มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1860
ใกล้ถึงเวลาเปิดของแดนเทวนิรันกาล หลัวซิวไม่ได้เลือกปิดตนฝึกฝน เพราะด้วยผลการฝึกตนในตอนนี้ของเขา ไม่สามารถที่จะเพิ่มขั้นได้ภายในเวลาอันสั้น นอกจากนี้แล้วเมื่อเขาเพิ่มขั้นก็จะมีการลงทัณฑ์จากทัณฑ์สายฟ้า ข้ามผ่านทัณฑ์ในสถานที่เช่นนี้ มันเป็นที่สะดุดตาของผู้คนจนเกินไป
ตอนนี้มีผู้คนคอยสอบถามตัวตนและที่มาที่ไปของซิวหลัวอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสำนักเซียนเทียนหยุนรู้ถึงสถานะของตนเอง ดังนั้นหลัวซิวทราบเป็นอย่างดีว่าถ้าหากกองกำลังเหล่านั้นต้องการที่จะสอบถาม คิดว่าไม่นานก็คงตามหาสถานะของตนเองเจอ
สำหรับตรงจุดนี้ หลัวซิก็ไม่ได้กังวลสักเท่าไหร่ สถานะมหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียว ไม่ได้มีไว้ประดับเพียงเท่านั้น
“สหายยุทธ์เสวียนคง เจ้าได้รับลูกศิษย์ที่ดีมาจริง ๆ!”
ในห้วงดาราแห่งหนึ่ง เงาร่างสิบกว่าสายได้นั่งขัดสมาธิอยู่ บนร่างกายของทุกคนต่างมีรัศมีพลังอันมหาศาลยากที่จะหยั่งถึงกระจายออกมา รูปร่างต่าง ๆ นานาปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลัง
คนที่กล่าวนั้นคือบุรุษในชุดสีเขียวผู้หนึ่ง พบเพียงว่าบนใบหน้าของเขาปะปนไปด้วยรอยยิ้ม สายตามองไปยังจีเสวียนคง
ผู้คนสิบกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ พูดได้ว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของมหาโลกายอดอัมพร ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิเทพ!
ส่วนคนที่กำลังสนทนากับจีเสวียนคงอยู่ในเวลานี้ คือเจ้าหอของหอยอดอัมพรในปัจจุบันนั่นเอง ว่ากันว่าผลการฝึกตนของเขาได้บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพช่วงปลายเป็นที่เรียบร้อย ถูกขนานนามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของมหาโลกายอดอัมพร
จีเสวียนคงทำเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเจ้าหอยอดอัมพรเลยสักนิด ถึงขนาดที่ว่าคร้านแม้แต่จะให้ความสนใจอีกฝ่าย
เจ้าหอยอดอัมพรเองก็ไม่ได้โมโห หลายปีมานี้ เขาพบมาตั้งแต่นานแล้วว่ามหาปรมาจารย์ยาเซียนผู้นี้มีใจเป็นปรปักษ์กับหอยอดอัมพรมาโดยตลอด เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าความชิงชังของอีกฝ่ายนั้นมีสาเหตุมาจากเรื่องใด
“เฒ่าประหลาดเทียนหยุน เจ้าจงใจใช่หรือไม่?” จีเสวียนคงมองไปยังบรรพอาจารย์เทียนหยุนด้วยแววตาเย็นชา เพราะว่าทั่วทั้งโลกใบนี้คนเดียวที่รู้ว่าซิวหลัวคือลูกศิษย์ของเขานั้น มีแค่สำนักเซียนเทียนหยุน
“สหายยุทธ์เสวียนคงเข้าใจผิดแล้ว ในสำนักนั้นมีผู้คนมากมายหลายปาก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีลูกศิษย์คนไหนพลั้งปากกล่าวออกไป” บรรพอาจารย์เทียนหยุนยิ้มกล่าวอย่างเรียบ ๆ
กระจายข่าวฐานะของซิวหลัวออกไป ความจริงแล้วบรรพอาจารย์เทียนหยุนก็ได้จงใจทำเช่นนั้น จุดประสงค์ก็คือเพื่อเอาคืนเรื่องที่จีเสวียนคงได้พาศิษย์บุกสำนักเซียนเทียนหยุน
“สหายยุทธ์เสวียนคง ลูกศิษย์ของเจ้าได้สังหารศิษย์ใจกลางหอยอดอัมพรของข้า เรื่องนี้เจ้าไม่คิดที่จะให้คำอธิบายกับข้าหน่อยหรือ?”
เจ้าหอยอดอัมพรพลันกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“คำอธิบาย? เจ้าต้องการคำอธิบายอะไร? สู้คนอื่นไม่ได้ถูกสังหารมันก็สมควรแล้ว!” จีเสวียนคงได้กล่าวตอบกลับไปเช่นนี้
“จีเสวียนคง เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ!” สีหน้าของเจ้าหอยอดอัมพรเองก็ได้เยือกเย็นลง อย่าคิดว่าเจ้าเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียนแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า คนอื่นให้ความสำคัญกับสถานะมหาปรมาจารย์ยาเซียนของเจ้า แต่ไม่ได้อยู่ในสายตาหอยอดอัมพรของข้า!”
“ข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ?” จีเสวียนคงมีท่าทางเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ยอดอัมพรหรืออย่างไร? เชื่อไหมว่าเมื่อข้าออกคำสั่งออกไป ก็สามารถเรียกจักรพรรดิเทพจำนวนมากมาบุกโจมตีหอยอดอัมพรของเจ้า?”
คนหนึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของมหาโลกายอดอัมพร ส่วนอีกคนเป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียน ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าขิงก็ราข่าก็แรง
จักรพรรดิเทพคนอื่น ๆ อีกสิบกว่าคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันเงียบสนิท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหอยอดอัมพรหรือจีเสวียนคง พวกเขาล้วนไม่อยากจะเป็นปรปักษ์ เป็นธรรมดาที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม
แต่ว่าพวกเขาเองก็ทราบเป็นอย่างดี ทั้งสองคนดูเหมือนอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด แต่ที่จริงแล้วเพียงแค่สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญ เพราะเมื่อได้ขึ้นมาถึงระดับอย่างพวกเขาแล้ว มีน้อยมากที่จะฉีกหน้ากันจริง ๆ พูดจาไม่ยอมความ ที่จริงแล้วก็เพื่อที่จะได้รับข้อได้เปรียบในการเจรจาที่กำลังจะเริ่มขึ้นเท่านั้นเอง
รายชื่อของแดนเทวนิรันกาลมีเพียงสิบรายชื่อเท่านั้น นับตั้งแต่ที่จีเสวียนคงมาถึง เป็นใครก็ดูออกว่า เขาจะต้องต้องการเอารายชื่อไปให้กับลูกศิษย์ของเขาอย่างแน่นอน