มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1180
ช่วงที่เขาริเริ่ม มันเป็นแค่ทักษะยุทธ์หมัดกระบี่หนึ่งเท่านั้น ต่อมาเมื่อผ่านการอนุมานมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว มันก็เริ่มกลายเป็นต้นแบบของพลังอมตะ หมื่นจักรวาลไร้รูป
พูดได้เลยว่าที่เขาริเริ่มพลังอมตะนี้ เขามีความทะเยอทะยานที่สูงมาก ๆ อยากใช้พลังอมตะหนึ่ง อนุมานพลังอมตะที่ไร้ขอบเขตของสรรพโลกออกมา
แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วโลกทัศน์ความรู้ รวมไปถึงรากฐานพลังความสามารถของเขาก็ยังตื้นเขินไปหน่อยอยู่ดี ระยะทางที่อยู่ห่างจากการอนุมานสรรพวิชาให้สำเร็จยังอีกยาวไกลอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“กฎทั้งหลายในสรรพโลกาจักรวาลทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม อัสนี หยิน หยาง การเวียนว่ายตายเกิด ห้วงเวลา กฎผสานรวมต่าง ๆ รวมไปถึงกฎแยกแขนง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนกำเนิดมาจากกฎเหล่านี้”
“ปัจจุบันข้ายึดกุมกฎการเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลา ไฟ ลม อัสนี ทอง ดิน ยังขาดไม้กับน้ำ ก็สามารถรวบรวมพลังแห่งกฎทั้ง 13 พลังเข้าด้วยกันครบแล้ว!”
พูดได้เลยว่าเส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเนื่องจาก 4 กฎใหญ่อย่างกฎการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลาแล้ว อีก 9 กฎที่เหลือเขาวางแผนใช้จิตฟ้าดินมาเติมให้ครบ เพราะไม่ว่าอย่างไรพละกำลังของคนคนหนึ่งก็มีขีดจำกัดอยู่ ต่อให้ปัจจุบันเขาจะมีสามร่างในหนึ่งกายา แต่ก็ไม่สามารถตระหนักรู้กฎทั้ง 13 กฎพร้อมกันได้
มาตรแม้นว่าเป็นกฎชั้นยอดทั้งสี่อย่างกฎการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลา ก็ทำให้เขารับมือยากอย่างยิ่งแล้ว การตระหนักรู้ก็ทำได้ค่อนข้างยาก
หากเขาตั้งใจตระหนักรู้เพียงกฏเดียว หรือกฎการเวียนว่ายตายเกิดสองกฎ ผลสำเร็จของเขาต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน แต่ทว่าความทะเยอทะยานของเขามีมากเกินไป จึงส่งผลให้การเลื่อนขั้นทำได้ช้าลง
ปัจจุบันเขามีสามร่างในหนึ่งกายา ร่างแยกของกฎชีวิตในโลกแสงดาว เน้นตระหนักรู้ในกฎชีวิต ส่วนร่างแยกของกฎความตายนั้นเน้นฝึกกฎความตายและกฎปริภูมิ และร่างกลเมื่อชาติปางก่อนหลี่ยู่ตระหนักรู้ในกฎเวลาและปริภูมิสองกฎ
ในบรรดากฎทั้งหมดนี้ การตระหนักรู้ในแดนของกฎชีวิตสูงที่สุด บรรลุถึงแดนบรรลุผลขั้นสูงแล้ว ห่างจากบริบูรณ์อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ส่วนกฎความตายอยู่ในแดนบรรลุผลช่วงปลาย กฎปริภูมิอยู่ในแดนบรรลุผลช่วงกลาง แดนของกฎเวลาค่อนข้างต่ำ แค่บรรลุถึงแดนสำเร็จน้อยเท่านั้น
ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่จุติลงมาจากสวรรค์ ก็มีน้อยคนมากที่จะตระหนักรู้กฎที่มากมายเช่นนี้ในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จำนวนกฎที่ตระหนักรู้ในช่วงแรกจะมีมาก แต่จุดประสงค์ของพวกเขาก็เพื่อรวมกฎทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วสร้างกฎที่แข็งแกร่งกว่าขึ้นมา
ส่วนหลัวซิวกลับตระหนักรู้ในกฎชั้นยอดสี่ประเภทนี้พร้อมกัน แม้ความเร็วในการบรรลุจะช้า แต่ทว่าสิ่งที่ตัวเขาเองตระหนักรู้ได้นั้นกลับมีเยอะมาก ๆ
“ในบรรดาทั้ง 13 กฎ วิธีที่ทำให้กฎความตายเลื่อนแดนได้เร็วที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับคำว่าตาย!”
หลัวซิวดำเนินการนำการตระหนักรู้ต่าง ๆ ของตัวเองที่มีต่อกฎความตายรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ยึดหมื่นจักรวาลไร้รูปเป็นรากฐาน บุกเบิกพลังอมตะของกฎความตายของตัวเองขึ้นมาเป็นพลังแรก
พลังอมตะนี้คือท่าหอกหนึ่งท่า ซึ่งแก่นสารของมันอยู่ที่คำว่า‘ตาย’ มีความพังพินาศที่ยิ่งใหญ่ ความสยดสยองที่ยิ่งใหญ่แฝงซ่อนอยู่!
พลังอมตะกระบวนท่านี้ มีการตระหนักรู้ของหลัวซิวที่มีต่อกฎความตายผสมปนเปอยู่ หลังจากที่ยกระดับถึงขั้นสุดและแปรเปลี่ยนแล้ว ระดับของพลังอมตะดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นตามแดนกฎความตายของตัวเขา และอานุภาพของมันก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
เวลาผ่านไปครึ่งปีอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตั้งแต่ที่ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว ปกติเขาจะฝึกตนปิดขังบ้างเป็นบางคราว และเวลาในช่วงฝึกตนปิดขังก็จะผ่านไปเร็วมาก ๆ
เมื่อก่อนระยะเวลาในการฝึกตนปิดขังหนึ่งครั้งของเขาจะอยู่ที่สองถึงสามเดือน ผลการฝึกตนก็จะก้าวหน้าเร็วมาก แต่ครั้งนี้เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้ว แต่ทว่าผลการฝึกตนของเขากลับไม่มีการก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย
การวิวัฒนาการของสำนักเต๋าเสวียนเทียนยังคงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ เพราะถึงอย่างไรสถานะเดิมของมันคือสมบัติวิเศษ การที่จะกลืนกินดูดซับศัสตราวุธแห่งราชาที่ไม่สมบูรณ์หนึ่งชิ้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำง่ายเช่นนั้น
ในช่วงนี้หลัวซิวก็ไม่ได้ตั้งใจยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองอย่างสุดความสามารถเช่นกัน ยังคงอยู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 2 แต่กลับกลั่นแปรสมุนไพรเพิ่มพลังจำนวนมากเพื่อมายกระดับวิชาบรรพเทพโลหิตของตัวเอง ร่างเนื้อก็บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 9 ขั้นสูงแล้ว
ในขณะเดียวกันเขายังกลั่นแปรช่องจิตที่ได้รับจากการสังหารเหล่าเทพมารด้วย แดนตัวสำนึกบรรลุถึงเทพมารขั้น 3