ์นั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว แดนยุทธ์ของคนดังกล่าวสูงส่ง เกรงว่าคงบรรลุถึงระดับขั้นที่เหลือเชื่อแล้ว
“ผลการฝึกตนของข้าเป็นเพียงราชาเทพ หากข้าบรรลุถึงแดนมกุฎเทพ การที่จะอนุมานเคล็ดเทพสงครามต่อนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
“ว่าอย่างไรนะ! ราชาเทพ? คุณชายท่านคือราชาเทพหรือ? ……”
ซิงเฉินรู้สึกช็อกอีกครั้ง แทบจะล้มนั่งลงไปกับพื้น หากเมื่อครู่เขารู้สึกว่าการที่อนุมานภาคต่อของเคล็ดเทพสงครามออกมาได้นั้น มันน่าทึ่งกว่าการที่เขาสังหารบรรพอาจารย์เทวพยัคฆ์ เช่นนั้นบัดนี้ ซิงเฉินกลับโค่นล้มความคิดดังกล่าวทันที
ใช้ผลการฝึกตนราชาเทพสังหารบรรพอาจารย์เทวพยัคฆ์ที่แทบจะใกล้เคียงจ้าวมหาเทพ ในโลกหล้านี้ยังมีเรื่องที่แหกกฎธรรมชาติกว่าเรื่องนี้อีกหรือไม่?
เมื่อเห็นสภาพของหัวหน้าตระกูลเทพสงครามซิงเฉินรู้สึกช็อกจนใกล้จะเป็นเอ๋อ จีเสี่ยวจื่อ หนิงหานยู่และฉียู่หรงก็เคยมีความรู้สึกเช่นเดียวกันมาก่อน
อย่างที่ทุกคนทราบกัน หลังจากบรรลุถึงเทพมารแล้ว การยกระดับแดนยุทธ์ก็จะยากยิ่งขึ้น มาตรแม้นว่าเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทาน การยกระดับในทุก ๆ ก้าวก็ต้องใช้ความพยายามไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ การท้าประลองผู้ที่แดนอยู่สูงกว่าตนนั้น ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่าเป็นเท่าตัว
ยกตัวอย่างเช่นพระโอรสจ้านเทียนในมหาโลกาจ้านเทียน เขาใช้ผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิสังหารมกุฎเทพช่วงปลาย นั่นถือเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานแล้ว และยิ่งถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในมหาโลกาพันสาม!
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลการต่อสู้ของหลัวซิวแล้ว พระโอรสจ้านเทียนนั่นก็เล็กน้อยจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลยด้วยซ้ำ เหมือนเอาปลาไหลมาเปรียบเทียบกับมังกรเทพ
ซิงเฉินรู้สึกช็อกมากจนพูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
“คุณชายท่านคือราชาเทพจริง ๆ หรือ? และท่านก็เป็นผู้อนุมานภาคต่อของเคล็ดเทพสงครามออกมาจริง ๆ หรือ?”เรื่องเช่นมันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ดังนั้นกระทั่งถึงบัดนี้ซิงเฉินก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้
“คุณชายมีความจำเป็นต้องโกหกเจ้าด้วยหรือ?”
ฉียู่หรงขมวดคิ้วที่งดงามคู่นั้นลงไปเล็กน้อย นางยืนอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังหลัวซิวมาโดยตลอด วินาทีนี้เมื่อพบว่าซิงเฉินสงสัยในตัวหลัวซิว นางจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ซิงเฉินตอบสนองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่าการซักถามในเมื่อครู่นี้ของตัวเองมันไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ จึงรีบก้มคำนับอย่างเคารพนอบน้อม “คุณชายโปรดให้อภัย ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นขอรับ”
หลัวซิวปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ “ข้าไม่ได้ถือโทษเจ้า ในส่วนของเรื่องที่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับข้า หากไม่ใช่เพราะเทพสงครามเอกภพท่านพ่อเจ้า ข้าและตระกูลเทพสงครามของเจ้าจะไม่มีทางมีการคลุกใด ๆ ด้วยซ้ำ”
“แต่ทว่ามีจุดหนึ่งที่เจ้าจำเป็นต้องรับรู้ นั่นก็คือข้าไม่มีทางอยู่ในตระกูลเทพสงครามของเจ้าตลอดไป การเดินทางมาโลกะอัมพรเทวในครั้งนี้ ข้ายังมีธุระสำคัญกว่าที่ต้องไปจัดการ เจ้าถอยไปก่อนเถิด”
ซิงเฉินอ้าปากค้าง ทว่าท้ายที่สุดกลับไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากก้มคำนับอย่างเคารพนอบน้อมแล้ว ก็ถอยออกไปจากห้องพักของหลัวซิว
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็เดินออกมาจากสถานที่พัก เรียกเรือรบทองคำออกมา ก่อนจะพาสตรีทั้งสามพุ่งทะยานสู่ห้วงดาราแล้วหายวับไป