มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 2028
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2028
“ไอ้แก่ ไปตายซะ!”
จีเสี่ยวจื่อที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวลงมือโจมตีกะทันหัน กระบี่ยุทธ์ที่อยู่ในมือนางคือสมบัติแห่งจ้าวมหาเทพที่จีเสวียนคงกลั่นให้นางด้วยตนเอง
ทันทีที่ฟาดฟันกระบี่ออกไป ห้วงดาราก็หม่นหมองลง อนัตตาล้วนถูกทำลายล้าง ฟ้าดินทรุดลง
“ยัยหนูที่ไม่รู้จักความเป็นความตาย เด็กน้อยอย่างเจ้าก็บังอาจลงมือต่อข้าอย่างนั้นหรือ์”
ผู้อาวุโสนั่นแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะง้างมือเรียกของขลังมกุฎเทพออกมาหนึ่งชิ้น วางแผนที่จะต้านทานการโจมตีดังกล่าวของจีเสี่ยวจื่อเอาไว้
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสคนดังกล่าวกลับดูถูกศักยภาพของจีเสี่ยวจื่อมากเกินไป ภายใต้การปลุกเสกจากกฎปริภูมิ การโจมตีนี้สามารถฉีกกระชากทุกอย่างให้แหลกสลาย ของขลังมกุฎเทพที่เขาเรียกออกมาถูกฟันจนแตกสลายภายในพริบตา!
ฟึ่บ!
แสงกระบี่สาดส่อง บดขยี้สุญญากาศ ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ หนึ่งกระบี่พุ่งผ่านห้วงอากาศ ผู้อาวุโสที่มีผลการฝึกตนเป็นมกุฎเทพนั่นถูกปราณกระบี่ที่รวดเร็วและดุดันตัดสับจนกลายเป็นเนื้อเละ แม้แต่ช่องจิตก็หนีไม่พ้น
“ช่างเป็นแม่หนูที่โหดร้ายยิ่งนัก ผู้อาวุโสหลินมู่และฮั๋วเทียนไปกำราบนางซะ! ระวังอาวุธที่อยู่ในมือนางด้วย”
สีหน้าเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงหม่นหมอง จากตัวตนของเขา เขาจะไม่ลงมือง่าย ๆ ดังนั้นจึงส่งผู้อาวุโสที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 4 ออกไปสองคน
ในฐานะที่เป็นสำนักงานอันดับหนึ่งของโลกะอิมเอี๊ยง ศักยภาพของสำนักอิมเอี๊ยงลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ ภูมิฐานมากมายมหาศาล จำนวนผู้แข็งแรงมกุฎเทพก็เยอะมากเช่นกัน
“ขอรับ!”
มีผู้อาวุโสมกุฎเทพอีกสองคนเดินออกมาจากตำหนัก ซึ่งทั้งสองต่างแข็งแกร่งกว่าคนเมื่อครู่นี้
ตู้มม!
ทั้งสองลงมือโจมตีพร้อมกัน ต่างเรียกของขลังของตนเองออกมาคนละชิ้น เห็นเพียงอาวุธที่ผู้อาวุโสหลินมู่นั่นเรียกออกมาคือกระบี่เทพอัคคี บนกระบี่มีรูปร่างมังกรสลักอยู่ สมจริงสมจังราวกับเห็นของจริง มันกลายเป็นมังกรอัคคีตัวหนึ่งเลื่อยขดอยู่บนกระบี่ มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ส่วนอาวุธที่ผู้อาวุโสฮั๋วเทียนนั่นเรียออกมาคือเคียวเสี้ยวพระจันทร์หนึ่งวง ภายในเคียวเสี้ยวพระจันทร์มีภาพภูเขาและแม่น้ำยาว ราวกับมีพลังแห่งโลกาใบหนึ่งอัดแน่นอยู่ภายใน
ของขลังอาวุธสงครามทั้งสองชิ้นนี้ต่างไม่ธรรมดา เมื่อมองในมุมโลกะอิมเอี๊ยงมันเป็นสมบัติที่มีอำนาจจนไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องอย่างแน่นอน
แต่จีเสี่ยวจื่อกลับแสยะยิ้มอย่างดูหมิ่น แม้ผลการฝึกตนของนางจะเป็นเพียงมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ ทว่ากลับบรรลุถึงมกุฎเทพขั้น 3 ตั้งแต่ครั้นเมื่ออยู่ในแดนเทวนิรันกาลแล้ว มือกำกระบี่ยุทธ์จ้าวมหาเทพ พร้อมทั้งยึดกุมกฎปริภูมิ หากแม้แต่มกุฎเทพขั้น 4 สองคนยังจัดการไม่ได้ละก็ มันก็จะน่าขำมากเลยมิใช่หรือ?
