มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1528
“พวกมดต่ำต้อย เอะอะเสียงดังชะมัด!”
มู่หมิงตวาดเสียงต่ำทีหนึ่ง แต่กลับทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายจากกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งห้ากระอักเลือดพร้อมกัน ใบหน้าขาวซีด
เมื่ออยู่ภายใต้การกดอัดในแดนปริศนามกุฎเทพ พวกเขามีศักยภาพเพียงเทพมารขั้นสูง เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้านภาชั้นยอด จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“คนดังกล่าวฝากให้เจ้าสังหารเองแล้วกัน ข้าจะคอยเจ้าข้างหน้า”
มู่หมิงมองหลัวซิวด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามรอบหนึ่ง จากนั้นเงาร่างเขาก็กระพริบ และมุ่งหน้าตรงไปยังส่วนลึกของวิถีโบราณดารากาลโดยตรง
มีรอยยิ้มอันดุร้ายปรากฏบนใบหน้าจี้เฟิงเล็กน้อย เขาก็ปลดปล่อยคลื่นผลการฝึกตนออกมาจากร่างกายเช่นกัน เห็นได้ทันทีเลยว่าเขาคือเทพฟ้าช่วงปลาย
รูม่านตาหลัวซิวหดลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเคล็ดวิชาของจี้เฟิง รวมไปถึงชายชุดคลุมยาวสีดำนั่น สามารถลดทอนการกดอัดผลการฝึกตนในแดนปริศนามกุฎเทพได้
“มาตรแม้นว่าผลการฝึกตนของข้าจะถูกกดอัดอยู่ที่เทพฟ้าช่วงปลาย การจะฆ่าเจ้านั้นก็ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก”
จิตที่จะฆ่าหลัวซิวของจี้เฟิงนั้นรุนแรงมาก ๆ ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขา เขาก็กลายร่างเป็นสายรุ้งยาว กระบี่เทพสีเขียวเล่มหนึ่งจุติลงมาจากสวรรค์ แล้วฟันตรงไปทางหลัวซิว
ทว่าวินาทีนี้จู่ ๆ หลัวซิวกลับหัวเราะออกมา สายตาที่มองไปทางจี้เฟิงมีความเยาะหยันปนอยู่เล็กน้อย
เมื่อจี้เฟิงมองเห็นแววตาเช่นนี้ ทำให้ความโกรธที่อยู่ในใจเขาไม่สามารถลดหย่อนลงไปได้ จิตที่จะฆ่าเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
เห็นเพียงหลัวซิวยกมือขึ้นมา แสงกระบี่สีเขียวที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ฟันตรงเข้ามา ก็ถูกกระแทกจนแตกสลายด้วยหมัดเดียวของเขา
ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินที่อยู่ด้านหลังเขาสยายออก ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาพุ่งพรวดถึงขีดสุดภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว และพุ่งตรงเข้าไปทางจี้เฟิงจนเสียงดังสนั่น
“ตู้ม!”
เสี้ยววินาทีที่ทั้งสองพุ่งชนกัน จี้เฟิงก็กระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด ทั่วทั้งใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความช็อกที่เหลือเชื่อ
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ศักยภาพของเจ้าที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่ถูกกดอัดอย่างนั้นหรือ?”จี้เฟิงตกใจมากจนหน้าถอดสี “หรือว่าเจ้าก็เป็นคนในจ่างเทียนเต้าเหมือนกัน เข้าใจเคล็ดวิชาประเภทนี้ด้วย?”
ก่อนที่จะมาแดนปริศนามกุฎเทพ จี้เฟิงได้ตอบตกลงมู่หมิงเข้าร่วมสายจ่างเทียนเต้าแล้ว จากนั้นมู่หมิงก็ได้นำเคล็ดวิชาประเภทหนึ่งถ่ายทอดให้แก่จี้เฟิง อ้างว่าขอเพียงแสดงเคล็ดวิชาดังกล่าว หลังจากเข้าไปในแดนปริศนามกุฎเทพแล้ว การกดอัดทางผลการฝึกตนก็จะถูกลดทอนลงไป
อีกทั้งมู่หมิงยังกล่าวอีกด้วยว่าเคล็ดวิชานี้ มีเพียงคนในสายจ่างเทียนเต้าเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกได้
“จ่างเทียนเต้า เคล็ดวิชา?”
สีหน้าท่าทางของหลัวซิวสงบเรียบนิ่ง ทว่าจิตใจเขากลับหวั่นไหวเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่าจ่างเทียนเต้า โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวโบราณจากโจวเจิ้ง เขาก็มีความเข้าใจขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับสายจ่างเทียนเต้าบ้างแล้ว
“ตู้ม!”
เขาลงมือโจมตีอีกครั้ง สองระดับความเป็นตายกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง กุมร่างจี้เฟิงเอาไว้ พลังบีบรัดที่เกะกะระรานทำให้จี้เฟิงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน ร่างกายถูกบีดจนใกล้จะแตกสลายแล้ว
จี้เฟิง ณ วินาทีนี้ไม่ใช่ราชาเทพ แต่เป็นเทพฟ้าช่วงปลาย อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างเช่นกัน ร่างเนื้อไม่แข็งแกร่งแต่อย่างใด
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! เหตุใดศักยภาพของเจ้าถึงไม่ถูกกฎเกณฑ์ในแดนปริศนามกุฎเทพกดอัด?”จี้เฟิงทั้งตะลึงทั้งพิโรธ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลัวซิวอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของเขา
“ไล่ล่าตั้งแต่เมืองฟ้าเยือกถึงที่นี่ เจ้าเคยนึกถึงวันนี้บ้างไหม?”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น จิตที่จะฆ่าดูน่ายำเกรง
“โครม!”
เพลิงมรณะสีดำลุกโชน แผ่คลุมร่างกายของจี้เฟิงเอาไว้จนจมหายไป ภายใต้การแผดเผาจากเปลวไฟสีดำ ทำให้พลังชีวิตบนร่างราชาเทพของเขาค่อย ๆ ร่วงโรย ออร่ายิ่งอยู่ยิ่งเบาบางลง
“ข้าไม่ยอม!”
จี้เฟิงตะคอกเสียงดังลั่น โกรธเกรี้ยวจนดวงตาใกล้จะถลนออกมา เขาคือราชาเทพ จะตายอยู่ในเงื้อมมือของผู้น้อยคนหนึ่งได้อย่างไร?
“ผู้เพื่อนยุทธ์มู่ช่วยข้าด้วย!”
สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของตัวเองยิ่งอยู่ยิ่งเบาบางลง ทุ่มสุดกำลังสามารถแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการพันธนาการจากมือใหญ่ของหลัวซิวได้ จี้เฟิงจึงทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้นฟ้าตะโกนขอความช่วยเหลือ
มู่หมิงที่พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของวิถีโบราณดารากาลและเพิ่งเก็บขวดยากลับเข้าที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย