มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1486
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1486
“ผู้ที่ผู้เพื่อนยุทธ์จะตามหา มีนามว่าหลัวซิวใช่หรือไม่?”จี้เฟิงโยนม้วนหยกที่อยู่ในมือกลับไปให้ฝ่ายตรงข้าม แล้วถามด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นเยือก
“ถูกต้อง ผู้เพื่อนยุทธ์รู้จักคนคนนี้หรือ?”หางคิ้วมู่หมิงกระตุก
“แล้วไม่ทราบว่าผู้เพื่อนยุทธ์ตามหาคนดังกล่าวเพราะมีเรื่องอันใด หรือระหว่างเจ้าและเขาเป็นอะไรกัน?”
จี้เฟิงจ้องมองมู่หมิงด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร พูดได้เลยว่าเขารู้สึกเกลียดหลัวซิวถึงขีดสุดแล้ว หากผู้ที่อยู่ตรงหน้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับหลัวซิว มาตรแม้นว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นราชาเทพเหมือนตน เขาก็จะลงมือสู้กับฝ่ายตรงข้าม
เมื่อเห็นสภาพของจี้เฟิง มู่หมิงจึงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ“ดูเหมือนกับว่าผู้เพื่อนยุทธ์จะมีความแค้นต่อหลัวซิวนั่นเล็กน้อยนะ?”
“จะว่าไปก็บังเอิญเช่นกัน ครั้งนี้สาเหตุที่แซ่มู่ลงมายังโลกามนุษย์ อีกทั้งสืบเสาะร่องรอยจนตามมาถึงที่แห่งนี้นั้น ก็เพื่อจะสะสางบุญคุณความแค้นหนึ่งกับมันเช่นกัน”
ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้มู่หมิงดูเรียบนิ่งมาก ๆ อีกทั้งแอบพูดถึงประวัติความเป็นมาของตนด้วยว่าเป็นผู้ที่มาจากโลกาชั้นฟ้า
ทั่วทั้งดาราจักรวาล โลกาที่สามารถเรียกแทนว่าโลกาชั้นฟ้าได้นั้น มีเพียงมหาโลกาพันสามและแปดโลกมหาพิภพ เนื่องจากโลกาทั้งสองเป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนรวมตัวกัน และเป็นศูนย์กลางที่มีอารยธรรมวิถียุทธ์เจริญรุ่งเรืองที่สุดในจักรวาลนี้ด้วย
“ที่แท้ก็เป็นผู้เพื่อนยุทธ์ที่มาจากโลกาชั้นฟ้านี่เอง ข้าน้อยจี้เฟิง เมื่อครู่ขอกราบอภัยที่เสียมารยาทด้วยนะ”ใจจี้เฟิงสั่นเทิ้น ก่อนจะทำท่าคารวะ
“ผู้เพื่อนยุทธ์จี้เกรงใจกันแล้ว หากผู้เพื่อนยุทธ์ทราบว่าหลัวซิวไปที่ใด ยังต้องโปรดแจ้งข้าด้วยนะ”มู่หมิงกล่าว
“เจ้าเด็กเดรัจฉานนั่นฆ่าบุตรบุญธรรมข้า เมื่อสามวันก่อนมันใช้ค่ายวาร์ฟล่องหน มุ่งหน้าไปยังโลกาดาราอุดรแล้ว”เมื่อพูดถึงหลัวซิว ก็มีจิตที่จะฆ่าอันดุดันไหลออกมาจากแววตาจี้เฟิง
“สามวันก่อน?”
มู่หมิงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เมื่อหลายปีก่อนเขาก็วางแผนจะลงมายังโลกามนุษย์เพื่อสืบหาเรื่องที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนถูกสังหารแล้ว แต่ทว่าเนื่องจากล่าช้าอยู่กับเรื่องบางอย่าง นึกไม่ถึงเลยว่าจะล่าช้าไปเพียงสามวัน มิเช่นนั้นเขาก็คงจับกุมตัวหลัวซิวนั่นได้แล้ว
เขาเป็นผู้แข็งแกร่งราชาเทพ หลังจากลงมายังโลกามนุษย์ ปรากฏในโลกเสวียนเทียน ทราบมาว่าสำนักเซียนไร้เจตสิกถูกล้มล้างไปแล้ว อีกทั้งเขาก็ทราบเช่นกันว่าสำนักเซียนไร้เจตสิกเป็นกองกำลังใต้บังคับบัญชาที่ซือถูเจิ้งเจี้ยนบ่มเพาะ
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสำนักไท่เสวียนและสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินโดยตรง จากศักยภาพและผลการฝึกตนของเขา สามารถทำลายค่ายใหญ่ไปได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก จับกุมตัวเฟิ่งหวูซินเพื่อสอบปากคำเรื่องการตายของซือถูเจิ้งเจี้ยน ก่อนจะทราบมาว่ามีความเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลัวซิว อีกทั้งยังทราบมาด้วยว่าหลัวซิวนั่นจากไปจากโลกเสวียนเทียนแล้ว
เขาไม่ได้ลงมือล้มล้างงสำนักไท่เสวียนและสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินแต่อย่างใด เนื่องจากตัวตนของเขาพิเศษ ซึ่งไม่เหมือนอย่างซือถูเจิ้งเจี้ยนที่สามารถทำทุกอย่างอุกอาจได้
“ภารกิจของซือถูคือตามหาเศษใจแห่งศุภร เมื่อตรวจสอบจากเบาะแสร่องรอย พบว่ามีโอกาสแปดถึงเก้าส่วนที่หลัวซิวเป็นผู้ได้ครอบครองเศษใจแห่งศุภร ข้าจำเป็นต้องตามหามันให้พบ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ทูตมอบหมายให้สำเร็จ”
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ มู่หมิงจึงเอ่ยปากพูด: “เวลาไม่เคยคอยท่า แซ่มู่อยากอาศัยค่ายวาร์ฟล่องหนของที่นี่ ไล่ล่าหมอนั่น”
“ผู้เพื่อนยุทธ์เชิญ! แซ่จี้ก็วางแผนจะทำเช่นนี้เช่นกัน!”จี้เฟิงหัวเราะฮ่าฮ่า
“เจ้าและข้าต่างเป็นราชาเทพ การไล่ล่าผู้น้อยกระจอก ๆ นั้น สามารถทำได้ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปาก!”มู่หมิงก็หัวเราะเช่นกัน
……
วาร์ฟล่องหน ห้วงเวลาสับสนปนเป หลัวซิวและปีศาจทั้งเก้าต่างควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ถูกกฎปริภูมิดั้งเดิมที่มหาศาลห่อหุ้ม ข้ามผ่านอนัตตาไปอย่างรวดเร็ว
เสี้ยววินาทีที่หลัวซิวถูกส่งออกไป ณ ใจกลางสถานผนึกดารามรณะ โครงกระดูกและซากศพที่ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ ในระลอกคลื่น มีเสียงที่แหบแห้งดังออกมาจากโลงศพโบราณขนาดใหญ่ที่ทำมาจากทองสัมฤทธิ์
“พลังออร่าของวัฏสงสาร……แต่ทว่าเขายังอ่อนเกินไป……”
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เหนือนภาโลกาดาราใบหนึ่งที่อยู่ห่างจากดาราฟ้าเยือกไกลแสนไกล มีลำแสงขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมา ทะลุผ่านห้วงดาราและชั้นบรรยากาศ จนร่วงหล่นลงพื้นดินจนดังสะเทือนเลือนลั่น