มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1791
“สิ่งนี้น่าจะมีมูลค่าที่สูงมากเลยสินะ”หลัวซิวก็มองไปทางหนวดสีดำสนิทนั่นด้วยแววตาที่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยเช่นกัน
“มูลค่าสูงมากอย่างแน่นอนเลยล่ะ”หนิงหานยู่กลอกตาไปมา “แต่เกรงว่าเราคงแย่งมาไม่ได้แล้ว แม้พี่เย่ท่านจะแข็งแกร่งมาก ๆ ทว่าคนเยอะเกินไป”
ตำแหน่งที่หนวดของอสูรกลืนดาราร่วงตกลงมา มีคนยืนอัดกันอย่างถี่ยิบ อย่างไรเสียตัวหนวดก็มีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดมีศักยภาพแยกมันออกเป็นหลายส่วนได้ หากผู้ใดต้องการยึดครองคนเดียว ก็ต้องประสบกับการรุมโจมตีจากทุกคน
มิหนำซ้ำในบรรดาผู้คนที่มาแก่งแย่งนี้ อ่อนสุดก็เป็นราชาเทพช่วงปลาย ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพก็มีเยอะมาก ๆ เช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งสองคนเข้าไปในของขลังของข้าก่อน”
หลัวซิวหรี่ตาลง จากนั้นเขาก็เรียกสำนักเต๋าเสวียนเทียนออกมา เนื่องจากถ้าเกิดเขาจะไปแก่งแย่งหยวดของอสูรกลืนดาราตัวคนเดียวละก็ ภายใต้สถานการณ์ที่ชุลมุนเช่นนั้น เขาต้องไม่มีเวลาไปคุ้มกันหนิงหานยู่และฉียู่หรงหญิงสาวทั้งสองคนอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองก็เข้าใจถึงความหนักเบาของเรื่องนี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงพยักหน้า ไม่มีการคัดค้านเลยแม้แต่น้อยก็ถูกหลัวซิวเก็บเข้าไปภายในสำนักเต๋าแล้ว
เมื่อไม่มีสิ่งที่ต้องคอยพะวง หลัวซิวจึงรีบกระตุ้นความเร็วของปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้าถึงที่สุด ทั้งร่างกายกลายเป็นสายฟ้าหนึ่งสาย แล้วพุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่หนวดของอสูรกลืนดาราร่วงหล่น
อาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เกะกะระรานอย่างยิ่ง หลัวซิวเหมือนเข้าไปในดินแดนไร้ผู้คน ทว่าไม่ว่าสิ่งใดที่ขัดขวางอยู่ตรงหน้า ล้วนถูกของขลังอาวุธสงครามของเขาโจมตีทีเดียวจนกระเด็นออกไป มีนักยุทธ์ที่เข้ามาขัดขวางตรงหน้าถูกพุ่งชนจนกระดูกหักเส้นเอ็นขาด หรือไม่ก็ถูกพุ่งชนจนกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงไปกับพื้น
เหล่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพที่กำลังปะทะกันอยู่ก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนบุกฆ่าเข้ามากะทันหันเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นคือเนื่องจากความเร็วของหลัวซิวรวดเร็วมากเกินไป จึงส่งผลให้พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร หนวดอสูรกลืนดาราที่ยาวหลายร้อยไมล์นั่นก็หายวับไปแล้ว
ซึ่งหนวดของอสูรกลืนดารานั่นก็ต้องถูกหลัวซิวเก็บไปในโลกาดาราอยู่แล้ว
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นจำหน้าได้ เขายังเปลี่ยนโฉมกลายเป็นร่างกลวัฏสงสารที่สองโดยเฉพาะด้วย
“ฆ่ามัน!”
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ทุกคนต่างโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก รวมไปถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพก็หยุดการต่อสู้กันแล้วเช่นกัน ต่างพากันพุ่งไปฆ่าหลัวซิว
ความเร็วของปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้าถูกกระตุ้น หลัวซิวกลายเป็นแสงเงาเลือนลางภายในชั่วพริบตาเดียว แล้วหายวับไปในขอบฟ้า
ความเร็วระดับนี้เพียงพอที่จะสามารถทำให้ผู้อื่นเทียบไม่ติด มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพก็ไล่ตามไม่ทัน
“เจ้าหมอนั่นมันสมควรตายมาก ไม่นึกเลยว่าความเร็วของมันจะรวดเร็วเช่นนี้!”
“พวกเราทุกคนต่างเข่นฆ่ากันอยู่ที่นี่ แต่มันกลับแอบฉวยโอกาสขณะผู้อื่นเกิดความขัดแย้ง คนประเภทนี้สมควรตาย!”
“ข้ามองเห็นรูปร่างลักษณะของมันแล้ว ทุกคนออกตามหามันพร้อมกัน ต้องเจอตัวมันแน่นอน!”
……
อาศัยความเร็วของปีกเทพไร้มลทิทะลุฟ้า หลัวซิวสลัดทุกคนทิ้ง และเขาก็ทราบเช่นกันว่าตัวเองทำให้ผู้คนโกรธเกรี้ยว เพราะฉะนั้นหลังจากบินหนีถึงสถานที่ที่ไร้ผู้คนแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเป็นรูปร่างลักษณะของร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งอีกครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นอกเหนือจากหนิงหานยู่และฉียู่หรงทราบว่าทั้งสองร่างนี้คือเขาแล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนไม่มีทางค้นพบความลับของเขา
เนื่องจากร่างกลวัฏสงสารและร่างแท้ของเขาเป็นร่างเดียวกัน หากเขาเปลี่ยนเป็นรูปร่างลักษณะของผู้อื่น ขอเพียงพบเจอผู้แข็งแกร่งที่ตัวสำนึกแข็งแกร่งก็จะถูกจับได้ง่าย ๆ แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นรูปร่างลักษณะของร่างกลวัฏสงสาร ขอเพียงเป็นผู้ที่ไม่เคยคบค้าสมาคมกับเขามาก่อน ก็ไม่มีทางจับได้แน่นอน
แต่ทว่าหลัวซิวก็ทราบเช่นกันว่าการที่ตัวเองสามารถแย่งหนวดของอสูรกลืนดารามาได้และหลบหนีสำเร็จนั้น ภายในนั้นก็มีเรื่องโชคประกอบอยู่ส่วนหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากนักยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ณ เวลานั้น ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิแต่อย่างใด หากเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงกลางคนหนึ่งละก็ ความเร็วในการบินหนีก็แทบจะสามารถไล่ตามเขาได้แล้ว