มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1499
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1499
เห็นเพียงในช่วงเวลาที่ร่างกลวัฏสงสารที่สองโบกมือทีหนึ่ง ค่ายสังหารระดับ 6 ก็ถูกจัดวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว เทพฟ้าขั้น 7 คนหนึ่งที่พุ่งตรงเข้ามาในถ้ำก่อนเป็นคนแรกยังไม่ทันตอบสนองกลับมาได้ ก็ถูกพลานุภาพของค่ายสังหารครอบคลุมเอาไว้ ร่างกายถูกบดขยี้จนแตกละเอียดเป็นฝุ่นผง ภายใต้พลานุภาพของค่ายสังหารแม้กระทั่งช่องจิตก็สลายเป็นฝุ่น
“ตู้ม!”
เทพฟ้าเจ้านภาสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังลงมือโจมตีพร้อมกัน ค่ายสังหารระดับ 6 จึงแตกสลายในทันที ก่อนที่ลำแสงทั้งหลายจะบินเข้าไปเข่นฆ่ากับร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง
สุดท้ายแล้วศักยภาพของร่างกลก็แตกต่างจากร่างแท้มาก ๆ อยู่ดี เมื่อเผชิญหน้ากับเทพฟ้าเจ้านภานับสิบ ก็ต้านทานไม่ไหวด้วยซ้ำ ทำได้เพียงถดถอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง
“การบรรลุของร่างแท้ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว จะถูกรบกวนไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ต้องตายก็ต้องต้านทานไว้!”
ร่างกลวัฏสงสารทั้งสองสบตากันครั้งหนึ่ง มีรังสีแห่งความแน่วแน่ไหลทะลักออกมาจากดวงตา สำนักเต๋าเสวียนเทียนบินออกมาจากห้วงจักรหยั่งรู้ของร่างแท้ ภายใต้การควบคุมอย่างสุดกำลังสามารถของร่างกลวัฏสงสารทั้งสอง พลานุภาพจากสำนักเต๋าเสวียนเทียนก็ถูกปลดปล่อยออกมา
แม้สำนักเต๋าเสวียนเทียนนี้จะเป็นสมบัติระดับอัญเทพฟ้า ทว่าระดับของมันกลับสามารถเทียบทัดกับราชาแห่งศัสตราวุธที่ฝึกเซ่นโดยราชาเทพ
จากการที่ประตูของสำนักเต๋าเสวียนเทียนถูกเปิดออก พลังกฎปริภูมิที่มหาศาลจนคาดเดาก็ไม่ได้พรั่งพรูออกมา ในเวลาชั่วพริบตาเดียวมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนจำนวนมากถูกกฎปริภูมิที่ทรงพลังฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
ถึงอย่างไรผู้คนที่บุกเข้ามาฆ่าในถ้ำปิดขังเหล่านี้ ส่วนมากเป็นเทพฟ้าช่วงปลาย จำนวนผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาก็มีน้อยมาก อีกทั้งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงเจ้านภาระดับกลางเท่านั้น
ศักยภาพของคนเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานพลานุภาพของสำนักเต๋าได้ด้วยซ้ำ มาตรแม้นว่าผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาพอจะต้านทานการกลืนกินของสำนักเต๋าได้อยู่บ้าง แต่ก็ถูกคมลมปริภูมิอันโหดร้ายรุนแรงที่มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ตัดเฉือนจนกลายเป็นเศษเนื้อ ตายอย่างน่าเวทนาคาที่
นอกถ้ำ จำนวนผู้คนที่บุกฆ่าเข้ามามีเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่สยดสยองน่าอนาถเป็นที่สุดดังออกมาจากที่แห่งนี้แล้ว ผู้คนที่จะแย่งกรูกันเข้ามาในตอนแรก กลับตกใจกลัวจนพากันถอยหลังกลับ
“นั่นมันสมบัติอะไรกัน?”
ความแข็งแกร่งของสำนักเต๋าทำให้เทพฟ้าและเจ้านภาเหล่านี้รู้สึกหวาดผวา เทพฟ้าเจ้านภานับสิบถูกสังหารจนเกลี้ยงภายในกระบวนท่าเดียว ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นขึ้นมาในหัวของคนจำนวนมาก สีหน้าดูหวาดผวาถึงขีดสุด
“พลังกฎปริภูมิดั้งเดิมขั้นที่ 4 หรือว่านี่เป็นราชาแห่งศัสตราวุธชิ้นหนึ่ง?”
“แล้วสองคนที่อยู่ในถ้ำนั้นเป็นผู้ใดกันแน่? ดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังคุ้มกันให้คนคนหนึ่งอยู่ ตกลงแล้วผู้ใดกำลังฝึกตนอยู่ภายในกันแน่ ถึงกับสามารถล่อทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาได้?”
“กองกำลังราชาเทพส่วนมากในโลกาดาราอุดรไม่มีราชาแห่งศัสตราวุธ ความเป็นมาของคนเหล่านี้เป็นอย่างไรกันแน่?”
เสียงอื้ออึงดังไปทั่วทุกสารทิศ เทพฟ้าและเจ้านภา 20 กว่าคนถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว ทุกคนต่างกลัวจนใจเต้นแรง
พวกเขาคาดเดาว่าผู้ที่ปิดขังอยู่ภายในถ้ำอาจเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจากสำนักใหญ่ ๆ หากรุกรานคนประเภทนี้ละก็ จะทำให้ตนประสบพบเจอกับภัยพิบัติที่นำไปสู่หนทางแห่งความตายได้
“ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก สำนักเต๋านี่ไม่ใช่สมบัติของกองกำลังราชาเทพใดในโลกาดาราอุดรของเราอย่างแน่นอน”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏอยู่กลางนภา เขาพูดอย่างเสียงดังว่า: “ผู้คนเรียกข้าน้อยว่าป๋ายซื่อทง ข้ารู้จักราชาแห่งศัสตราวุธที่ถูกจัดอันดับในโลกาดาราอุดรทุกชิ้น ในจำนวนนั้นไม่มีสำนักเต๋านี้อย่างแน่นอน!”
ทันทีที่พ่นคำพูดนี้ออกมาจากปาก สีหน้าของทุกคนก็ดูประหลาดแตกต่างกันออกไป ป๋ายซื่อทงนี่มีชื่อเสียงในโลกาดาราอุดรไม่น้อยจริง ๆ หากสิ่งที่เขากล่าวมาเป็นความจริง เช่นนั้นก็หมายความว่าราชาแห่งศัสตราวุธที่อยู่ตรงหน้านี้ อาจเป็นสมบัติที่ใครคนใดคนหนึ่งโชคดีได้รับมาก็เป็นได้ ใช่ว่าเบื้องหลังของคนดังกล่าวจะมีบุคคลที่น่าเกรงขามคอยสนับสนุนอยู่เสมอไป
“อาวุธดังกล่าวมิใช่ราชาแห่งศัสตราวุธแต่อย่างใด แต่เป็นอัญเทพฟ้าที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งพลานุภาพของมันไม่ต่างจากราชาแห่งศัสตราวุธมากนัก”เสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความน่าเกรงขามดังมาจากท้องฟ้าที่ห่างออกไปไกล
“แย่ง!”
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ก็มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเทพฟ้าช่วงปลายที่อยากบรรลุเป็นเจ้านภา หรือผู้แข็งแกร่งระดับเจ้านภาที่อยากเป็นราชาเทพ สิ่งของที่สำคัญมากที่สุดของการบรรลุเป้าหมายนั้นก็คือทรัพยากร!