มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 140 มุ่งหน้าไปยังแดนนานาอสูร
บทที่ 140 มุ่งหน้าไปยังแดนนานาอสูร
“ข้ามีแผนที่ลับจริง หากท่านเองก็อยากไปแดนนานาอสูร ร่วมเดินทางไปด้วยกันได้” สาวผมแดงกล่าว
“แดนปริศนาเป็นห้วงเวลาพิเสษที่หลงเหลือมานับแต่โบราณ ในบรรดาสามแดนปริศนาของประเทศเทียนหวูเรา แดนนานาอสูรลึกลับที่สุด ว่ากันว่ามีสมบัตินับไม่ถ้วน” จอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้นแปดคนนั้นร่วมพูดด้วย
“ถ้าข้าจะไป มีเงื่อนไขอันใด?” หลัวซิวถามออกมาตรงๆ เขาไม่คิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องดีที่ได้มาง่ายดาย
ในเมื่อแดนนานาอสูรนี่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในสามแดนปริศนาของประเทศเทียนหวู ดูท่าแดนปริศนาที่หัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงพูดถึง คงเป็นหนึ่งในนั้น
“ข้าต้องการหญ้าคืนวิญญาณต้นหนึ่ง หลังจากเข้าไปในแดนปริศนาแล้ว พวกท่านต้องร่วมตามหาหญ้าคืนวิญญาณกับข้า ส่วนสมบัติอื่นๆที่หาได้ในแดนปริศนา ผู้ใดหาพบก็เป็นของผู้นั้น” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดแบบนี้
“หญ้าคืนวิญญาณ?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย หญ้าคืนวิญญาณเป็นยาวิเศษขั้นห้า สามารถสร้างยาฟื้นวิญญาณซึ่งเป็นยาขั้นห้า สามารถรักษาการบาดเจ็บของจิตวิญญาณจิตเทพได้
หญ้าคืนวิญญาณเป็นวัตถุยาหลักในการสร้างยาฟื้นวิญญาณ ถึงระดับจะไม่ถือว่าสูงมาก แต่นับว่าหาได้ยากยิ่ง ทำให้ราคาของยาฟื้นวิญญาณสูงค่าซะยิ่งกว่ายาขั้นหกบางชนิด
จากนั้นเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแดนนานาอสูรให้กับหลัวซิว
แดนนานาอสูรมีเจ็ดเขต จากรอบนอกสุดถึงรอบในสุด ทุกเขตมีค่ายกลปิดผนึกห้ามเข้าไว้หมดหญ้าคืนวิญญาณที่เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดถึงเติบโตอยู่ในเขตที่สาม
ส่วนทาสนับร้อยที่อยู่ด้านนอกห้องใต้หลังคาเป็นของบูชายัญที่เตรียมไว้เพื่อเปิดแดนปริศนา
พอได้ยินคำนี้ สายตาหลัวซิวกระตุกทันที เพื่อเปิดแดนปริศนาแห่งหนึ่งต้องใช้เลือดของคนร้อยคน เหยียนเยว่เอ๋อร์คนนี้ดูเป็นสาวน้อยอ่อนแอ จิตใจกลับโหดร้ายเพียงนี้
หลัวซิวเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ
ในห้องโถง นอกจากสองคนที่อยู่ข้างกายเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว อีกสิบคนที่เหลือเป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์กระจัดกระจายที่โดนนางเชิญมา
ส่วนเรื่องการเชิญระดับพรสวรรค์แต่ไม่มีปรมาจารย์ฝึกจิต ดูท่าคงกังวลว่าผู้แข็งแกร่งปรมาจารย์ฝึกจิตจะเกิดละโมบแย่งชิงแผนที่ลับในมือนาง
เป้าหมายที่แท้จริงของเหยียนเยว่เอ๋อร์หลัวซิวไม่รู้แน่ชัด แต่สำหรับแดนนานาอสูรซึ่งเป็นหนึ่งในสามดินแดนลึกลับนั้น หลัวซิวค่อนข้างสนใจ และรอคอยอยู่ลึกๆ
ในมือเหยียนเยว่เอ๋อร์ มีแผนที่อย่างละเอียดของเส้นทางวัดกวนเหลยภาพหนึ่ง เส้นทางที่ผ่านไปก็เป็นเขตปลอดภัย ไม่ได้เจออสุรกายระดับสามขึ้นไป
สองวันต่อมา ทั้งหมดมายังป่าสงบเงียบ ในป่านี้มีถ้ำขนาดใหญ่ที่ลึกไม่เห็นก้น
ที่นี่ดูแล้วไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ตามคำพูดของเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว ที่นี่เป็นทางเข้าแดนนานาอสูร
เขาเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์เดินมาข้างถ้ำขนาดใหญ่ หยิบหยกแขวนเดือนเสี้ยวที่ห้องที่คอลงมากำไว้ในมือ
“กิ๊ง!”
หยกแขวนเดือนเสี้ยวในมือนางเปล่งประกายเย้ายวนประหลาด หยกแขวนที่อยู่ในอ้อมกอดของหลัวซิวอันนั้นก็กระตุกแรงขึ้นมา และแผ่ซ่านกระแสไอเย็นออกมา
“ฟิ้ว!”
หยกแขวนพุ่งลอยออกจากในอ้อมอก และมาค้างกลางอากาศอยู่เหนือหัว
“อีกครึ่งหนึ่งของหยกอสูรจันทราคู่อยู่ในมือท่าน?”
เหยียนเยว่เอ๋อร์เห็นภาพนี้เข้า อดมองหลัวซิวอย่างสงสัยไม่ได้
นางพลันนึกถึงครั้งแรกที่เขามองตนแล้วจับจ้องหยกแขวนของตนเขม็ง ที่แท้ก็มิได้เป็นการจาบจ้วงของชายลามก หากเป็นเพราะเขาก็มีหยกแขวนที่เหมือนกัน
หลัวซิวไม่รู้ว่าหยกอสูรจันทราคู่คืออะไร แต่ก็พอแน่ใจได้ว่า คงจะเกี่ยวข้องกับแดนนานาอสูร
“ถ้าหยกอสูรจันทราคู่ประสานกัน ไม่ต้องบูชายัญเลือดก็สามารถเปิดแดนนานาอสูรได้” ตอนเหยียนเยว่เอ๋อร์พูด หยกอสูรจันทร์เสี้ยวชิ้นนั้นในมือนางก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ ไปประสานกับหยกอสูรชิ้นนั้นของหลัวซิว
หยกอสูรชิ้นหนึ่งส่องแสงสีเลือด ประหนึ่งจันทราสีเลือด
หยกอสูรชิ้นหนึ่งส่องแสงเงิน ประหนึ่งจันทราสีเงิน
หยกอสูรจันทราสีเลือดก็คือชิ้นนั้นของเหยียนเยว่เอ๋อร์ หยกอสูรจันทราสีเงินคือชิ้นที่อยู่กับหลัวซิว
ตามคำพูดของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ถ้ามีหยกอสูรจันทราคู่อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ต้องบูชายัญเลือด
เห็นแค่จันทราสีเลือดและจันทราสีเงินที่ลอยกลางอากาศค่อยๆเข้าใกล้กัน จนแนบชิดประสานกัน
“ปิ้ง!”
ถ้ำขนาดใหญ่ด้านล่างส่องแสงสีเลือดและสีเงิน สองแสงสอดประสานกันกลายเป็นค่ายกลแสงขนาดใหญ่ที่ดูซับซ้อน
นี่เป็นค่ายกลหนึ่งที่มีการสอดประสานของอักขระค่ายกล ตัวหนังสือกระพริบที่ดูซับซ้อนลึกซึ้ง ลอยอยู่ด้านบนถ้ำ
เหยียนเยว่เอ๋อร์กระโดดขึ้นไป หยุดลงที่ด้านบนแสงที่สีเลือดสีเงินสอดประสานกัน แสงกลุ่มนั้นดูแข็งแรงนัก ไม่ได้ทำให้นางหล่นลงมา
“ทุกคนขึ้นมาเถิด จะเข้าแดนปริศนาแล้ว” เหยียนเยว่เอ๋อร์ก้มหน้ามองพลางบอกทุกคน
ชายชุดขาวที่เดินมากับนางและชายร่างยักษ์ไม่ได้ลังเลใดๆ และกระโดดขึ้นไปยืนหลังนาง
คนอื่นก็ไม่สงสัย พุ่งทะยานขึ้นไป และมองแสงใต้ฝ่าเท้าอย่างแปลกใจ รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อมาก
รอจนทุกคนขึ้นไปยืนบนค่ายกลแสงหมดแล้ว เหยียนเยว่เอ๋อร์ยื่นมือไปจับหยกอสูรสองอันที่ลอยอยู่กลางอากาศ
หลัวซิวตากระตุก ลงมือพร้อมกัน คว้าจับหยกอสูร
สุดท้ายเหยียนเยว่เอ๋อร์จับได้หยกอสูรชิ้นนั้นที่เป็นของนาง และหลัวซิวก็จับได้อีกชิ้น
ในพริบตาที่หยกอสูรสองชิ้นถูกเก็บไป แสงสว่างจ้าวาบขึ้น ผู้คนที่ยืนอยู่บนค่ายกลแสงพลันหายไปไร้ร่องรอย ด้านบนของถ้ำขนาดใหญ่ก็กลับสู่ความสงบ ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ส่วนทาสร้อยคนที่โดนเหยียนเยว่เอ๋อร์พามา ก็ได้แต่อยู่ที่นี่ หาทางรอดเอาเอง
พริบตาที่โดนแสงโอบอุ้ม หลัวซิวรู้สึกเหมือนนั่งวาร์ป ร่างกายโดนแรงในห้วงอากาศบีบรัด ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
เหมือนผ่านไปแค่พริบตาเดียว หลัวซิวรู้สึกว่าสองขาของตนยืนลงบนพื้น และกวาดตามองรอบๆอย่างระแวดระวัง พบว่าตนอยู่ในป่าทึบมืดแห่งหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์
แดนปริศนาเป็นห้วงเวลาพิเศษที่หลงเหลือมานับแต่โบราณ และมันแสดงว่าทุกคนไม่ได้อยู่ในประเทศเทียนหวู แต่อยู่ในห้วงเวลาที่แบ่งแยกกับโลกภายนอก
ตามตำนานเล่าว่าห้วงอากาศของแดนปริศนาเริ่มสร้างในสมัยโบราณ หลัวซิวคิดไม่ออกเลยว่ามันเป็นอย่างไร ถึงทำได้ถึงขั้นนี้
นอกจากหลัวซิวแล้ว จอมยุทธ์พรสวรรค์คนอื่นก็มองไปรอบด้าน สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวังและแปลกใจ
“ที่นี่เป็นเขตแรก หญ้าคืนวิญญาณที่ข้าต้องการมีแต่ในเขตที่สาม” เหยียนเยว่เอ๋อร์ค่อยๆพูดขึ้น ดวงตางามมองหลัวซิว
เพราะหยกอสูรจันทราคู่อีกชิ้นหนึ่งอยู่ในมือหลัวซิว
ตระกูลเหยียนมีหยกอสูรแค่ชิ้นเดียว ทุกครั้งที่เปิดแดนปริศนาต้องใช้เลือดคนร้อยคนบูชายัญ และกว่าจะข้ามผ่านเขตที่หนึ่งไปเขตที่สอง จากเขตที่สองไปเขตที่สาม ก็ต้องใช้เลือดบูชายัญ
นี่เป็นสาเหตุที่เหยียนเยว่เอ๋อร์พาจอมยุทธ์พรสวรรค์พวกนั้นมา เลือดของจอมยุทธ์พรสวรรค์ต้องให้ผลลัพธ์ได้ดียิ่งกว่าเลือดจอมยุทธ์ระดับชี่ไห่พวกนั้นแน่
“พวกคนที่เข้ามาจะไม่สามารถรอดออกไปได้ ขอเพียงได้หยกอสูรในมือเขามา ไม่ต้องใช้เลือดบูชายัญ ข้าก็สามารถไปเขตที่สามได้”
เหยียนเยว่เอ๋อร์คิดในใจแบบนี้
“ทุกคนตามข้ามา พวกเราจะไปเขตที่สองกันก่อน”
เหยียนเยว่เอ๋อร์ดูเหมือนไม่ได้มาแดนนานาอสูรเป็นครั้งแรก นางเดินนำทุกคนมุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า
########################