มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1712
วันคืนหลายพันล้านปี โบราณเพียงใด แม้ว่าจะทรงพลังอย่างจักรพรรดิเทพ ก็ยังต้องแก่ และนิพพานไปในที่สุด ปีศาจเพลิงถูกควบคุมอยู่ในที่แห่งนี้ แต่กลับยังมีชีวิตอยู่
หลัวซิวไม่เอ่ยคำพูดใดออกมา ดวงตาของเขาดูจริงจัง ภายในใจเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ปีศาจเพลิงที่ยังไม่ตายหลังจากผ่านวันคืนหลายร้อยล้านปี ต้องไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต่อกรได้
สายตาและตัวสำนึกของเขากวาดไปทั่วทุกซอกทุกมุมภายในโถงใหญ่แห่งนี้ พบว่าปีศาจเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ถูกกักขังโดยค่ายกลที่ทรงพลัง ภายใต้การควบคุมและกลั่นแปรของค่ายกลนี้ พลังงานในร่างของมันค่อย ๆ สลายลงไปเรื่อย ๆ
ในวันนี้ทั่วทั้งโถงใหญ่ เปี่ยมล้นด้วยพลังที่พลุ่งพล่าน ทั้งหมดหนีออกจากร่างของปีศาจเพลิง ตลอดวันคืนหลายพันล้านปี
“ไอ้หนูตัวน้อย ข้าพูดกับเอยู่ ไม่ได้ยินรึ? เชื่อหรือไม่ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ในตอนนี้?” ปีศาจเพลิงคำรามด้วยความโกรธ เสียงดังลั่นสะเทือนฟ้า
“หากเจ้าสามารถฆ่าข้าได้จริง ๆ เจ้าจะมาพูดจาไร้สาระกับข้าอยู่เช่นนี้หรือ?” หลัวซิวเผยรอยยิ้มเยือกเย็น ไม่ได้จริงจังกับการข่มขู่ของปีศาจเพลิงแต่อย่างใด
“รนหาที่ตาย!” จิตสังหารที่ไร้ขอบเขตและน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างของปีศาจเพลิง จิตสังหารนี้น่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าตัวต้องห้ามของตำหนักปีศาจเพลิงที่อยู่ด้านนอกเสียอีก
ภายใต้เงาแห่งจิตสังหารนี้ หลัวซิวรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตำหนักวัฏสงสารที่อยู่ภายในตัวหยั่งรู้สั่นไหวเล็กน้อย ความอึดอัดและความแปรปรวนของร่างกายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
“ปีศาจเพลิง?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น แต่เจ้าของเสียงนี้ไม่ใช่หลัวซิว แต่มันถูกส่งมาจากตำหนักวัฏสงสารภายในตัวหยั่งรู้ของเขา
หลัวซิวไม่ได้ไปสนใจปีศาจเพลิง แต่ใช้ตัวสำนึกสื่อสารกับตำหนักวัฏสงสาร เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างมาก มันมาจากอดีตเทพแห่งวัฏจักรชีวิต
ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงการสื่อสารของตัวสำนึกของหลัวซิว ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร กลายเป็นรูปร่างของชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง
“ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดแล้ว? หนึ่งแสนล้านปี หรือว่าสองแสนล้านปี? ในที่สุดข้าก็ได้เปลี่ยนร่างอีกครั้ง……”
ภาพลักษณ์ของเทพแห่งวัฏจักรชีวิตดูเยาว์วัยมาก แต่เสียงของเขาเต็มไปด้วยความผันผวนของวันคืน ทุ่มต่ำอีกทั้งยังแก่ชรา
เขาในเวลานี้ ราวกับเป็นชายหนุ่มที่แก่ชรา คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์และเสียงถอนหายใจ
“เจ้าคือเทพแห่งวัฏจักรชีวิต?”
การเปลี่ยนแปลงของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่ถูกแปลงโดยช่องจิตของหลัวซิว ก็เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของตัวตนที่แท้จริงของเขาเช่นกัน ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของชายหนุ่มชุดขาว
ชายหนุ่มชุดขาวมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงแค่แดนเทพฟ้าขั้นสี่? อ่อนแอเหลือเกิน!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก็รู้สึกหมดคำจะพูด ตั้งแต่แรกเริ่ม คำพูดของเทพแห่งวัฏจักรชีวิต ต่างก็เรียกเขาว่าผู้สืบทอดตัวน้อยมาเสมอ จนถึงทุกวันนี้ เขาได้แตกต่างออกไปจากวันคืนในอดีตแล้ว ผลการฝึกตนเทพฟ้าขั้นสี่ก็สามารถสังหารกึ่งมกุฎเทพได้ แต่สำหรับเทพแห่งวัฏจักรชีวิตแล้ว กลับยังคงอ่อนแอเกินไปอยู่ดี?
“ก่อนที่จะเปลี่ยนร่าง ข้าคือเทพแห่งวัฏจักรชีวิต แต่เมื่อข้าเปลี่ยนร่างแล้ว ข้าก็มีนามแล้ว ชื่อของข้าคือซาง!”
ชายหนุ่มชุดขาวเผยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ น้ำเสียงแก่ชราแต่กลับทุ้มลึก ให้ความรู้สึกลึกลับซับซ้อน ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง
รูปร่างเช่นนี้ เทียบกับความเข้าใจเกี่ยวกับเทพแห่งวัฏจักรชีวิตของหลัวซิวแล้วกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ในสมัยก่อน เทพแห่งวัฏจักรชีวิตโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยมาสนใจเขา
“ในฐานะจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สิบ การฝึกตนของเจ้ามันเชื่องช้าเกินไปแล้ว!” ชายหนุ่มชุดขาวผู้ที่เรียกตนเองว่าซางจับจ้องมายังหลัวซิว กล่าวพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“จ้าววัฏสงสารรุ่นที่สิบ? หมายความว่าอย่างไร?” หลัวซิวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่เข้าใจพันธกิจของตนเอง แต่ผลการฝึกตนของเจ้าอ่อนแอเกินไป ยังแตะไม่ถึงระดับนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่จะไม่เข้าใจ”
ซางขมวดคิ้ว แต่กลับไม่ได้ตอบหลัวซิวตรง ๆ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ปีศาจเพลิงตัวนั้นที่อยู่ด้านนอกไม่เลวเลยทีเดียว กลั่นแปรมันเสีย มันสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของเจ้าได้มาก”