มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1132
“ตู้ม!”
ทันใดนั้นดินหินที่อยู่ในหุบเขาก็แตกออก เงาดำร่างใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน มันอ้าปากกว้างอย่างน่ากลัว กลืนกินยอดฝีมือมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางสามคนคาที่ ทั้งสามคนไม่มีแรงที่จะขัดขืนเลยด้วยซ้ำ
เห็นเพียงมันคือตะขาบสีดำที่ลำตัวยาวเก้าร้อยกว่าเมตรตัวหนึ่ง ขานับพันข้างที่สั่นไหวไปมา ดูดุร้ายเป็นอย่างมาก
“ไอ้เดรัจฉาน!”
ความเร็วของมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนนั้นเร็วที่สุด เมื่อเห็นตะขาบสีดำมนตัวนี้ปรากฏ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป ก่อนที่เขาจะตัดสินใจถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
“แฮะ ๆ เจ้ามนุษย์……ตาย!”
ตะขาบสีดำมนพูดภาษามนุษย์ ทันใดนั้นเองก็มีพิษหลากสีพุ่งออกมาจากลำตัวของมัน ปกคลุมทั่วทั้งหุบเขาเอาไว้ภายในชั่วพริบตาเดียว
“อ๊ากก!……”
มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นทันที มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางหลายคนต้านทานหมอกพิษที่น่าสยดสยองแบบนี้ไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ มีคนโดนพิษจนร่างกายกลายเป็นหนองคาที่ ตายจนไม่เหลือซาก
เตาเทพได้ปรากฏเหนือหัวหลัวซิว แสงอาทิตย์สาดส่อง อัคคีเทพลุกโชน ทำให้หมอกพิษทั้งหมดที่ลอยใกล้เข้ามาสลายกลายเป็นแก๊ส
ก่อนหน้านี้มีการป้องกันจากค่ายกลพรสวรรค์อยู่ เพราะฉะนั้นจอมยุทธ์จำนวนมากที่อยู่นอกหุบเขาจึงสัมผัสกลิ่นอายของตะขาบตัวนี้ไม่ได้ และตะขาบตัวนี้ก็ใจเหี้ยมมากเช่นกัน มันอำพรางตัวอยู่ใต้หุบเขา รอแค่มนุษย์บุกเข้ามาในหุบเขาแล้วค่อยโดดขึ้นมาจู่โจม
และชี่โหดมหากาฬที่วนเวียนอยู่รอบตัวตะขาบตัวนี้ มีมากพอที่จะเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายเลย
“โครม!”
ทันใดนั้นเองก็มีขวานทองหนึ่งเล่มปรากฏ จามลงศีรษะของตะขาบจนเสียงดังโครม ทำให้ตะขาบตัวนี้รู้สึกมึนงงแล้วถอยหลังกลับไปรัว ๆ
ซึ่งคนที่ลงมือก็คือยอดฝีมือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนนั้นนั่นเอง เห็นเพียงเหนือหัวของเขามีหอคอยเวทย์หนึ่งหลัง ถือขวานอยู่ในมือหนึ่งเล่ม พุ่งตรงไปยังศูนย์กลางหุบเขาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด เขาอยากเก็บดอกสายโลหิตดอกนั้นไปก่อนเป็นคนแรก
มหาจักรพรรดิยุทธ์สิบกว่าคนได้เสียชีวิตไปเกือบครึ่งภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ศักยภาพของคนที่เหลือกลับไม่ธรรมดามาก ๆ ทุกคนลงมือโจมตีพร้อมกัน กดอัดตะขาบพันขาตัวนั้นได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็สามารถฆ่ามันได้แล้ว
ในขณะที่ยอดฝีมือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนนั้นคิดว่าตัวเองต้องเด็ดดอกสายโลหิตไปได้แน่นอนอยู่นั้น กลับมีเงาดำร่างหนึ่งได้ปรากฏอยู่ข้างดอกสายโลหิตอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง เขายื่นมือลงไปเด็ดยาเซียนดอกนั้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วเก็บใส่กล่องหยก
“วางลง!”
เมื่อยอดฝีมือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนนั้นเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว เขาก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที ตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
หุ่นร่างของคนดังกล่าวเตี้ยเล็ก แต่ออร่าของเขากลับเกะกะระรานมาก หอคอยเวทย์ที่อยู่เหนือหัว ขวานที่อยู่ในมือล้วนเป็นสมบัติวิเศษระดับมหาจักรพรรดิที่ทำมาจากทองเหล็กเซียน มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นอัญมณีแห่งเทพมาร
เมื่อเขาเห็นว่าหลัวซิวปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เขาก็ทราบแล้วว่าสิ่งที่คนดังกล่าวฝึกตนคือกฎปริภูมิ หอคอยเวทย์ที่อยู่เหนือหัวลอยขึ้นฟ้า แผ่กระจายออร่าที่ยิ่งใหญ่ออกมาผนึกพื้นที่ภายในหุบเขาเอาไว้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้กฎปริภูมิหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
“ข้าเป็นคนเด็ดดอกสายโลหิตลงมา มันจึงต้องเป็นของข้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เหตุใดข้าถึงต้องวางลงด้วย?”หลัวซิวยิ้มอย่างเย็นชา
“จำนวนคนที่อยู่ที่นี่มีเยอะเช่นนี้ แต่เจ้าเป็นแค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 กระจอก ๆ ก็คิดที่จะครอบครองดอกสายโลหิตเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นถ้าอ้างอิงจากความหมายของเจ้า เจ้าเป็นคนที่ผลการฝึกตนสูงสุด เพราะฉะนั้นดอกสายโลหิตต้องตกเป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วอย่างไร? ศักยภาพของข้าแข็งแกร่ง ข้าจึงกุมสิทธิ์ในการพูดได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากเจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรก็ส่งยาเซียนออกมาซะ มิเช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากหุบเขานี้ได้เลย”
บุรุษมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนนี้เบื่อที่จะพูดจาไร้สาระ ใช้อำนาจข่มขู่ในทันที แม้นเขาจะมองเห็นแล้วว่าเตาเทพที่อยู่เหนือหัวหลัวซิวคืออัญมณีแห่งเทพมาร แต่เขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
แม้นอัญมณีแห่งเทพมารจะแข็งแกร่ง แต่ก็ต้องดูก่อนว่าผลการฝึกตนของผู้ควบคุมอยู่ระดับไหน แค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 1 กระจอก ๆ จะแสดงอนุภาคของอัญมณีแห่งเทพออกมาได้มากเท่าไหร่เชียว?