มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1942
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1942
“ยัยซื่อบื้อพูดอะไรน่ะ? เรื่องนี้ควรโทษศิษย์พี่ต่างหาก ศิษย์พี่มาช้าเองถึงได้ทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บ”
หลัวซิวลูบเส้นผมของนางอย่างห่วงใย พลางหยิบยารักษาตัวออกมาให้นางกิน
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง สีหน้าของเหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่เหลือต่างดูย่ำแย่ลง มิน่าล่ะทันทีที่คนดังกล่าวมาถึงก็สังหารคนไปมากเช่นนี้ ที่แท้สตรีที่ถูกพวกเขารุมโจมตีคือศิษย์น้องของคนดังกล่าวนี้เอง
พวกเขาคุ้นเคยกับคู่หูจีเสี่ยวจื่อและหลัวซิวอยู่ เนื่องจากครั้นเมื่ออยู่บนดวงดาวที่มีกระบี่ผงาดตรีภพปรากฏ ดูเหมือนกับว่าระหว่างมู่ช่าวหวงและพวกเขาจะมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีพวกเขาอาศัยจำนวนคนที่มากกว่า ดังนั้นถึงกล้ารุมโจมตีจีเสี่ยวจื่อ ทว่าวินาทีนี้เมื่อเห็นศักยภาพอันน่ากลัวที่หลัวซิวแสดงออกมาแล้ว ภายในเวลาชั่วขณะผู้คนที่เหลือล้วนกระวนกระวายใจขึ้นมา
อยู่ในแดนเทวนิรันกาลนี้ ไม่มีผู้แข็งแกร่งผู้อาวุโสจากสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเหลือพวกเขาได้หรอกนะ เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่มีศักยภาพสามารถบดขยี้ตนเองได้อย่างง่ายดาย จึงไม่มีผู้ใดอยากปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
จำนวนคนร้อยกว่าคนถูกหลัวซิวสังหารไป 30 กว่าคนภายในทีเดียว แม้จำนวนคนที่เหลือยังคงมีเยอะอยู่ แต่ทว่าหลัวซิวกลับไม่เกรงกลัวใด ๆ เลย กวาดตามองทุกคนด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ผู้ใดทำให้ศิษย์น้องกูบาดเจ็บ ก้าวเท้าออกมาซะ!”
“มึงก็แค่ตัวคนเดียว ส่วนฝั่งพวกกูมี 70 กว่าคน และมึงก็ไม่สามารถปลดปล่อยกระบวนท่าที่มีพลานุภาพทรงพลังอย่างเมื่อครู่นี้ออกมาได้อีกแล้วสินะ?”
ชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “พวกกูทำให้ศิษย์น้องมึงบาดเจ็บ และมึงก็สังหารคนฝั่งพวกกูไป 20 กว่าคนเช่นกัน บอกให้ศิษย์น้องมึงส่งแร่อนัตตาชิ้นนั้นออกมา แล้วพวกกูจะรีบจากไปทันที”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวถึงรู้ว่าที่แท้ก็เป็นเพราะจีเสี่ยวจื่อเจอแร่อนัตตาชิ้นหนึ่ง ถึงได้ถูกคนเหล่านี้หมายตาไว้นี่เอง
แร่อนัตตามีความสำคัญต่อการยกระดับแดนกฎปริภูมิของจีเสี่ยวจื่อมาก ๆ ซึ่งหลัวซิวต้องทราบจุดนี้อยู่แล้ว
“ทำให้ศิษย์น้องกูบาดเจ็บ และยังอยากแย่งสมบัติที่ศิษย์น้องกูพบเจออีกอย่างนั้นหรือ?”จิตสังหารที่อยู่ภายในแววตาหลัวซิวเข้มข้น ก่อนจะถามจีเสี่ยวจื่อที่อยู่ข้างกาย “เสี่ยวจื่อ เมื่อครู่ผู้ใดทำให้เจ้าบาดเจ็บ?”
“มันนั่นแหละ”จีเสี่ยวจื่อไม่ใช่ผู้ที่ยอมกล้ำกลืนฝืนทน วินาทีนี้มีหลัวซิวคอยผดุงความยุติธรรมให้ตนเอง นางจึงรีบใช้นิ้วชี้ไปทางชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายคนนั้นทันที
ชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกจีเสี่ยวจื่อชี้ สีหน้าจึงหม่นหมองลงไปในทันที “พวกมึงสองคนอย่าจองหองให้มันมากนัก ถึงแม้ศักยภาพของพวกมึงจะแข็งแกร่งมาก ๆ แต่พวกกูทั้ง 70 กว่าคนล้วนเป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากมหาโลกาต่าง ๆ พวกกูก็ไม่ได้แดกหญ้าเช่นกัน!”
“เสียงดังชิบหาย!”
หลัวซิวตวาดอย่างเย็นชา ก่อนจะลงมือโจมตีโดยตรง
“ทุกคนลงมือพร้อมกัน!”
ไม่ต้องให้ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยปาก เสี้ยววินาทีที่เห็นหลัวซิวลงมือโจมตี เหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้ง 70 กว่าคนจึงพากันปลดปล่อยพลังอมตะ รวมไปถึงของขลังอาวุธสงครามต่าง ๆ ออกมา
ในฐานะที่เป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์จากมหาโลกาต่าง ๆ วัยรุ่นเหล่านี้ล้วนมีจิตใจที่หยิ่งยโส วินาทีนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซิวและจีเสี่ยวจื่อสองคน พวกเขาจะมีทางเลือกที่จะอ่อนข้อได้อย่างไรเล่า?
แม้กระบวนท่าที่สังหารนักยุทธ์ 20 กว่าคนในเมื่อครู่นี้จะน่าสยดสยองมาก แต่ก็เหมือนดังที่คนดังกล่าวพูดเมื่อครู่ หลัวซิวไม่สามารถปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังเช่นนั้นออกมาได้ง่าย ๆ อีกแน่นอน
หลัวซิวค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา ยังคงกระตุ้นพลานุภาพของลูกแก้วความเป็นตายเช่นเคย พลังดูดกลืนวิญญาณกลายเป็นระลอกคลื่น ยึดครองชีวีดั้งเดิม
“ทุกคนระวัง อาวุธชิ้นนี้ของคนดังกล่าวสามารถยึดครองชีวีดั้งเดิม ทุกคนเรียกของขลังคุ้มกันออกมา ขอเพียงต้านทานกระบวนท่านี้ได้ คนดังกล่าวก็ไม่มีค่าพอที่จะให้เราเกรงกลัว!”
ชายหนุ่มที่จิตใจเหี้ยมโหดและดุร้ายนั่นตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง ภายในเวลาชั่วขณะทุกคนล้วนพากันเรียกของขลังคุ้มกันของตัวเองออกมา จากตัวตนและความเป็นมาของอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่ของขลังของพวกเขาล้วนเป็นของขลังราชันย์ชั้นสูง
แม้ลูกแก้วความเป็นตายจะทรงพลัง แต่ทว่ามีเพียงอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่จู่โจมกะทันหัน ประสิทธิผลของมันถึงจะสูงที่สุด ทันทีที่คนเหล่านี้มีการเตรียมการ ใช้ของคลังคุ้มกันต้านทาน ลูกแก้วความเป็นตายก็จะยึดชีวีดั้งเดิมของคนเหล่านี้ได้ยากมาก ๆ