เวิ่ง!
จีเสี่ยวจื่อเป็นฝ่ายที่ลงมือโจมตีก่อน หนึ่งกระบี่พุ่งผ่านห้วงอากาศ พลานุภาพของกระบี่ยุทธ์จ้าวมหาเทพก็บีบคั้นจนทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองของสำนักอิมเอี๊ยงถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าอารมณ์ตะลึงงัน
และในเวลานี้เอง เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงก็ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น ก่อนจะสั่งการให้ผู้อาวุโสมกุฎเทพอีกสามคนลงมือ หนึ่งในผู้อาวุโสยิ่งมีผลการฝึกตนมกุฎเทพช่วงปลายที่สะดุดตา
มกุฎเทพช่วงกลางสี่คน มกุฎเทพช่วงปลายหนึ่งคน ทั้งห้าคนร่วมมือกัน ทำให้พลิกแพลงสถานการณ์รบไปได้ภายในพริบตา ทำการกดอัดจีเสี่ยวจื่อจนจีเสี่ยวจื่อเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
อย่างไรเสียจีเสี่ยวจื่อก็ไม่มีกำลังรบที่แหกกฎธรรมชาติอย่างหลัวซิว หากไม่ใช่เพราะอาศัยความงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของกฎปริภูมิ เกรงว่านางคงบาดเจ็บไปตั้งนานแล้ว
ครั้งนี้เรียกได้เลยว่าสำนักอิมเอี๊ยงนั้นได้ทำอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ จำนวนผู้แข็งแกร่งที่มาเยือนมีเยอะมากถึงมากที่สุด หากพูดตามหลักแล้ว การมุ่งเป้ามาที่โลกาเทพฟ้าที่เป็นพิภพต่ำนั้น ยังไม่ถึงขั้นทำให้ระดับสูงของสำนักอิมเอี๊ยงตื่นตกใจ
แต่ทว่าสำนักหนานเหมินถูกผู้อื่นควบคุมให้กลายเป็นหุ่นเชิด เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ต้องท้าวความก่อนว่าสำนักหนานเหมินคือผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้น 6 เชียวนะ หากสำนักอิมเอี๊ยงได้รับอุบายเช่นนั้นมาละก็ เช่นนั้นทั้งโลกะอิมเอี๊ยงก็จะถูกควบคุมอยู่ในกำมือของสำนักอิมเอี๊ยงแล้ว
ดังนั้นจึงมีผู้อาวุโสมกุฎเทพอีกสามคนออกมาอีก มุ่งหน้าเดินตรงไปยังหลัวซิวที่ยืนอยู่บนเรือรบ
ฉียู่หรงและหนิงหานยู่กำลังจะลงมือ แต่ทว่ากลับถูกหลัวซิวโบกมือห้ามเอาไว้ก่อน พรสวรรค์ของสตรีทั้งสองนางไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายแล้วก็อ่อนไปหน่อย แม้จะสามารถต่อกรกับมกุฎเทพได้ ทว่าวินาทีนี้กลับสร้างประโยชน์ได้ไม่มากนัก
หนิงหานยู่ที่กลัวว่าโลกหล้าจะวุ่นวายเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก นางหมุน ๆ กำปั้น “จะได้เห็นท่านพี่ลงมือโจมตีกับตาตัวเองอีกแล้ว”