มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1480
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1480
ในสถานผนึกดารามรณะ เนื่องจากถูกกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดกระทบ ยิ่งศักยภาพของนักยุทธ์ที่เข้ามาในบริเวณนี้สูงเท่าไหร่ ทอร์นาโดมรณะและอัสนีมรณะที่ระเบิดออกมาก็จะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น
มีพลังออร่าเสี้ยวหนึ่งของจ้าวมหาเทพแผ่ออกมาจากดาวโบราณทั้ง 18 ดวงที่อยู่ในร่างกาย ทำให้สถานผนึกดารามรณะปะทุออกมารุนแรงในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผลการฝึกตนของจี้เฟิงสูงที่สุด ด้วยเหตุนี้ทอร์นาโดสายฟ้าที่เขาแบกรับจึงน่ากลัวที่สุด
ทุกครั้งที่ปะทะกัน หลัวซิวก็จะถูกโจมตีจนกระอักเลือด แต่ทว่าสถานการณ์ของจี้เฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก มีพลังการกัดกร่อนจากกฎความตายแฝงอยู่ในทอร์นาโดสายฟ้าที่น่าสยดสยอง เขารู้สึกว่าพลังชีวิตในร่างกายตนกำลังถูกช่วงชิงไปอย่างต่อเนื่อง เกราะเทพสีเขียวที่อยู่บนตัวเป็นหลุมเป็นบ่อ พลานุภาพลดฮวบ
“ผังดาวตก!”
หลัวซิวใช้พลังอมตะ เงาลวงของดวงดาวโบราณทั้ง 18 ดวงบินออกมาจากแผนที่ดาว พุ่งชนเข้าไปทางจี้เฟิงจนเสียงดังครั่นครืน
ดวงดาวโบราณทั้ง 18 ดวงนี้เป็นภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพ แต่ทว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวยังมีไม่พอต่อการกระตุ้นควบคุมมัน จึงปล่อยพลังเงาสะท้อนของดวงดาวโบราณทั้ง 18 ดวงออกมาได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นพลังเงาสะท้อน แต่ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลย พลังนี้สามารถสังหารกึ่งราชาเทพได้อย่างง่ายดาย
“ไปตายซะเถอะ!”
จี้เฟิงแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะคอกอย่างพิโรธ ฟาดฟันกระบี่เทพที่อยู่ในมือออกมา ตัดเงาลวงของดวงดาวโบราณทั้ง 18 ขาด จากนั้นเงาร่างเขาก็ถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว หวังจะออกจากสถานผนึกดารามรณะนี้
“เจ้าเด็กเดรัจฉาน หากมีปัญญาจริงเจ้าก็อยู่ที่นี่ไปตลอดสิ ขอเพียงเจ้ากล้าออกมา ข้าก็จะบดขยี้เจ้าให้ตายดั่งมดตัวจ้อยตัวหนึ่ง!”
จี้เฟิงไม่อยากเอาร่างกายตนมาเสี่ยง เนื่องจากพลังที่อยู่ภายในนี้มันบ้าระห่ำถึงขั้นที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเขาแล้ว
เขาจึงเลือกวิธีการที่มั่นใจมากที่สุด ออกจากที่นี่ชั่วคราวแล้วคอยจัดการหลัวซิวอยู่ข้างนอก
หลัวซิวอยากขัดขวางเขา แต่ทักษะการโจมตีทั้งหมดของเขา มากสุดก็แค่สามารถสร้างปัญหาให้กับจี้เฟิงได้เล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อเขาได้
จี้เฟิงเลือกที่จะถอยอย่างเดียว ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ ระยะห่างของทั้งสองก็ห่างกันไกลมาก ๆ แล้ว เขาหายวับไปในสายตาหลัวซิว
ในเสี้ยววินาทีที่จี้เฟิงจากไป พลังอันบ้าคลั่งในสถานผนึกดารามรณะก็พรั่งพรูออกมา ทำให้เงาร่างของหลัวซิวจมหายไป
พลังนี้แข็งแกร่งมากเกินไป เพียงพอที่จะสร้างภัยคุกคามต่อจี้เฟิงที่มีผลการฝึกตนระดับราชาเทพ จึงทำให้เขาเลือกที่จะถอยกลับอย่างหวาดกลัว ถึงแม้หลัวซิวจะไม่เกรงกลัวการกัดกร่อนจากกฎความตายก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้าดูถูกพลังดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย ประสานอินแสดงตราธรรมจุติมรณะออกมา ด้านหลังมีวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดหนึ่งปรากฏ รวบรวมความคิดทั้งหมดไว้ที่จิตใจ
พลังกฎความตายสามารถถูกพลังจุติมรณะทำให้หมดสิ้นไป แต่พลังที่แฝงซ่อนอยู่ในทอร์นาโดและสายฟ้ากลับไม่ได้อยู่ในขอบเขตของกฎ
หลัวซิวใช้ทุกวิถีทางเพื่อมาต้านทานพลังโจมตีนี้ เมื่อการปะทุในสถานผนึกดารามรณะค่อย ๆ สงบลง กำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรนั้นของเขาก็เสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว ใบหน้าขาวซีด เลือดเนื้อบนร่างกายเละจนมองไม่ชัด
พลังกฎชีวิตกำลังโคจรอยู่ในร่างกาย ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บกำลังถูกซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าหลัวซิวกลับไม่กล้าหยุดอยู่ที่เดิมเลยแม้แต่วินาทีเดียว เงาร่างของเขาหายเข้าไปในส่วนลึกของสถานผนึกดารามรณะ
ผลการฝึกตนยิ่งสูง บาดแผลก็ยิ่งฟื้นฟูยาก โชคดีที่กฎชีวิตของหลัวซิวบรรลุถึงแดนดั้งเดิมขั้น 2 แล้ว ด้วยเหตุนี้ความเร็วในการฟื้นฟูของบาดแผลเขานั้นจึงค่อนข้างเร็วเลย
ยาและแก้วเทวจำนวนมากถูกหลัวซิวเอาออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลการฝึกตนที่สูญเสียไปแล้วก็ถูกเพิ่มเสริมกลับคืนมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่ออยู่ในที่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความอันตรายเช่นนี้ เขาจึงจำเป็นต้องคงสภาพกำลังรบของตนให้เหมือนอย่างเดิมอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเขาก็อาศัยลูกแก้วความเป็นตาย สิ่งที่เขานึกไม่ถึงคือมันสามารถร่วมกับกฎความตายในนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน ราวกับว่าเขาก็กลายเป็นหนึ่งในดวงดาวมรณะกลางห้วงดารานี้ยังไงอย่างนั้น
ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนมีจิต ล้วนมีชีวิต นักยุทธ์ทำลายกฎธรรมชาติ การบรรลุในทุกแดนใหญ่สามารถทำให้อายุไขของตัวเราเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้จะฝึกจนถึงระดับที่สูงที่สุดอย่างแดนจักรพรรดิเทพ ก็คงอยู่ได้เพียงร้อยล้านปีเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องสิ้นสุดชีวิตด้วยการนั่งฌานละสังขาร
ดวงดาวในจักรวาลนี้ก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน หลังจากผ่านพ้นกาลเวลาที่นับไม่ถ้วนมาอย่างช้า ๆ อายุไขของดวงดาวก็สิ้นสุดได้เช่นกัน และกลายเป็นดาวมรณะ
ดวงดาวมรณะจะล่องลอยอยู่ในจักรวาลดารา แผ่ออร่าความตายที่สูงเทียมฟ้าออกมา และอสูรจิตในดวงดาวก็จะหายสาบสูญไปหมดสิ้น