มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1305
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1305
เมื่อปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และปณิธานของกฎฟ้าดิน ตราบใดที่อายุไขของร่างที่ยึดครองมานี่ยังไม่สิ้นสุด ราชาเทพเผ่าปีศาจก็จะไม่สามารถทำการยึดครองร่างครั้งที่สองได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงทำให้อสูรจิตดวงอื่น ๆ ในโลกาอสูรฟ้ามีโอกาสทำลายพันธนาการได้
แต่การจะบรรลุเป็นราชาเทพนั้นมันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งมาก ประมาณหนึ่งแสนพิภพกลางถึงจะกำเนิดราชาเทพคนหนึ่ง เวลาผ่านพ้นไปเป็นสิบล้านปีแต่ก็ใช่ว่าจะกำเนิดราชาเทพคนหนึ่งได้เสมอไป กว่าอายุไขของร่างที่ราชาเทพเผ่าปีศาจยึดครองมานี้จะสิ้นสุด ก็ไม่รู้เช่นกันว่าต้องรออีกกี่ปี ราชาเทพคนต่อไปในโลกาอสูรฟ้าถึงจะกำเนิด
อีกทั้งชั่วชีวิตที่ยึดครองมาได้นี้ ก็ใช้วิธีแบบเดียวกันมาบุกเบิกพิภพใหม่เช่นกัน เนื่องจากตราชีวีของร่างที่ยึดมาถือว่าเป็นของราชาเทพเผ่าปีศาจไปแล้ว ตราชีวีดั้งเดิมอื่น ๆ ก็ผสมเข้าไปในกมลโลกาใบนี้ตั้งนานแล้ว
“ถูกต้อง! ชั่วชีวิตของผู้ที่ข้ายึดครองมาได้นี้ มีนามว่าซือถูเจิ้งเจี้ยน เป็นอดีตเจ้านภาสำนักปีศาจมารในโลกาอสูรฟ้า!”
ราชาเทพเผ่าปีศาจแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น“หากเจ้าจากไปบัดเดี๋ยวนี้ ข้าสามารถมองข้ามการยึดสารพลังชีวิตของเจ้าได้ มิเช่นนั้นร่างผันในชั่วชีวิตนี้ของข้าสามารถออกคำสั่งให้แก่ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในโลกาอสูรฟ้าได้ตลอดเวลา ทำให้เจ้าจนตรอกหนีไปไหนไม่ได้!”
“ซือถูเจิ้งเจี้ยน?”รูม่านตาหลัวซิวหดลงไปกะทันหัน
เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฟ้าดินนี้มันจะบังเอิญเช่นนี้ ประวัติความเป็นมาของซือถูเจิ้งเจี้ยนเป็นเช่นนี้อย่างนั้นหรือ ตัวตนในปัจจุบันของเขาคือราชาเทพเผ่าปีศาจโบราณคนหนึ่ง!
“เช่นนี้ก็หมายความว่าเจ้าเป็นผู้ทำลายล้างสำนักเทียนช่าในโลกเสวียนเทียนหรือ?”หลัวซิวถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“หื้ม?”ราชาเทพเผ่าปีศาจตะลึงเล็กน้อย จากนั้นแววตาเขาก็ดูดุดันขึ้น“เจ้าเป็นกากแดนของสำนักเทียนช่าหรือ?”
พูดได้เลยว่าซือถูเจิ้งเจี้ยนก็คือราชาเทพเผ่าปีศาจ ที่เขาทำให้สำนักเทียนช่าล่มสลายนั้น เป็นเพราะเศษใจแห่งศุภรหายไป เดิมทีเขาคิดที่จะจับกุมตัวช่าจื่อเยียนไปด้วย แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าลูกน้องของตนจะไร้ประโยชน์เช่นนั้น ปล่อยให้นางหนีรอดไปได้และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้าคิดผิดแล้ว ข้ามิใช่คนในสำนักเทียนช่า แต่กลับมีความแค้นที่ต้องสะสางกับเจ้า!”จู่ ๆ หลัวซิวก็หัวเราะออกมา แต่ทว่าเสียงหัวเราะของเขากลับเยือกเย็นมากถึงขั้นสุด
“ณ ตอนนี้ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่กลับสามารถทำลายตราชีวีของเจ้าทิ้งก่อนได้ ตัดโอกาสการบุกเบิกพิภพและเส้นทางแห่งการมีอายุชั่วนิรันดร์ของเจ้าในอนาคต!”
พลังจุติมรณะ ดูดซับให้เต็มที่!
หลัวซิวโคจรวรยุทธ์ให้ถึงที่สุดในทันที ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่อสูรจิตในโลกาอสูรฟ้าอยู่แล้ว ราชาเทพเผ่าปีศาจผู้นี้จึงไม่สามารถเรียกใช้พลังของทั่วทั้งฟ้าดินมาจัดการตัวเอง
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”ราชาเทพเผ่าปีศาจโกรธเกรี้ยวอย่างมาก หากตราชีวีถูกทำลายทิ้ง เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเข้าสู่วัฏจักรการกลับชาติมาเกิด
ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่บุกเบิกพิภพเพื่อทำให้ตัวเองมีชีวิตชั่วนิรันดร์นั้น ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้มีชีวิตชั่วนิรันดร์อย่างแท้จริง
การจำกัดของปณิธานกฎฟ้าดิน ทำให้ทุกคนยึดครองร่างได้เพียงเก้าครั้งเท่านั้น หลังจากที่ผ่านการยึดครองร่างเก้าครั้งแล้ว ก็จะก้าวข้ามผ่านแดนใหญ่หนึ่งแดน ตราชีวีที่ผสมเข้ากับกมลโลกาก็จะจางหายไปด้วย
หลังจากที่นักยุทธ์ทั่วไปเสียชีวิตไปแล้ว คนเหล่านั้นก็จะเข้าสู่วัฏจักรการกลับชาติมาเกิด ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ใช้การบุกเบิกพิภพมาทำให้ตัวเองมีชีวิตชั่วนิรันดร์นั้น ทันทีที่ตราชีวีของพวกเขาค่อย ๆ หายไป ก็จะไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการเข้าสู่วัฏจักรการกลับชาติมาเกิด จิตวิญญาณดับสลายสูญสิ้นไปอย่างแท้จริง!
เพราะฉะนั้นหากอยากมีชีวิตยืนยาวขึ้น ก็ต้องบรรลุขีดจำกัดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
แม้กระทั่งจักรพรรดิเทพผู้สูงส่งก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งยุคสมัยเท่านั้น และต้องจากไปในที่สุด ชีวิตชั่วนิรันดร์ที่แท้จริงมันจะง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร? มิเช่นนั้นกฎระเบียบของทั่วทั้งจักรวาลคงเละเทะไปตั้งนานแล้ว
ต่อให้ราชาเทพเผ่าปีศาจคนนั้นจะด่ากราด ข่มขู่อย่างไร มันก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหลัวซิว การล่มสลายของสำนักเทียนช่าทำให้เขารู้สึกละอายมากถึงมากที่สุดมาโดยตลอด เขาไม่เพียงจะกลั่นแปรตราชีวีของไอ้หมอนี่ แต่จะยึดกมลโลกาของเขาด้วย อนาคตคอยเขามีศักยภาพที่เพียงพอเมื่อใด เขายังจะฆ่าซือถูเจิ้งเจี้ยน ร่างที่เขายึดครองมาได้ในชั่วชีวิตนี้ให้สูญสลายด้วย!
……