มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1017
ตอนนี้เรื่องราวของเทพสงครามเอกภพก็ได้หยุดเอาไว้ชั่วคราว เทพมารทั้งสามเผ่าคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกในช่วงเวลาอันใกล้นี้ หลัวซิวรู้สึกว่าสำหรับไท่เสวียนแล้วถือเป็นโอกาสที่ดีช่วงหนึ่ง
คราวนี้เขาใช้ข้ออ้างให้แต่ละกองกำลังมาโจมตีไท่เสวียน เพื่อเตรียมที่จะกวาดเอาทรัพยากรและสมบัติจำนวนมากไป เพื่อวางรากฐานและความรู้ให้สำนักไท่เสวียนกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์
“จะว่าไปแล้วแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ก็ล่มสลายไปเพราะข้าเช่นกัน เจ้าสามารถสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ขึ้นมาใหม่ได้ หากเจ้าต้องการทรัพยากรข้าจะหาให้ หากเจ้าต้องการคนข้าก็จะหาให้เช่นกัน” หลัวซิวมองเหยียนซีโรว่ด้วยความรู้สึกผิด
“สร้างหยุนไห่ขึ้นมาใหม่รึ” เหยียนซีโรว่ชะงัก
“ตามที่ข้ารู้ตอนที่แดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ถูกโจมตี เผ่าปีศาจต้องการที่จะจับตัวท่าน ลูกศิษย์จำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่หนีรอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้ ด้วยฐานะธิดาเทพหยุนไห่ของเจ้า เพียงแค่เจ้าร้องขอคนพวกนั้นก็จะกลับมาแน่” หลัวซิวกล่าว
แต่หลัวซิวกลับไม่รู้ว่า เหยียนซีโรว่รู้สึกลังเลกับความคิดที่จะสร้างหยุนไห่ขึ้นมาใหม่
ธิดาเทพหยุนไห่คือผู้นำทางจิตวิญญาณของแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ เป็นตัวแทนที่ไม่ธรรมดาทั่วไป แม้ว่าจะเป็นตำแหน่งเจ้าศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ยังเป็นรองธิดาเทพ
หากต้องสร้างหยุนไห่ขึ้นมาใหม่ ฐานะธิดาเทพอย่างนางจะต้องจัดการเรื่องราวหลายอย่าง และยังต้องออกจากไท่เสวียนไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหลัวซิวอีกต่อไป
เนื่องจากนางเคยฝึกวิชาแห่งชะตามาก่อน นางจึงเห็นชีวิตของตนเองเมื่อชาติก่อน แต่นางก็ยังไม่เคยมีความคิดที่จะออกห่างจากหลัวซิว เพียงรู้สึกว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ รวมทั้งตัวนางในตอนนี้ได้รับการถ่ายทอดความรู้สึกมาจากเมื่อชาติก่อน
นางรู้สึกว่าหลัวซิวคล้ายกับหลี่ยู่มาก นางชอบความรู้สึกของตัวเองเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา แม้ว่าคนคนนี้จะไม่เคยกล่าวคำหวานซึ้งกับนางเลยแม่แต่ครั้งเดียว
สำหรับหลัวซิวแล้ว เขาคิดว่าชาติก่อนก็คือชาติก่อน ชาตินี้ก็คือชาตินี้ เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถแก้ไข้ได้ เขาสามารถควบคุมได้เพียงแค่ชาตินี้เท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าตนเองคือใคร เขาคือหลัวซิวไม่ใช่หลี่ยู่
ชีวิตของหลี่ยู่ สำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงความทรงจำช่วงหนึ่งในอดีตก็เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลัวซิวก็ได้รับอิทธิพลจากหลี่ยู่เช่นกัน เนื่องจากก่อนที่หลี่ยู่จะสิ้นใจเขาได้มีความต้องการอย่างหนึ่ง นั่นคือเขายังไม่สามารถทำตามความต้องการของหยุนซีได้ อีกทั้งหยุนซีต้องตายเพราะเขา เรื่องราวทั้งหมดนี้ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกสบายใจเลย
ความไม่สบายใจนี้เปลี่ยนเป็นความปรารถนาและถ่ายทอดมาถึงหลัวซิว
ดังนั้นครั้งแรกที่หลัวซิวพบเหยียนซีโรว่ เขาจึงมีความรู้สึกอยากที่จะปกป้องนางอย่างมาก นั่นเป็นความปรารถนาที่ไม่อาจตัดขาดถ่ายทอดข้ามภพข้ามชาติมา
ตัั้งแต่แดนอาณาจักรใต้มาจนถึงอาณาจักรตะวันออกนั้น สำหรับจอมยุทธ์หลายๆ คนแล้วล้วนเป็นการเดินทางที่แสนไกล ถึงขั้นที่คนส่วนใหญ่อยู่ที่อาณาจักรตลอดชีวิตเพราะไม่มีทางไปยังดินแดนอาณาจักรตะวันออกได้
หลัวซิวไม่ได้ออกไปตามหาความโชคร้ายของตระกูลยุทธ์ที่อาณาจักรใต้ ฐานะของสี่แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นยิ่งใหญ่ การบุกโจมตีแดนตำหนักจื่อในครั้งนี้ คนของสี่แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่ได้เข้าร่วม เพียงแค่คอยดันเรือไปตามน้ำ แอบช่วยผลักดันเรื่องที่อย่างลับๆ
ดังนั้นด้านหนึ่งหลัวซิวก็ไม่มีเหตุผลหรือข้ออ้างเพียงพอ และอีกด้านหนึ่งก็คือเขาไม่แน่ใจในความสามารถและพลังของสี่แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ว่าเป็นอย่างไรกันแน่
ตามที่เขาเคยรู้ สำนักดำเหลือง ตำหนักดารานภา นิกายมารศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลยุทธ์ล้วนเป็นกองกำลังโบราณที่ต่างเคยผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติในยุคโบราณมาแล้ว
ก่อนหน้ายุคโบราณ กองกำลังทั้งสี่นี้ล้วนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่สืบทอดต่อกันมาหลายหมื่นปี หรืออาจจะถึงขั้นเป็นแสนปีมาแล้ว
อายุที่ยาวนานเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีเพียงแค่เทพมารขั้นปฐมภูมิสี่คนตามที่เห็นเท่านั้น แต่หลัวซิวคิดว่าเผ่าพันธ์มนุษย์ในโลกแสงดาวที่แผ่อาณาเขตกว้างใหญ่นั้นไม่มีทางที่จะมีผู้แข็งแกร่งเท่าที่เห็นอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงคิดว่า ด้วยพลังของเขาตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะต้านทานสี่แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้