มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 148 ทางเลือก
บทที่ 148 ทางเลือก
เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบอยู่ต่อหน้าเช่นนี้ ภายในใจของหลัวซิวเองก็เริ่มเกิดความคิดที่แปลกประหลาด เขานึกถึงตอนที่รักษาโรคชีพจรขาดธาตุไฟของลู่เมิ่งเหยาอย่างกะทันหัน มันก็เป็นภาพแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเห็นหลัวซิวกำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วถอนหายใจ เหยียนเยว่เอ่อร์ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาคิดถึงเรื่องอะไรในอดีต
เรือนร่างถูกมองจนหมดแล้ว เหยียนเยว่เอ่อร์ไม่ได้รู้สึกเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป นางรับเสื้อมาจากมือของหลัวซิวอย่างนิ่งสงบ หลังจากนั้นสวมเสื้อผ้าของเขาโดยตรง และไม่ได้ขอให้เขาหันหลังไป
แต่ทว่าหลิวซิวกลับรู้ ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งคนนี้ ตอนที่นางกำลังหมดสติได้แสดงด้านอ่อนแอที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจออกมา
“ขอบคุณที่ช่วยข้า” หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย คนทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากันภายในถ้ำ เหยียนเยว่เอ่อร์พูดขอบคุณหลัวซิว
“เจ้าคงจะไม่ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรอกมั้ง?” หลัวซิวยิ้มแล้วพูดติดตลก บรรยากาศที่น่าอึดอัดเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เหยี่ยนเยว่เอ่อร์มองหลัวซิว ริมฝีปากสีแดงกระตุกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้ากลัวข้าจะลงมือกับเจ้า แล้วเหตุใดต้องช่วยข้า?”
จากการฝึกฝนอย่างหนักมายาวนานสามร้อยปี น้อยครั้งที่นางจะใกล้ชิดกับคนนอก จิตใจที่สงบนิ่งเหมือนน้ำในก้นบ่อเริ่มเกิดคลื่น
หลัวซิวไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะความอ่อนแอที่นางแสดงออกมาจากภายในใจ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
ความอ่อนแอของผู้หญิงคนนี้ราวกับถูกเก็บเป็นความลับไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ในตอนนั้นเอง สายตาของหลัวซิวเย็นชาลง เงยหน้าขึ้นมองไปทางด้านนอกของถ้ำ
ภายใต้ประสาทสัมผัสของเขา มีกลิ่นอายของจอมยุทธ์มนุษย์หลายคนกำลังเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
เห็นปฏิกิริยาของหลัวซิว เหยียนเยว่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางไม่สามารถใช้การสำนึก ย่อมไม่สามารถรับรู้มีคนกำลังเข้าใกล้
“มีคนมาแล้ว” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
หลังจากได้ยิน สีหน้าของเหยียนเยว่เอ่อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เป็นเหว้ยหยุนกู่และเหอปาซาน”
เห็นหลัวซิวแสดงสีหน้าที่สงสัย เหยียนเยว่เอ่อร์พูดอธิบาย “พวกเขาสองคนโดนข้าปลูกกฎห้ามเหว้ย น่าจะตามปฏิกิริยาของกฎห้ามเหว้ยมา พวกเขาสัมผัสได้ถึงเทพจิตของข้าได้รับความเสียหาย สูญเสียการควบคุมกฎห้ามเหว้ย ดังนั้นจึงตามหาที่นี่จนพบ”
หลังจากได้ยินคำว่ากฎห้ามเหว้ย สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะเมื่อไหร่ที่ถูกลงกฎห้ามเหว้ย ความเป็นตายก็จะอยู่ในการควบคุมของคนอื่น กลายเป็นทาสรับใช้
คนทั้งสองลุกขึ้นยืนเดินออกจากถ้ำ
แอ่งน้ำด้านข้างของน้ำตก หลัวซิวมองไปด้วยความสงสัย เห็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่และผู้ชายสวมชุดสีขาว และคนที่ถูกมัดรวมกันเจ็ดคน
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็คือเหอปาซาน ส่วนชายชุดสีขาวคือเหว้ยหยุนกู่
เป็นเหมือนกับที่เหยียนเยว่เอ่อร์พูด พวกเขาสัมผัสได้ถึงกฎห้ามเหว้ยที่สูญเสียการควบคุมในทะเลแห่งการสำนึก โดยทั่วไปแล้วมันหมายความว่าเหยียนเยว่เอ่อร์ตายแล้วหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถใช้แม้กระทั่งการสำนึก
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว ล้วนแต่เป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดสำหรับการปลดกฎห้ามเหว้ย
และตอนนี้เห็นเหยียนเยว่เอ่อร์เดินออกมาจากถ้ำ ในเมื่อนางไม่ตาย เห็นได้ชัดว่าต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน จึงสูญเสียการควบคุมกฎห้ามเหว้ย
บนใบหน้าของเหอปาซานเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว “นางหนู ตอนที่เจ้าปลูกกฎห้ามเหว้ยใส่ข้า เคยคิดหรือไม่ว่ามันจะมีวันนี้?”
ส่วนเหว้ยหยุนกู่ชายชุดขาวสายตาของเขากำลังจ้องหลัวซิวที่อยู่ด้านข้างของเหยียนเยว่เอ่อร์ เหยียนเยว่เอ่อร์สูญเสียแม้กระทั่งการควบคุมกฎห้ามเหว้ย เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่ต้องกังวลแล้ว แต่เด็กหนุ่มที่อ้างตนว่าชื่อหลิวซิว กลับเป็นศัตรูตัวฉกาจอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาจำได้อย่างชัดเจน หวงหยวนซานที่มีระดับการฝึกฝนดินแดนพรสวรรค์ขั้นแปดโดนเขาฆ่าด้วยกระบี่เดียว!
“คุณชายหลัวซิว ผู้น้อยเหว้ยหยุนกู่”
ผู้ชายชุดสีขาวยกมือขึ้นประสานคารวะให้กับหลิวซิวแล้วพูด “ข้าโดนลงกฎห้ามเหว้ย ความเป็นตายไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง ขอเพียงคุณชายหลัวซิวส่งผู้หญิงที่อยู่ข้างกายให้ข้า ข้าจะจดจำบุญคุณของคุณชายไว้แน่นอน”
ท่าทีของเหว้ยหยุนกู่คนนี้สุภาพเป็นมิตร เห็นได้ชัดไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับหลัวซิว
เหยียนเยว่เอ่อร์ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา ชี้เหว้ยหยุนกู่แล้วพูดกับหลัวชิว “เจ้าเห็นท่าทีของคนผู้นี้สุภาพเป็นมิตร เป็นเพราะหวั่นเกรงในพลังของเจ้า แต่หากเจ้าได้รู้ว่าคนผู้นี้เพื่อฝึกวิชามาร ถึงขั้นสังหารชาวบ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งไปสามร้อยกว่าชีวิต เจ้าจะไม่คิดเช่นนี้”
หลังจากนั้น เหยียนเยว่เอ่อร์ชี้ไปที่เหอปาซานชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ “คนผู้นี้มีกิเลสตัณหาเป็นสันดาน ล่วงประเวณี ปล้นสะดม เคยมีความคิดที่ชั่วร้ายกับตัวข้า เหตุนี้จึงโดนข้าปลูกกฎห้ามเหว้ย ควบคุมชีวิตของเขา”
“หากไม่ได้เป็นเพราะเพื่อสังเวยเลือดเปิดแท่นบูชาค่ายวาร์ปของแดนนานาอสูร ข้าไม่มีทางไว้ชีวิตพวกเขาอย่างแน่นอน”
“ฮึ่ม พวกเราไม่ใช่คนดี แล้วผู้หญิงอย่างเจ้าเป็นคนดีเหรอ? เจ้าพาพวกเรามาถึงแดนนานาอสูร ทั้งหมดก็เพื่อฆ่าพวกเรา ใช้พลังและเลือดของจอมยุทธ์สังเวยค่ายกล แล้วจิตใจของเจ้าอำมหิตเพียงใด?” เหว้ยหยุนกู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เหยียนเยว่เอ่อร์ไม่คิดแบบนั้น พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ที่ผ่านมาข้าสังหารคนล้วนมีหลักการ อย่างเช่นขยะอย่างพวกเจ้าก็สมควรตายแต่แรก ใช้เลือดของพวกเจ้าเป็นเครื่องสังเวยแล้วมันอย่างไร?”
ขณะที่พูด เหยียนเยว่เอ่อร์มองไปทางหลัวซิว “ไม่ว่าจะเป็นทั้งทาสร้อยคนหรือเหว้ยหยุนกู่ เหอปาซานและรวมไปถึงจอมยุทธ์พรสวรรค์ที่ถูกข้าพาเข้ามาในแดนนานาอสูร ล้วนแต่เป็นบุคคลที่เคยก่อกรรมทำเข็ญมานับไม่ถ้วน คนเช่นนี้ปล่อยไว้ก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อน!”
ที่นางพูดคำพูดเหล่านี้กับหลัวซิว อันที่จริงแล้วก็เป็นเพราะว่าไม่อยากให้หลัวซิวคิดว่าตนเองเป็นพวกผู้หญิงจิตใจอำมหิต
“ผู้หญิงอำมหิตอย่างเจ้าใช้เลือดสังเวยค่ายกล เจ้ายังมีเหตุผลอีกหรือ?”
“คุณชายหลัวซิวอยากฟังคำพูดเหลวไหลของนาง ระวังโดนอาคมของนาง ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง!”
จอมยุทธ์พรสวรรค์ทั้งเจ็ดคนที่โดนทำลายผลการฝึกตนก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ
คนพวกนี้ เจ้าพูดคำข้าพูดคำ หลัวซิวกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว
ถูกหรือผิดเรื่องมันไม่เกี่ยวกับข้า!
แม้เขาจะลงมือช่วยเหลือเหยียนเยว่เอ่อร์ แต่บุญคุณความแค้นของเหยียนเยว่เอ่อร์และเหว้ยหยุนกู่รวมไปถึงคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเขา!
เขาไม่จำเป็นต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเคยคิดฆ่าเขาเพื่อแย่งชิงหยกอสูร
สังเกตเห็นหลัวซิวคนนี้ไม่มีท่าทีหวั่นไหว เห็นได้ชัดเหยียนเยว่เอ่อร์ก็คาดคิดไม่ถึงว่าจิตใจของเขาจะหนักแน่นขนาดนี้ ไม่ได้รับผลกระทบต่อคนนอกแม้แต่นิดเดียว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลัวซิวคนนี้มีหลักการของตัวเอง อาศัยเพียงลมปาก ไม่สามารถทำให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยนางรับมือกับเหว้ยหยุนกู่และเหอปาซาน
“หากต้องการเข้าเขตที่สาม แม้มีหยกอสูรจันทราคู่ก็จำเป็นต้องใช้พลังและเลือดของจอมยุทธ์มาสังเวย เจ้าช่วยข้าลงมือหนึ่งครั้ง ข้าจะบอกความลับที่เกี่ยวข้องกับแดนนานาอสูรให้เจ้า!” เหยียนเยว่เอ่อร์พูดเช่นนี้
“คุณชายหลัวซิวอย่าเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้ แม้นางจะได้รับบาดเจ็บ กลับสามารถใช้การสำนึกปลูกกฎห้ามเหว้ย ความแข็งแกร่งของนางต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ฝึกจิตขึ้นไปอย่างแน่นอน หากใช้พลังและเลือดของนางมาสังเวย ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมต้องดีกว่าพวกข้า” เหว้ยหยุนกู่พูด
ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเหยียนเยว่เอ่อร์ ล้วนแต่ต้องพยายามดึงหลัวซิวมาอยู่ฝั่งของตนเอง
“ใช้เลือดของพวกเขาทั้งเก้าสังเวยก็เพียงพอ ขอเพียงเจ้าพาข้าเข้าไปในเขตที่สาม ข้าพร้อมจะบอกความลับให้เจ้า ผลประโยชน์ที่เจ้าได้รับไม่สามารถประเมิน”
“คุณชายหลัวซิว ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิต หากเจ้าเชื่อนาง เมื่อไหร่ที่พลังของนางฟื้นฟูกลับมา ต้องฆ่าเจ้าเป็นคนแรกอย่างแน่นอน”
ทั้งสองฝ่ายโต้แย้ง หลัวซิวยังคงไม่รู้สึกหวั่นไหว
ในโลกของผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า ผู้คนทั่วใต้หล้าทำเพื่อผลประโยชน์ หลัวซิวก็ไม่มีข้อยกเว้น
########################