มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1980
“วิถียุทธสายเลือดของจักรพรรดิมารบุกเบิก?”
พระโอรสจ้านเทียนสีหน้าจริงจังขึ้นมา พลังจักรพรรดิชั้นฟ้าของเผ่าพันธุ์มาร มันมาปรากฏบนร่างของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างไร?
แม้ว่าเขาจะมีความสงสัยอยู่ในใจ การเคลื่อนไหวที่มือของพระโอรสจ้านเทียนไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย ถือดาบเทวสับไว้ในมือด้วยแนวขวาง ฟาดฟันไปทางมือใหญ่อัสนีโลหิต
ชิ้ง!
แสงหอกพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับดาบเทวสับ มือใหญ่เลือดปราณพลันตกลงมา เสียงดังปังสนั่นหวันไหว ตบพระโอรสจ้านเทียนจนบินกระเด็นออกไป
พระโอรสจ้านเทียนในตอนนี้เองที่เพิ่งรู้ตัวว่า อีกฝ่ายพุ่งเข้าชนกับดาบเทวสับถึงสองครั้ง แต่กลับไม่ได้รับผลกระทบจากการ โจมตีวิญญาณของดาบเทวสับแม้แต่น้อย
“ป้าบ! ”
ฝ่ามือที่สะอาดเหยียดออกและคว้าหอกมังกรแดงมืดเอาไว้ เห็นเพียงร่างของหลัวซิวที่วิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว วิ่งควบผ่าเส้นทางที่กระบี่ตรีภพเปิดเป็นทางผ่าน วิ่งฝ่าพระโอรสจ้านเทียนที่ล้มลงอยู่บนพื้น
มีเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักรป้องกันตัว หลัวซิวทราบเป็นอย่างดีว่ายากที่จะทำร้ายหรือสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยวิธีทั่ว ๆ ไป
ปัง!
การยิงออกไปหนึ่งนัด เงาสะท้อนของวัฏสงสารปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลัง แสงหอกผ่าทะลุปริภูมิ เต็มไปด้วยพลังเทพพิสดารของเกณฑ์วัฏสงสาร
เสียงชิ้งดังขึ้น ดาบเทวสับถูกโจมตีออกไปทันที โดยมีเกณฑ์วัฏสงสารเป็นแรงเสริม ทำให้พลังในการโจมตีของหลัวซิวในครั้งนี้กลับกลายเป็นความแข็งแกร่งจนไร้เทียมทาน มากเกินกว่าที่พระโอรสจ้านเทียนคาดคิดไว้
“หรือว่านี่จะเป็นพลังของหินนิรันดร์?”
พระโอรสจ้านเทียนหน้าถอดสีขึ้นมา เขามั่นใจมากว่าพลังเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายจะมีได้ ต้องเป็นการอาศัยพลังแห่งสิ่งล้ำค่าอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริง พลังแห่งกฎของหินนิรันดร์นั้นไม่มีทางที่จะนำมาใช้ในการโจมตีหรือสังหารได้ สิ่งที่หลัวซิวเลือกใช้นั้น ยังคงเป็นพลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสารที่ไม่สมบูรณ์
ผุ!
พระโอรสจ้านเทียนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก บนร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักร เดิมทีได้ถูกหลัวซิวใช้กระบี่ตรีภพฟันจนกระเด็นออกไป ครั้งนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ร่างกายแทบจะเป็นรูพรุ่น เลือดพุ่งทะลักออกมาราวกับน้ำพุ
ทางผ่านที่ถูกเปิดออกมาโดยกระบี่ตรีภพ พระโอรสจ้านเทียนกระเด็นออกมาจากตรงกลาง ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอก เมื่อเห็นพระโอรสจ้านเทียนถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา ยิ่งไม่มีใครกล้าที่จะก้าวเข้าไปรนหาที่ตาย
ในเวลาเดียวกัน ผู้สืบทอดเขาดึกดำบรรพ์ที่ได้เข้าใกล้ดอกถานฮวาเทียนเต้ามากขึ้นเรื่อย ๆ สัมผัสได้ถึงออร่าจากด้านหลัง ทันใดนั้นก็กัดปลายลิ้นทันทีแล้วพ่นพลังและเลือดออกมา ฝืนบังคับเร่งความเร็วขึ้น เอื้อมมือไปจับทางดอกถานฮวาเทียนเต้า
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลัวซิวก็ไม่ลังเลที่จะเผาผลาญชีวีโลหิต ในเวลาเดียวกันก็โคจรพลังแห่งวัฏสงสารและนิรันดร์เกณฑ์สองชนิด รวมถึงพลังแห่งกฎเวลา อาศัยความเร็วของปีกเทพไร้มลทินพุ่งตรงไปด้านหน้า
“เจ้า……”
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเต๋าไม่คาดคิดว่าหลัวซิวจะสามารถต้านทานผลกระทบของอาณาเวลาไว้ได้ มือของเขาเมื่อมองด้วยตาก็กำลังจะจับถึงดอกถานฮวาเทียนเต้าอยู่แล้ว แต่หลัวซิวก็อาศัยความรวดเร็วตามเข้ามาติด ๆ เอื้อมมือออกไปจับที่ดอกถานฮวาเทียนเต้า
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเต๋าก็คว้าเอาส่วนฐานของดอกถานฮวาเทียนเต้า ส่วนหลัวซิวก็คว้าเอาส่วนตัวดอกที่เปล่งประกายของดอกถานฮวาเก้ากลีบเอาไว้ได้
ดูเหมือนว่าจะเป็นวินาทีเดียวกัน หลัวซิวและชายหนุ่มเต๋าโจมตีไปยังฝ่ายตรงข้ามในเวลาเดียวกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครที่ลงมือต่างก็ไร้ความปราณี โจมตีด้วยความดุดัน
พร้อมกับเสียงปังปังดังสนั่น ดอกถานฮวาเทียนเต้าที่อยู่ภายใต้การแย่งชิงของทั้งสองก็ได้แยกออกเป็นสองส่วน หลัวซิวแย่งส่วนดอกถานฮวาเก้ากลีบไปได้ ส่วนชายหนุ่มเต๋าก็แย่งเอาส่วนฐานที่มีเทียนเย่ห้าใบไปได้
“วางเทียนเย่ลง! ”
หลัวซิวคำราม ภายใต้สภาวะของการเผาผลาญชีวีโลหิต พลังอำนาจของเขาแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชัดเจนว่าผลการฝึกตนมีเพียงเทพฟ้าขั้นเก้า แต่ออร่ากลับไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพช่วงปลายแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มเต๋าผู้นั้นสัมผัสได้ถึงพลังอำนาบนร่างกายของหลัวซิว รูม่านตาก็หดลง หันกลับและบินหนีออกไปทันที
“วางเทียนเย่ลง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้นหากถูกข้าจับได้ ต้องตายสถานเดียว! ”