มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2034
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2034
มกุฎเทพเกือบ 20 คน ราชาเทพนับพัน จำนวนผู้แข็งแกร่งที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ กลับถูกหลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อสองคนกวาดล้าง
พื้นที่ห้วงดาราบริเวณโดยรอบแสนกว่าไมล์เละเทะไปหมด ถึงแม้ปริภูมิที่ถูกทำลายสามารถฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิมได้โดยธรรมชาติ แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาที่นานมาก ๆ ปริภูมิของที่นี่ถึงจะฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติ
ศพของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ ของคลังอาวุธสงครามที่พังเสียหาย ทำให้เหล่าเทพมารในโลกแสงดาวรวมไปถึงโลกาเทพฟ้าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ต่างมองดูจนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง
พวกหลัวซิวไม่ได้ชายตาลงไปมองของเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ ทว่าสำหรับเทพมารในพิภพต่ำแล้ว มันกลับเป็นสมบัติที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ เป็นสมบัติล้ำค่าที่หาพบได้ยากในชั่วชีวิตนี้
ผ่านไปไม่นานนัก ข่าวคราวเรื่องนี้ก็แพร่งพรายออกไป เทพมารจากโลกาเทพฟ้าจำนวนมากพุ่งเบียดเสียดกันมา ต่างอยากตามหาโอกาสและโชคจากสนามรบที่ปริภูมิถูกทำลายนี้
มีคนได้รับอาวุธสงครามที่เทพฟ้าทิ้งไว้หลังจากเสียชีวิต และยิ่งมีคนได้รับของขลังไม่สมบูรณ์ที่มกุฎเทพทิ้งไว้หลังดับสลายสูญสิ้น แหวนเก็บของวงหนึ่งที่ผู้แข็งแกร่งราชาเทพสวมใส่ครั้นเมื่อยังมีชีวิตปรากฏ จึงทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความอันตรายทัน ดึงดูดให้เทพมารจำนวนมากต่างต่อสู้เข่นฆ่าช่วงชิงกันอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตามสิ่งของที่เทพมารจำนวนมากต่างแก่งแย่งกัน กลับเป็นสิ่งของที่หลัวซิวและสตรีทั้งสามนางไม่ชายตาลงไปมอง
และนี่ก็คือความเศร้าโศกและความจนปัญญาของผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ระดับที่ต่ำที่สุด
ทุกคนในสำนักอิมเอี๊ยงที่บุกเข้ามาในอาณาเขตล้วนถูกสังหาร สำนักหนานเหมินจึงถูกหลัวซิวช่วยเอาไว้ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ในส่วนลึกตัวสำนึกวิญญาณของเขา ถูกหลัวซิวร่ายด้วยตราประทับแห่งความจงรักภักดีตั้งนานแล้ว เขากำลังยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิวอย่างเคารพนอบน้อม
“ศิษย์พี่ ท่านควบคุมเขาได้อย่างไรกันแน่?”จีเสี่ยวจื่อรู้สึกสงสัยมาก ๆ หากพูดให้แม่นยำหน่อย นางรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้มันน่าสนุกมาก
หลัวซิวแค่ยิ้มให้ ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความลึกลับและมหัศจรรย์ของคัมภีร์โอสถ
คัมภีร์โอสถเป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากจีเสวียนคง ผู้ตระหนักรู้ในคัมภีร์โอสถต่างกัน สิ่งที่ตระหนักรู้ได้ก็จะแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ยกตัวอย่างเช่นวิชากลั่นยาที่จีเสวียนคงตระหนักรู้ได้จากคัมภีร์โอสถ แตกต่างจากของหลัวซิวอย่างชัดเจน บวกกับเนื่องจากความสามารถในการตระหนักรู้ของตัวบุคคลแตกต่างกัน สิ่งที่ตระหนักได้ก็มีการแบ่งแข็งแกร่งและอ่อนแอ เช่นวิชายาที่หลัวซิวตระหนักรู้ได้นั้น ศักยภาพในอนาคตและลักษณะที่เป็นไปได้ล้วนดีกว่าของจีเสวียนคง
ในส่วนของเคล็ดวิชาที่ควบคุมให้ผู้อื่นกลายเป็นหุ่นเชิดของตัวเองนั้น ก็เป็นสิ่งที่หลัวซิวตระหนักรู้ได้จากเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณในคัมภีร์โอสถเช่นกัน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถใช้เคล็ดวิชาเช่นนี้ นอกซะจากว่ามีคนตระหนักรู้วรยุทธ์ในทำนองนี้ได้จากเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณ
ไม่สามารถอธิบายเรื่องเช่นนี้กับจีเสี่ยวจื่อได้เลยด้วยซ้ำ อีกทั้งในฐานะที่เป็นหลานสาวของจีเสวียนคง นางก็ต้องเคยพยายามตระหนักรู้ในคัมภีร์โอสถมาก่อนอย่างแน่นอน แต่ทว่ากลับไม่เคยทำสำเร็จตลอดมา ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของจีเสวียนคง
ในตำนานเล่าว่าขณะที่จักรวาลเพิ่งถูกบุกเบิกใหม่ ๆ มีผู้มากความสามารถสูงสุดริเริ่มวิถียุทธ์ ถึงจะค่อย ๆ พัฒนาวัฒนธรรมการฝึกยุทธ์ของมนุษย์ออกมา ในวิถียุทธ์ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ครอบคลุมจักรวาลฟ้าดิน ในจำนวนผู้มากความสามารถทั้งหมดยิ่งมีสามท่านที่ริเริ่มการกลั่นยา ค่ายกล รวมไปถึงวิถีแห่งภัณฑ์กลั่น
ซึ่งผู้มากความสามารถทั้งสามท่านนี้ก็ถูกเรียกว่าบรรพโอสถ บรรพค่ายรวมไปถึงบรรพภัณฑ์!
สามบรรพบุกเบิกวิถี นำแก่นสารทั้งชั่วชีวิตของตนให้กลายเป็นสามวรยุทธ์ โดยที่แบ่งออกเป็นคัมภีร์โอสถ ฎีกาค่ายรวมไปถึงหนังสือยุทธภัณฑ์
เล่ากันว่าสามวรยุทธ์นี้ได้บันทึกบ่อเกิดของทั้งสามวิถี ซึ่งมีความลึกซึ้งอย่างไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่
ปัจจุบันหลัวซิวได้รับคัมภีร์โอสถฉบับสมบูรณ์ครบถ้วน รวมไปถึงฎีกาค่ายฉบับไม่สมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งเขาก็ตระหนักรู้สิ่งที่อยู่ภายในได้แล้วเช่นกัน พบว่าไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์โอสถหรือฎีกาค่ายแท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงการบรรยายการกลั่นยาและค่ายกล ในทางตรงกันข้ามการกลั่นยาและค่ายกลเป็นเพียงเนื้อหาส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น เนื้อหาส่วนมากจะเป็นการบรรยายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการฝึกยุทธ์