มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1855
ทว่าในตอนนั้นหลัวซิวกลับปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล เพราะเขาไม่อยากจะไปในเส้นทางที่คนอื่นเคยเดินมาก่อน ทางที่เขาอยากจะเดิน เป็นเส้นทางที่ไม่เคยมีใครเดินมาก่อนเลย
“ความจริงแล้วข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานเช่นนั้น”
หลัวซิวยิ้มอย่างขมขื่น ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่ได้คิดที่จะเดินในเส้นทางฝึกตนรอบด้าน เพราะในเส้นทางนี้นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกตนจนถึงระดับขีดสุด
เป็นหลักการเดียวกันกับที่คนคนหนึ่งอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่ได้อะไรสักอย่างเลย
และวิถีแห่งยุทธ์ที่หลัวซิวอยากจะเดินอย่างแท้จริงนั้น คือเต๋าที่ครอบคลุมทุกด้าน รองรับแม่น้ำทุกสาย!
นั่นก็หมายความว่า เขาต้องการสร้างวิถีแห่งยุทธ์สายหนึ่งออกมา วิถีแห่งยุทธ์สายนี้รวบรวมไปด้วยแก่นสารนานาชนิดของวิถียุทธ์
ไม่ใช่ฝึกตนรอบด้าน แต่เป็นการซึมซับแก่นสารของเต๋าแขนงต่าง ๆ
ดังนั้นสำหรับหลัวซิวแล้ว เขาฝึกฝนศึกษาเต๋าแขนงต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นฝึกตนรอบด้าน แต่ได้ใช้การฝึกตนของตนเอง เพื่อซึมซับตระหนักรู้แก่นสารที่อยู่ด้านใน และทำความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วสร้างวิถีแห่งยุทธ์ของตนเองขึ้นมา
วิถีแห่งยุทธ์ที่เขาต้องการสร้างนั้น เป็นเต๋าที่อยู่เหนือวัฏจักร!
“แบบนี้เจ้าเรียกว่าไม่มีความทะเยอทะยานหรือ?”
น้ำเสียงของตัวมรณาผสมไปด้วยความพูดไม่ออกและเยาะเย้ย จ้าววัฏจักรยุคแรกอยู่ในยุคสมัยโบราณเมื่อแสนนานมาแล้ว เป็นถึงมหาศักดิ์ที่ควบคุมความเป็นระเบียบเรียบร้อยของกฎจักรวาลฟ้าดิน วิถีแห่งวัฏจักรที่เขาสร้างขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของวิถีแห่งยุทธ์
ส่วนหลัวซิวกลับคิดที่จะสร้างวิถีแห่งยุทธ์ที่อยู่เหนือวัฏจักรขึ้นมา นี่มันเป็นไปได้หรือ?
ถึงกระทั่งที่ว่าในสายตาของตัวมรณา หลัวซิวผู้นี้บ้าระห่ำ มั่นใจในตนเองจนเกินไป เขาสามารถมีฝีมือในระดับของจ้าววัฏจักรยุคที่สองถึงยุคที่เก้าได้ก็นับว่าร้ายกาจมากแล้ว ยังคิดจะอยู่เหนือจ้าววัฏจักรยุคแรก?
คิดเพ้อเจ้อ!
นี่คือผลการประเมินที่ตัวมรณามีต่อหลัวซิว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาโดยตรงเท่านั้นเอง
เหนือกว่าจ้าววัฏจักรยุคแรก นี่ไม่ได้เป็นเพียงความทะเยอทะยานแล้ว แต่เป็นความยโสโอหังที่ไร้ขอบเขตตุ
แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ตัวมรณาไม่ยอมรับไม่ได้ นั่นก็คือหลัวซิวผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่เหนือมนุษย์มนาจริง ๆ แม้ว่าพรสวรรค์และสติปัญญาของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก แต่มันสมองในการเรียนรู้ของเขานั้นสูงมากจริง ๆ
การปรากฏตัวของลูกแก้วความเป็นตาย ได้เปลี่ยนแปลงพื้นฐานร่างมนุษย์ของเขา ทำให้พรสวรรค์และสติปัญญาของเขาเพิ่มระดับขึ้น ควบคู่กับมันสมองในการเรียนรู้อันยอดเยี่ยม ทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะ ที่เรียกได้ว่าเหนือมนุษย์มนาคนหนึ่ง
วิถีแห่งยุทธ์ของเขา ตอนนี้ได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ตัวอย่างเช่นการดูดซับแก่นสารของคัมภีร์ค่ายกล สลักค่ายกลเอาไว้ในร่างกายของตน ซึมซับแก่นสารของคัมภีร์โอสถ ใช้เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณกลั่นฝึกตัวสำนึกวิญญาณ กลั่นวิญญาณก็เหมือนกับกลั่นยา นอกจากนี้เขายังได้กลายร่างเป็นห้วงดารา วิวัฒนาการวิถียุทธ์วัฏจักรในรูปแบบวัฏจักรโดยย่อ
เช่นนี้ก็หมายความว่า เขาได้รวบรวมวิถีค่าย วิถียา เส้นทางแห่งวัฏจักรในขั้นต้นได้แล้ว!
แน่นอน คิดจะรวบรวมวิถีต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว มันเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากยิ่งนัก กระทั่งที่สามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจสำเร็จได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าความคิดของตนเองจะถูกตัวมรณาไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด ทว่าหลัวซิวกลับยังคงยืนหยัดที่จะเดินต่อไป
ถ้าหากเดินตามวิถีแห่งยุทธ์สายนี้ไปจนถึงจุดสูงสุดได้ ก็จะรอบรู้และทำได้ทุกอย่าง!
“อันดับเปลี่ยนไปอีกแล้ว!”
บนลานภายในโลกด้านนอก เสียงตกตะลึงได้ลอยออกมาจากหมู่ผู้คนอีกครั้ง เพราะเมื่อสักครู่นั่นเอง อันดับรายชื่อบนอันดับราชาเทพได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เจ้าหนุ่มที่ชื่อซิวหลัวผู้นั้น ได้เลื่อนอันดับจากอันดับสิบมาเป็นอันดับที่เก้า!
“คนผู้นี้โผล่ออกมาจากไหนกันแน่? ผ่านขึ้นมาถึงอันดับที่เก้าได้ภายในรวดเดียว ต่อให้เป็นศิษย์สนิทของสำนักจักรพรรดิหอยอดอัมพรเกรงว่าก็คงทำไม่ได้จนถึงขนาดนี้กระมัง?”
“อัจฉริยะเช่นนี้ถ้าหากไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังใด ๆ เช่นนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่าง ๆ แย่งชิงกันอย่างแน่นอน!”
อัจฉริยะที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงได้ปรากฏตัวได้ปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ล้วนทำให้อึกทึกครึกโครม เพราะเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ พรสวรรค์และสติปัญญานั้นสำคัญมาก ไม่มีพรสวรรค์ที่สูงเพียงพอ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามแค่ไหน มีทรัพยากรและวรยุทธ์ระดับสูงมากมายเพียงใด ก็ยากที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้