มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1964
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1964
เห็นเพียงมีเงาร่างของมนุษย์สั่นไหวไปมาอยู่บนเรือรบ ซึ่งผู้นำที่สะดุดตาก็คือโอรสสวรรค์โชคลาภที่อยู่ในชุดสีม่วงล้วนนั่นเอง ในส่วนของมือเขานั้นกำลังถือปลอกกระบี่ไว้หนึ่งเล่ม และไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่อยู่ภายในปลอกกระบี่อยู่แล้ว มันต้องเป็นกระบี่ผงาดเลิศที่มีนามว่าตรีภพอยู่แล้ว!
เมื่อยึดกุมกระบี่ผงาดตรีภพ ทำให้ศักยภาพของโอรสสวรรค์โชคลาภเพียงพอที่จะอยู่เหนือพระโอรสจ้านเทียน ดังนั้นเมื่ออยู่ในแดนเทวนิรันกาล อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจากสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นที่ติดตามเขาจึงมีไม่น้อย
ในส่วนของเหล่าผู้คนที่ติดตามพระโอรสจ้านเทียนนั้น สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนที่อยู่เบื้องหลังเขา อย่างไรซะนั่นก็เป็นสำนักที่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์คนปัจจุบันคอยปกปักรักษาอยู่
ส่วนโอรสสวรรค์โชคลาภนั้นก็ไม่แย่ไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ในประวัติศาสตร์สามแสนกว่าล้านปีที่ผ่านมา บรรพบุรุษตระกูลหงมหาจักรพรรดิยุทธ์โกลาหลเป็นหนึ่งในมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่มีตำนานและสีสันมากที่สุด แม้ตระกูลหงจะตกต่ำลงระยะหนึ่ง ในฐานะที่เป็นตระกูลสำนักจักรพรรดิ ภูมิฐานจึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นกัน
ซึ่งมีเพียงฝั่งหลัวซิวเท่านั้นที่ถึงแม้เขาจะเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งที่ทุกคนต่างยอมรับ ทว่ากลับไม่มีผู้ใดทราบเบื้องหลังที่แท้จริงของเขา จากพลังอมตะและของขลังที่เขาเคยใช้ขณะสู้รบ ก็ดูความเป็นมาในวิชาความรู้ที่เขาได้สืบสานมาไม่ออกเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่ไม่ทราบเส้นสนกลในแล้ว ไม่มีผู้ใดเป็นพันธมิตรกับเขาง่าย ๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ติดตามเลย
อย่างไรเสียถึงแม้จะเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่เก่งกาจมากเพียงใดก็ตาม ทันทีที่ออกไปจากแดนเทวนิรันกาล สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็ยังเป็นอำนาจความแข็งแกร่งของผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอยู่ดี
โครมคราม……
มีทัณฑ์สายฟ้าพิโรธย่างกรายมาถึงฝั่งเสิ่นปิงหยูแล้ว และช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง ทันทีที่ถูกรบกวน มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้การข้ามผ่านทัณฑ์ของเสิ่นปิงหยูล้มเหลว
ตั้งแต่โบราณกาลมา ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ล้มเหลวขณะประสบกับบททดสอบจากทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ ผู้ที่ล้มเหลวแล้วยังมีชีวิตรอดต่อไปได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถึงแม้จะดิ้นทุรนทุรายมีชีวิตรอดต่อไปได้ แต่ก็ต้องกลายเป็นคนพิการที่ไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกแน่นอน
“ซูปิน มีการสนับสนุนจากคุณชายอย่างข้าและตระกูลหง ตำแหน่งเจ้าอาจารย์ในอนาคตของวังมหาวาลต้องเป็นของเจ้าแน่นอน เดี๋ยวข้าจักรับมือกับคนดังกล่าวเอง เจ้าไปจับกุมตัวเสิ่นปิงหยูมา หากนางข้ามผ่านทัณฑ์ล้มเหลวแล้วยังมีชีวิตรอดต่อไปได้ ก็พอจะเอานางมาเป็นคนใช้สาวอุ่นเตียงให้แก่ข้าได้อยู่”
โอรสสวรรค์โชคลาภเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เขายังคงเย่อหยิ่งจองหอง อวดดีอย่างบ้าระห่ำอยู่เช่นเคย
เมื่อซูปินได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกดีใจมาก แต่ทว่าเมื่อนึกถึงความสยดสยองของหลัวซิว เขากลับกังวลใจขึ้นมา ภายในเวลาชั่วขณะจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
“มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลก็เคยเป็นผู้ไร้เทียมทานในห้วงดาราเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าผู้สืบทอดของท่านจะตกต่ำถึงขั้นนี้ ช่างน่าเสียดายและน่าทอดถอนใจเสียจริง!”
ถึงแม้เหล่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ตั้งแต่โบราณจวบจนปัจจุบันจะไม่มีค่าอะไรในสายตาโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปดก็ตาม แต่สำหรับห้วงดาราที่เป็นที่ตั้งของมหาโลกาพันสามแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่มีตำนานและสีสันอย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าโอรสสวรรค์โชคลาภอยากประคองให้ซูปินขึ้นเป็นเจ้าอาจารย์ เช่นนั้นในอนาคตถึงแม้ซูปินจะกลายเป็นเจ้าอาจารย์ของวังมหาวาลแล้ว เขาก็เป็นเพียงหุ่นเชิดตัวหนึ่งที่ถูกควบคุมโดยตระกูลหง
“หึ!”
โอรสสวรรค์โชคลาภทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง “อย่าคิดว่าตัวเองได้รับหินนิรันดร์แล้วจะสามารถต่อกรกับกูได้ วันนี้คุณชายอย่างกูจักสังหารมึงเอง!”
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าโอรสสวรรค์โชคลาภก็คิดว่าหินนิรันดร์อยู่ในกำมือหลัวซิวเช่นกัน มิเช่นนั้นก็จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดคนดังกล่าวถึงสามารถต่อกรกับกระบี่ตรีภพได้
“ลงมือได้!”
พอสิ้นเสียงคำสั่งของโอรสสวรรค์โชคลาภ เหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ต่างพากันลงมือ เป้าหมายของคนเหล่านี้ไม่ใช่หลัวซิว แต่เป็นจีเสี่ยวจื่อและศิษย์น้องของเสิ่นปิงหยู รวมไปถึงเสิ่นปิงหยูที่กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการข้ามผ่านทัณฑ์
“รนหาที่ตาย!”
มีรังสีที่ดุดันเป็นประกายอยู่ในแววตาหลัวซิว เห็นเพียงเขากางฝ่ามือออก ลูกแก้วความเป็นตายก็ปรากฏ พลังดูดกลืนวิญญาณที่มากมายมหาศาลพลังหนึ่งแผ่กระจายออกไปโดยที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
ภายในเวลาชั่วพริบตา อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากที่บุกฆ่าเข้ามาก็สัมผัสได้ว่าแก่นแท้ชีวีของตนเองไหลหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าอารมณ์ของแต่ละคนจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนจะพากันเรียกของขลังคุ้มกันของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว