มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1386
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1386
“ทำอย่างไรดี?”
ภายในตำหนักวัฏสงสาร เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ต่างพากันเผยสีหน้ากังวลและหนักใจขึ้นมา
เดิมทีคิดว่าเมื่อมายังโลกเสวียนเทียนอยู่ในสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ สำนักไท่เสวียนก็จะสามารถสร้างรากฐานของตนเองขึ้นได้ในโลกเสวียนเทียน ค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปทีละก้าว ๆ
แต่การเติบโตของเรื่องราวกลับมักจะเกินความคาดหมายของผู้คนอยู่เสมอ มาถึงโลกเสวียนเทียนได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว
แต่สิ่งที่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่เคร่งเครียดมากยิ่งกว่ากลับไม่ใช่ความเป็นความตายของสำนักไท่เสวียน แต่เป็นหลัวซิวที่ไม่รู้ว่าเกิดเจอกับปัญหาใดอยู่ในเวลานี้
“ซือถูเจิ้งเจี้ยน!”
ช่าจื่อเยียนยืนอยู่ด้านหน้าตำหนักวัฏสงสาร สายตามองทะลุผ่านค่ายใหญ่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ จ้องเขม็งไปยังวังเซียนนั้นที่ลอยเคว้งอยู่บนท้องฟ้าสูงนั้น
สำนักเทียนช่าในอดีต ก็เป็นกองกำลังภายใต้บัญชาของซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่เพียงเพราะการสาบสูญของชิ้นส่วนใจแห่งศุภร จึงได้ถูกทำลายล้าง เป็นความแค้นที่จะคงอยู่ตลอดไปในใจของช่าจื่อเยียน
ผลการฝึกตนในวันนี้ของนางเพิ่งจะฟื้นฟูขึ้นมาถึงแดนเทพมารขั้นสอง พลังเช่นนี้ภายใต้กองกำลังใหญ่ตรงหน้า มันไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
แม้กระทั่งทั่วทั้งสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ต่างก็ถูกล้อมปิดตายแม้แต่น้ำสักหยดยังเล็ดรอดออกไปไม่ได้ ความคิดที่จะหนีก็เป็นเพียงแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
อีกทั้งไม่เพียงแค่ซือถูเจิ้งเจี้ยนและสำนักเซียนไร้เจตสิก แม้แต่คนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินก็ยังต้องการจะจับตัวพวกเขา เพื่อแลกมาซึ่งความสงบสุขของสำนักศักดิ์สิทธิ์
“หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาอย่างนั้นหรือ?” มุมปากของช่าจื่อเยียนเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา นางรู้ดีว่าในชาตินี้ของตนเกรงว่าจะไม่สามารถแก้แค้นให้กับพ่อบุญธรรมและศิษย์ของสำนักเทียนช่าได้แล้ว
ในเวลานี้เอง กลางอนัตตาก็พลันมีเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมา
“ไอ้หมาแก่ซือถู เจ้าต้องการพบข้าไม่ใช่รึ? ข้าอยู่ตรงนี้ ถ้ามีความสามารถเจ้าก็ตามมาสิ!”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น สายตานับไม่ถ้วนมองขึ้นไปเป็นตาเดียว ณ สุดขอบฟ้าอันไกลโพ้น มีชายหนุ่มชุดขาวยืนอยู่กลางอากาศ เอามือไขว้หลังไว้ นั่นคือหลัวซิว!
หลัวซิวชุดคลุมขาวก็คือร่างแยกกฎชีวิต ที่ครั้งนี้ปรากฏตัวขึ้นก็เพื่อดึงซือถูเจิ้งเจี้ยนให้แยกออกมา ยื้อเวลาให้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ถ้าจะให้พูดให้ถูกก็คือเพื่อยื้อเวลาให้คนของสำนักไท่เสวียน
กลางวังเซียน รัศมีเปล่งประกายปะทุขึ้นมา กลายเป็นใบหน้าคนขนาดใหญ่ ดวงตาอันน่าหวาดกลัวจ้องมองไปที่หลัวซิว พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยออร่าความน่าหวาดเกรง “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เจ้าช่างกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าด้วยตนเองงั้นรึ ดูสิว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปได้อย่างไร!”
ระหว่างที่พูด มือสีดำขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากวังเซียน ทะลุข้ามผ่านอนัตตานับพันลี้ พุ่งตรงไปจับหลัวซิว
ร่างของหลัวซิวกลายเป็นสำแสง พุ่งออกไปยังผืนฟ้า
“ข้าจะไปจับไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มาด้วยตนเอง พวกเจ้าโจมตีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินเดี๋ยวนี้ แล้วจับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวไอ้สัตว์เดรัจฉานมาให้หมด!”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนคำรามด้วยความโกรธ วังเซียนบินพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ไล่ตามหลัวซิวออกไป
กลางอนัตตาไม่สิ้น ความเร็วของเรือรบสีดำถูกขับเคลื่อนถึงขีดสุด
ซือถูเจิ้งเจี้ยนขับเคลื่อนวังเซียนไล่ตามมา วังเซียนนี้ก็คืออัญเทพฟ้าชิ้นหนึ่ง ความรวดเร็วนั้น ไม่ด้อยไปกว่าปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทิน
แต่ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินกลับไม่ได้อยู่บนตัวของหลัวซิวชุดคลุมขาว เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จะหนีการไล่ล่าของซือถูเจิ้งเจี้ยนได้เลย
แต่เหตุที่หลัวซิวชุดคลุมขาวยังกล้าปรากฏตัวขึ้นมานั้น ก็เป็นเพราะว่าร่างแยกกฎความตายใกล้จะมาถึงแล้ว!
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ครานี้ข้าจะดูว่าเจ้ายังสามารถหนีไปไหนได้อีก!”
วังเซียนพุ่งเขาไปในอนัตตาไม่สิ้น โซนที่สลายเป็นเกรียวคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้เลยแม้แต่น้อย ต่างก็ถูกวังเซียนฝืนฝ่านทะลุเข้าไปได้ อย่างไร้ความกังวล
ซือถูเจิ้งเจี้ยนพลังเทพหลอมรวม กลายเป็นโซ่สีดำสนิทเส้นหนึ่งบินออกมาจากวังเซียน ความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด คดเคี้ยวไปทางหลัวซิวที่กำลังหลบหนีอยู่ด้านหน้า
“ปัง!”
ในเวลานี้เอง อนัตตาระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เรือรบลำหนึ่งที่มีสีดำสนิทขนาดมหึมาบดขยี้โซนพุ่งตรงเข้ามา
ด้วยความเร็วของวังเซียนและเรือรบสีดำนั้นปะทะเข้ากันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เกิดเสียงก้องดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน