มหายุทธ์ สะท้านภพ - บทที่ 1008
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1008
ทว่ายังไม่ทันที่จะตั้งตัวทัน ลำแสงรูปหอกมังกรก็ได้พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสียบเข้าไปยังร่างของนางแตกกระจายกลายเป็นไอเลือด
ปรากฏพลังดูดกลืนวิญญาณออกมาจากหอกยุทธ์มังกรดำ เทพจิตรของเจ้ายุทธจักรหงส์ยังไม่ทันจะหนีก็ถูกจิตภัณฑ์ของหอกดูดกลืน
วิธีการเติบโตของจิตภัณฑ์วิธีการหนึ่งก็คือ การสังหารคู่ต่อสู้ ดูดกลืนเทพจิตอสูรจิตของอีกฝ่ายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
“ถุย! ก็แค่อสูรจิตของแดนเจ้ายุทธจักรเท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรตรงไหนเลย” เสียงก่นด่าเสียงแหลมออกมาจากจิตภัณฑ์ภายในของหอก
“ไปตายให้หมด!”
หลัวซิวกำลังตกอยู่ในความแค้น จักรพรรดิอัคคีนภาแดงระเบิดออกมาจากรอบกายเขา ฟุ้งกระจายไปทั่วขอบฟ้า
เสียงร่ำไห้นับไม่ถ้วนดังสะท้อนไปทั่ว แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์หลายรายของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็พากันถอยหนี ส่วนจอมยุทธ์ระดับต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ลงมาก็ไม่อาจรับมือได้ จึงถูกจักรพรรดิอัคคีนภาแดงเผาวอดไม่เหลือ
เกาเหลียนหงที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยโลหิตเห็นภาพดังนี้ก็รู้สึกราวกับฝันไป กองกำลังนับหมื่นที่เพียงพอที่จะทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วๆ ไปได้ กลับแพ้ราบคาบให้กับคนคนเดียวเช่นนี้?
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว แต่เพลิงอัคคีสีแดงก็ลามไปทั่วทั้งขอบฟ้า กองกำลังที่มีนับหมื่นคนถูกฆ่าตายนับพันคนภายในชั่วพริบตาเดียว!
ฉากทัศน์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกราวกับฝันไป
“พลังของท่านเจ้าสำนักแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วหรือ” เกาเหลียนหงทอดถอนใจ เขายิ้มแต่รอยยิ้มกลับส่งผลต่อบาดแผลของเขาทำให้เจ็บจนต้องกัดฟัน
“ท่านเจ้าสำนักกลับมาแล้ว สำนักไท่เสวียนรอดแล้ว!” ในที่สุดตอนนี้เกาเหลียนหงก็เบาใจลงได้
กลางท้องฟ้า เพลิงอัคคีแดงฉานราวโลหิตกระจายไปทั่วท้องฟ้า ร่างที่มองดูแล้วคล้ายเทพมารสูงตระหง่านทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นเกรง
“ฟึ่บ!”
หลัวซิวใช้มือบีบพลังตราประทับค่ายกล เกิดแสงค่ายส่องประกาย พริบตาเดียวก็ได้วางค่ายกลปิดขังอนัตตาของแดนตำหนักจื่อทั้งหมดเอาไว้
จากระดับค่ายกลของเขาตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ธงค่ายและลายค่ายมาช่วยอีก ใช้เพียงพลังกฎผนึกรวมแสงค่ายก็สามารถวางค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9ได้
ร่างของเขากระโดดลงมาจากท้องฟ้า แล้วนำตัวเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีรั่วที่ได้รับบาดเจ็บประคองขึ้นไป
“ขอโทษที่ข้ามาช้าเกินไป” หลัวซิวกล่าวอย่างรู้สึกผิด และเช็ดคราบเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปากของพวกนางอย่างอ่อนโยน
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เหยียนเยว่เอ๋อร์ส่ายหน้า นางไม่กลัวความเจ็บปวดและไม่กลัวความตาย นางกลัวแค่ว่าตนจะไม่มีโอกาสได้เห็นชายตรงหน้าคนนี้อีกต่อไป
นางคุ้นเคยกับการกระทำอย่างสนิทสนมของหลัวซิว แต่เหยียนซีรั่วกลับไม่ค่อยคุ้นชินนัก หน้าของนางจึงแดงก่ำอายจนต้องก้มหน้างุด
หลัวซิวเองก็ชะงักไปเช่นกัน จากนั้นจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะความทรงจำและประสบการณ์ของหลี่ยู่ส่งผลกระทบต่อเขา เมื่อครู่นี้เขาจึงทำลงไปโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้
แต่เขาเองก็ไม่ได้อธิบายอะไร เรื่องบางเรื่องปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นก็ดีแล้ว
ก่อนหน้านี้ กองกำลังกว่าหมื่นนายรวมตัวเป็นกลุ่มราวกับฝูลสุนัขจิ้งจอกที่เข้ามากำจัดแดนตำหนักจื่อและเพื่อทำลายสำนักไท่เสวียน
ทว่าขณะที่พวกเขากำลังลงมือกันอยู่นั้นก็มีบุคคลหนึ่งปรากฏกายลงมาจากฟากฟ้าแล้วฉีกทึ้งอนัตตาราวกับเทพมารเดินดิน จากนั้นเพียงกวาดมือครั้งเดียวก็ทำให้กองกำลังทั้งหมดเหลือแต่ความว่างเปล่าไร้เศษซาก
เจ้ายุทธจักรแต่งตั้งที่แข็งแกร่งราวเทพยุทธจักรหงส์อยู่ในขั้นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ยังถูกคนผู้นั้นสังหารและไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ
หลัวซิว!
ชื่อนี่นับว่าเป็นชื่อต้องห้ามในโลกแสงดาว เพราะทำให้ทุกกองกำลังทั้งหวาดกลัวทั้งเกลียดแค้น
สิบกว่าปีก่อน เขาถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ตามสังหารจนไร้ที่จะซุกหัวนอน ในแดนดารานอกเขาต้องเสี่ยงตายอาศัยค่ายวาร์ปเพื่อหนีออกไปยังโลกอื่น
ห้าปีก่อนเขากลับมาจากแดนดารานอก หลังจากผ่านสงครามไปสองครั้งก็สร้างชื่อเสียงจนทุกคนพรั่นพรึง เมื่อต้องต่อสู้กับจักรพรรดิหงส์ ผู้แข็งแกร่งเจ้ายุทธจักรแต่งตั้งที่มีพลังเทียบเท่าได้กับเทพมาร เขาก็ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอีก